อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 304 สถานีตำรวจ
ตอนที่ 304 สถานีตำรวจ
“ส่งตัวไปสถานีตำรวจเถอะ!” ตอนนี้ที่ที่เหลียวเว่ยควรจะอยู่คือที่นั่น มีแค่ที่นั่นเท่านั้น
จิ่งเป่ยเฉินไม่ได้พูดอะไรอีก ฉีเซิ่งเทียนเองก็เข้าใจในความหมายของเขา ดังนั้นเขาจึงโอบตัวอันโหรวออกไปทันที
ฉีเซิ่งเทียนเล่นปืนที่อยู่ในมือของเขา “เธอบังอาจทำให้หลานที่น่ารักทั้งสองคนของฉันต้องมานอนที่โรงพยาบาลก่อนฉลองตรุษจีน สมควรรับโทษสถานเดียว!” ส่งเธอไปสถานีตำรวจนั้นง่ายเกินไป!
“นายจะทำอะไร?”
“เธออย่ามายุ่ง!”
“ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!”
เหลียวเว่ยตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ แต่ฉีเซิ่งเทียนก็ยังคงก้าวเข้าไปใกล้เธอ
ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง!
เสียงปืนดังขึ้นห้านัด ร่างกายของเหลียวเว่ยแน่นิ่งไป เธอรู้สึกถึงเลือดที่ไหลออกมา เหมือนว่าชีวิตของเธอนั้นกำลังจะค่อย ๆ จากไปอย่างช้า ๆ
โอวหยางลี่ก้มลงมองเธอ ไหล่ทั้งสองข้าง ขาทั้งสองข้าง และมือซ้าย รวมถึงมือขวาที่จิ่งเป่ยเฉินนั้นยิงไปก่อนหน้า
“เธอไม่ต้องห่วง ฉันเป็นมืออาชีพ ยังมีหมออยู่ที่นี่ เธอตายไม่ได้หรอก” ฉีเซิ่งเทียนหมุนปืนในมือ ก่อนจะเหลือบไปมองหมอที่ยืนอย่างโง่เขลาอยู่ด้านข้าง “รักษาเธอ เอากระสุนออกโดยไม่ต้องใช้ยาสลบ พี่เหลียวเว่ยเป็นที่รู้กันว่าทนกับความเจ็บปวดได้ดี รอให้เอากระสุนออกมาแล้วฉันจะพาเธอไปส่งสถานีตำรวจด้วยตัวเอง”
แขนและขาของหยางหยางและหน่วนหน่วนได้รับบาดเจ็บ มือและเท้าของเธอก็ต้องได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดเสียบ้าง!
เหลียวเว่ยไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะพูด เธอลืมตาขึ้นมาและพูดว่า “อันโหรว ฉันเกลียดเธอ!”
เหอเหมียวที่ตอนนี้ตกใจอย่างสุดขีด เธอเดินโซซัดโซเซไปหาโอวหยางลี่ก่อนที่จะสลบไป
เมื่อเฉาลี่เฟยเห็นสถานการณ์แบบนี้ก็ให้โอวหยางลี่อุ้มเธอออกไปทันที พวกเขาอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้วไม่ว่าจะยังไงลูกในท้องก็เป็นลูกของโอวหยางลี่
เสียงโหวกเหวกโวยวายที่ระเบียงเมื่อครู่จู่ ๆ ก็เงียบสงบลง เป็นครั้งแรกที่หมอที่นี่ต้องคุกเข่าผ่าตัดตรงพื้น แม้แต่ยาชาก็ไม่ได้ฉีดให้เธอ
“แค่เอากระสุนออกมาก็พอแล้ว นายทำเหมือนว่าเธอเป็นคนไข้หรือเปล่า?” จู่ ๆ ฉีเซิ่งเทียนก็พูดขึ้นมาจากด้านข้าง
เมื่อจิ่งเป่ยเฉินและอันโหรวกลับมาที่ห้องผู้ป่วย หยางหยางและหน่วนหน่วนก็ได้ตื่นขึ้นมาแล้ว
อันโหรวควบคุมอารมณ์ไว้และเดินไปพร้อมกับรอยยิ้ม “ตื่นนานหรือยังคะ? เป็นเพราะแม่จ๋าเมื่อครู่เกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อย”
“แม่จ๋าพวกผมไม่ได้เป็นอะไร!” วันนี้หยางหยางพูดขึ้นมาก่อนหน่วนหน่วน
เหมือนว่าเมื่อครู่เขาจะได้ยินเสียงปืน สังเกตพวกเขาว่าไม่ได้เป็นอะไรก็สบายใจขึ้นมา
จิ่งเป่ยเฉินและอันโหรวต่างคนต่างป้อนข้าวให้กับลูก ๆ เมื่อกินข้าวเสร็จจิ่งเป่ยเฉินก็พูดขึ้นว่า “ให้ลูก ๆ กลับบ้านเถอะ! อยู่ในสวนนาน ๆ ไม่กระทบต่อจิตใจ สามารถพักฟื้นที่บ้านต่อได้!”
“ได้เหรอ?” อันโหรวเองก็อยากกลับบ้าน ที่โรงพยาบาลทำให้เธอ…….
“ได้แน่นอนสิ พาหมอกลับบ้านไปด้วย” บ้านพักวิลล่ากว้างขวาง มีพื้นที่ให้หมอและพยาบาลเข้าไปอาศัยอยู่ได้อย่างสบาย
“ดีเลย! เอาตามนายว่าเลย” อันโหรวก้มลงไปมองหน่วนหน่วน “หน่วนหน่วน พวกเรากลับบ้านกันดีไหมคะ?”
“ดีเลยค่ะ!” หน่วนหน่วนยิ้มหวาน ๆ เธออยู่โรงพยาบาลจนรากงอกแล้ว
ในที่สุดก็ได้กลับบ้านสักที!
ในวันนั้นหยางหยางและหน่วนหน่วนก็กลับมาพักผ่อนที่บ้าน เธอไม่ต้องไปโรงพยาบาลทุกวันแล้ว และไม่ต้องไปพบเจอโอวหยางลี่ที่โรงพยาบาลอีก แบบนี้มันดีจริง ๆ
หลังจากดูแลหยางหยางและหน่วนหน่วนในช่วงค่ำ แขกที่ไม่ใช่แขกก็มาที่บ้าน
ฉีเซิ่งเทียน
ภายในห้องโถงใหญ่ ฉีเซิ่งเทียนที่นั่งอยู่ที่โซฟากำลังจิบน้ำชาที่คนรับใช้นำมาเสิร์ฟให้
จิ่งเป่ยเฉินสวมชุดอยู่บ้านสีน้ำเงินนั่งลงตรงข้ามเขา อันโหรวรู้สึกว่าตอนนี้เธอควรจะออกไป
แต่จิ่งเป่ยเฉินกลับรั้งเธอไว้ เขาใช้แรงดึงเธอจนเธอต้องนั่งลงไปข้าง ๆ เขา
ฉีเซิ่งเทียนขมวดคิ้วขึ้น “พี่เฉิน พี่นี่ไม่ไว้หน้ากันเลยนะ พี่สะใภ้จะไปก็ให้ไปสิ! นี่พี่จงใจให้ฉันมาดูพวกพี่พลอดรักกันเหรอ!?”
รู้ ๆ อยู่ว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนเกือบต้องตาย ตอนนี้กลับตัวติดหนึบกันขึ้นมาเสียอย่างนั้น หลังจากที่เจอเรื่องนี้คิดไว้แล้วว่าพวกเขาต้องเป็นเอกฉันท์
การทะเลาะกันของหนุ่มสาวนั้นน่าสนใจ สามารถที่จะปล่อยอีกคนไปได้ในชั่วขณะหนึ่ง
“อืม ก็เกือบจะ” จิ่งเป่ยเฉินตอบ
ฉีเซิ่งเทียนบล็อกคำพูดของเขาโดยอัตโนมัติ “ฉันส่งเหลียวเว่ยไปสถานีตำรวจแล้ว หลักฐานก็ส่งไปแล้ว มันมีมากพอที่จะทำให้เธอติดคุกเจ็ดแปดปีเลย”
เหลียวเว่ยเธอเองก็ไม่อยากจะฟัง
“เป็นเพราะวันนี้เหลียวเว่ยดูบ้าคลั่งแบบนั้น ฉันคิดว่าสมควรจะเป็นแบบนี้!” ฉีเซิ่งเทียนจับไปที่อกโดยไม่รู้ตัว
เรื่องราวก็ประมาณนี้ ตอนแรกเฉาลี่เฟยให้เงินเหลียวเว่ยไปหนึ่งร้อยล้านเพื่อให้เธอกับโอวหยางลี่หย่ากัน
หลังจากนั้นเหลียวเว่ยเห็นว่าจิ่งเป่ยเฉินขออันโหรวแต่งงาน ด้วยความเกลียดชังที่สะสมมานานรวมกันจึงได้จ้างวานฆ่าหยางหยางและหน่วนหน่วน
เธอติดสินบนคนขับรถบรรทุก เมื่อพ่อแม่ของเธอรู้เรื่องนี้เข้า เธอก็นำเงินที่เหลือไปให้พวกเขาใช้ชีวิตที่ตงซาน
เหลียวเว่ยเป็นกังวลเรื่องหน่วนหน่วนและหยางหยางจึงซื้อตั๋วออกนอกประเทศไว้สามใบเพื่อให้พ่อแม่หนีไป และตอนนั้นเธอเองก็ต้องไปด้วย แต่หลังจากที่ตรวจตั๋วก็รู้สึกว่าจะต้องเป็นหลักฐานทำให้พวกเขาหาตัวเธอเจออย่างแน่นอน
เพราะงั้นเธอจึงไม่ได้หนีออกไปด้วย
ทันทีที่พ่อแม่ของเหลียวเว่ยออกนอกประเทศก็ไปใช้ชีวิตกินดื่มอย่างสนุกสนาน ไปรู้จักกับเพื่อนที่เจ้าเล่ห์ โกงเงินของพวกเขาทั้งหมดจากธุรกิจจนไม่เหลือแม้แต่บาทเดียว
พวกเขากลับเข้ามาในประเทศไม่ได้อีก จึงโทรศัพท์มาหาเหลียวเว่ย เธอรู้สึกว่าความโชคร้ายที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของเธอนั้นได้สิ้นสุดลงแล้ว
คนในเมือง A นั้นตามหาเธอมาตลอด เธอซ่อนตัวอยู่นานจนรู้ว่าไม่ช้าก็เร็วจะต้องมีคนตามหาตัวเธอเจอแน่ เพราะงั้นก่อนที่จะถูกจับได้จึงตัดสินใจ ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางปล่อยให้เหอเหมียวกับโอวหยางลี่ได้มีชีวิตที่ดี ดังนั้นจึงเกิดฉากในวันนี้ขึ้นมา
“เรื่องมันก็เป็นแบบนี้! นี่ก็ใกล้จะตรุษจีนแล้ว! เรื่องแย่ ๆ ก็ให้มันผ่านพ้นไป! ไม่ใช่แค่เรื่องโอวหยางกรุ๊ปที่สามารถล้มลงได้ หรือว่าควรบอกหลังตรุษจีนดี?” ฉีเซิ่งเทียนเลิกคิ้วขึ้น สายตามองไปที่พวกเขาทั้งสอง
อันโหรวไม่มีความคิดเห็นใด ๆ ตอนนี้เธอเพียงต้องการดูแลหยางหยางและหน่วนหน่วน
“ค่อยว่ากัน” จิ่งเป่ยเฉินมองฉีเซิ่งเทียนด้วยสายตาที่เฉยเมย พวกเขาสามารถฉลองตรุษจีนได้ แต่โอวหยางลี่นั้นไม่มีทางเด็ดขาด
“ห่างฉันหน่อยก็พอ” จิ่งเป่ยเฉินโอบอันโหรวไว้ก่อนจะเดินขึ้นไปชั้นบน
ฉีเซิ่งเทียนยืนอยู่ที่เดิมพลางมองทั้งคู่เดินออกไป จู่ ๆ เขาก็หวนคิดถึงค่ำคืนที่พลาดหยกอันหอมกรุ่นในยามค่ำคืนที่อยู่ในมือเขา!
ถ้าหากว่าตอนนี้เขาตะโกนเรียกหลินจือเซี๋ยวมา เธอคงอยากจะฆ่าเขาให้ตายแน่ ๆ
น่าสงสารเพราะหัวของเขาโดนกระแทกอย่างแรงจนบาดเจ็บ ทรงผมที่ดูหล่อเหลาแบบนี้มีแต่คนหล่อ ๆ ครอบครองเท่านั้น!
เขายืนอยู่ในห้องโถงนั้นสักพัก ก่อนที่จะคิดวนไปวนมาแล้วเดินออกไป
ในยามที่ต้องการผ่อนคลายแบบนี้ หาผู้หญิงที่เข้าตามาเล่นด้วยสักคนคงจะมีความสุขไม่น้อย
ทั้งสองคนที่เดินขึ้นมาบนห้องนอน เมื่อประตูห้องนั้นปิดลง ร่างกายของอันโหรวก็ถูกดันให้แนบชิดพิงกับประตู ลมหายใจที่ร้อนผ่าวนั้นเข้ามาใกล้เธอ
“โหรวโหรว…….”
ทันใดนั้นเธอถึงได้เข้าใจว่าทำไมจิ่งเป่ยเฉินถึงได้รีบร้อนให้พาหน่วนหน่วนและหยางหยางกลับมาที่บ้าน พวกเขาอยู่โรงพยาบาลมาหลายวัน นอนบนเตียงเล็ก ๆ ด้วยกันทุกคืน…