อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 307 เธอเตรียมการรับมือเขา
ตอนที่ 307 เธอเตรียมการรับมือเขา
หลังจากนั้นเธอจึงหลับไปด้วยความโล่งใจและสบายใจ
ถ้าหากถูกฉีเซิ่งเทียนรู้ว่าเธอเตรียมการรับมือเขาแบบนี้ เขาจะต้องพุ่งเข้ามาแน่นอน
หลินจือเซี๋ยวนอนหลับไม่สนิทตลอดทั้งคืน มักจะฝันอยู่เสมอว่ากระต่ายน้อยสีขาวถูกเสือตัวหนึ่งขย้ำกินแต่เธอไม่ใช่กระต่ายน้อยสีขาว เธอมีกรงเล็บ
เธอตื่นขึ้นเร็วมากในตอนเช้า เมื่อคิดว่ามีปีศาจอยู่ในบ้านของเธอ เธอก็รีบเก็บกวาดจัดระเบียบตัวเอง รวมถึงเก็บกวาดห้องก่อนและออกไป
ภายในห้องที่เงียบสงบที่เหมือนมีเธออยู่ในบ้านคนเดียว เธอโผล่หน้าไปมองด้านนอกผ่านหน้าต่าง รถของฉีเซิ่งเทียนยังคงจอดอยู่ นั่นหมายความว่าเขายังคงนอนอยู่ชั้นบน
ไม่สนใจเขาแล้ว!
หลังจากที่ทำอาหารเช้าเสร็จก็หันไปมองที่ชั้นบน ตอนเช้าเรียกผู้ชายมากินข้าวเป็นการกระทำที่อันตรายมาก
ดังนั้นเธอจึงกินข้าวอย่างสบายใจและลืมฉีเซิ่งเทียนที่รอให้เธอไปปลุกอยู่ชั้นบนไปโดยสิ้นเชิง
หลังจากที่กินข้าวเสร็จก็ออกไปที่บริษัททันที
ส่วนฉีเซิ่งเทียน…….
เขาเกิดเองก็ต้องดับเอง
ใกล้หยุดตรุษจีนนั้นงานในบริษัทค่อนข้างยุ่ง หลินจือเซี๋ยวเข้าบริษัทไปทำงานโดยลืมเรื่องของฉีเซิ่งเทียนไปเลย
จนกระทั่งภายในห้องทำงานนั้นปรากฏเงาของชายสูงร่างใหญ่
เธอเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นฉีเซิ่งเทียน จึงก้มหัวหน้าลงอย่างไม่รู้ตัว แกล้งทำว่าไม่ได้เกิดเรื่องอะไรอย่างไรอย่างนั้น “ผู้จัดการฉีมีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ?”
แต่ไรมาฉีเซิ่งเทียนก็มักจะยิ้มแย้มอยู่เสมอ ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขามีสายตาที่เย็นชาแบบนั้น
ภายในใจของเธอรู้สึกผิดเล็กน้อยที่ตอนเช้านั้นไม่ได้ปลุกเขา
“ทำไมเธอถึงไม่ปลุกฉัน? กลัวว่าฉันจะกินเธอหรือไง?” ฉีเซิ่งเทียนก้มหน้าลงมองใบหน้าขาว ๆ ของเธอ แสร้งทำเป็นสงบ
หลินจือเซี๋ยวเหลือบมองสักพัก เมื่อเขาเข้ามาครั้งแรก ดวงตาที่จ้องเขม็งและเย็นชานั้นหายไปนานแล้ว ก่อนจะถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า รอยยิ้มที่มีความขี้เล่นและน่าสงสัย
เธอไม่ต้องการเข้าไปอยู่ในความคิดของฉีเซิ่งเทียน “งานของฉันยุ่งมาก ถ้าหากผู้จัดการฉีไม่มีธุระอะไรอื่น ๆ แล้ว ช่วยออกไปด้วยค่ะ”
“เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่มีธุระอื่น?” ฉีเซิ่งเทียนเอนตัวลงบนโต๊ะ ก่อนจะเอนหลังมองดูอย่างสบายใจ
“งั้นคุณก็พูดมาสิคะ” เขาจะยอมแพ้ให้เธอหน่อยไม่ได้เลยหรือยังไงกัน?
ฉีเซิ่งเทียนมองไปที่ใบหน้าที่ดุโกรธเล็กน้อย ก่อนจะพูดเบา ๆ ว่า “ฉันยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย”
“ผู้จัดการฉี มือเท้าของคุณหักงั้นเหรอ? หรือฟันหักจนกลืนเข้าคอตัวเองไม่ได้กัน?” อยากกินข้าวเช้าแล้วจะมาหาเธอทำไม?
“ฉันเป็นเลขาของประธานจิ่ง ไม่ใช่เลขาของผู้จัดการฉีนะคะ” เธอยุ่งมาก อีกทั้งยังต้องรีบจัดแจงโต๊ะ จะได้เอาอาหารเช้ามาให้เขา
แต่นี่มันหน้าที่รับผิดชอบของเลขาหรือยังไงกัน?
“ขอบคุณที่ช่วยเตือนนะ” ฉีเซิ่งเทียนพูดประโยคเย็นชาออกมา ก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานไปทันที
หลินจือเซี๋ยวเองก็ตกตะลึง แต่ก็ไม่คิดมากอะไร ก่อนจะเริ่มทำงานของตัวเองต่อ
หากฉีเซิ่งเทียนไม่มากวนเธอย่อมถือเป็นเรื่องดี
แต่แล้วช่วงบ่าย เธอก็ได้รับข่าวร้ายเข้าจนได้
เธอถูกสับเปลี่ยนตำแหน่งจากเดิมเป็นเลขาของประธานจิ่ง ให้กลายเป็นผู้ช่วยและเลขาของผู้จัดการฉีแทน
พระเจ้าบนสวรรค์นี่มันเรื่องตลกหรือยังไงกัน!
นี่คงเป็นภาพลวงตาที่กำลังหลอกหลอนเธอแน่ ๆ
ในขณะที่เธอกำลังอึ้งกิมกี่ จู่ ๆ ฉีเซิ่งเทียนก็เดินเข้ามาพร้อมกับเผยรอยยิ้มอย่างเบาบาง เขาเดินเข้ามาด้วยท่าทีที่สง่าราวกับเป็นเจ้าคนนายคน
หรือที่เขาพูดตอนนั้นว่าขอบคุณที่ช่วยเตือน หมายถึงเรื่องพวกนี้งั้นเหรอ?
“ผู้ช่วยหลิน หลังจากนี้ก็ช่วยชี้แนะผมเยอะ ๆ หน่อยนะ” ฉีเซิ่งเทียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงจังและดูเข้มงวด ราวกับว่าที่เกิดขึ้นพวกนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
“ไม่กล้าหรอกค่ะ ผู้จัดการฉี ความเมตตาของคุณนั้นถึงเป็นความจริง” เธอสามารถปฏิเสธได้ไหมนะ
ฉีเซิ่งเทียนก้มลงมองเธอ ขณะที่สบตากันจู่ ๆ เขาก็ยิ้มออกมา “เธอไม่ต้องห่วง ฉันจะเมตตาเธอแน่นอน”
เธอทำอะไรผิดงั้นเหรอ?
ถ้าหากรู้ว่าตอนเช้าต้องปลุกเขา น้ำใจของผู้ชายคนนี้น้อยเกินไปแล้ว
“ผู้จัดการฉี ช่วงนี้ฉันงานยุ่งมาก กลายมาเป็นเลขาประธานจิ่งชั่วคราวเลยไม่คุ้นชินกับงานเท่าไร พวกคุณเข้าใจใช่ไหม?” ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นใช่หรือเปล่า?
การโยกย้ายบุคลากรดูง่ายดายเกินไป
“ไม่เห็นเป็นไรเลย! เธอสามารถที่จะพักงานได้เลย หลังจากที่หาเลขาคนใหม่ให้ประธานจิ่งได้แล้ว เธอก็สามารถที่จะออกไปได้” เขาขมวดคิ้วขึ้น ก่อนจะหมุนตัวออกไปด้วยความลำพองใจ
หลินจือเซี๋ยวนั่งอยู่ที่เดิมอย่างไร้หนทาง จู่ ๆ ก็กลับมาคิดทบทวนตัวเอง
เธอกับฉีเซิ่งเทียนเป็นเพื่อนร่วมงานกันเสมอมา ทำไมถึงได้เปลี่ยนไปเป็นแบบนี้?
เธอเองไม่สามารถที่จะไปเปลี่ยนความคิดของฉีเซิ่งเทียนได้ เธอไม่อยากใช้ชีวิตอยู่ในกรงของเขา
เมื่อคิดถึงเรื่องจูบที่เร้าร้อนเมื่อคืน ใบหน้าของเธอก็ค่อย ๆ แดงขึ้น
…….
บ้านโอวหยาง
หน้าต่างกระจกบานใหญ่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาว และทันใดนั้นลมก็กระโชกแรงพัดผ่านมาจนหิมะบนกิ่งไม้ตกลงมาอย่างแรง
ซ่าซ่าซ่า…..
พรมเปอร์เซียสีแดงส่องประกายระยิบระยับ คนสองคนกำลังยืนอยู่บนพรมนั้น
โอวหยางลี่ที่ยืนอยู่นั้น สีหน้าของเขาซีดเผือกเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่ายังไม่ออกมาจากเหตุการณ์เมื่อวาน
เสียงปืนที่ดังลั่นยังคงดังอยู่ในหู หลับตาลงก็ยังเห็นเหลียวเว่ยที่นอนจมกองเลือดอยู่ และความเฉยเมยของโหรวโหรวที่มองใบหน้าที่เยือกเย็นของเขา
ใบหน้าของเฉาลี่เฟยเองก็ไม่ได้ดีเท่าไรในตอนนี้ เหอเหมียวที่ท้องลูกของตระกูลโอวหยางกลับทำร้ายเด็กบริสุทธิ์อีกคน
ไร้สาระ!
ผู้หญิงคนนั้นไม่คู่ควรที่จะมาเป็นสะใภ้บ้านโอวหยาง!
หลังจากที่เงียบไปสักพัก โอวหยางลี่ก็ได้เอ่ยปากขึ้นมาว่า “เด็กจะเกิดมาหรือไม่ก็แล้วแต่แม่ เรื่องของพวกเขา ผมจะไม่ยุ่ง และหวังว่าแม่เองก็จะไม่มายุ่งเรื่องของผมเหมือนกัน”
“แกเป็นลูกของฉัน เรื่องของแก ฉันจะไม่สนใจได้ยังไง?” เฉาลี่เฟยรู้สึกร้อนรนขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อวานจนถึงตอนนี้เธอเองก็ไม่ได้นอน คนที่น่าเป็นห่วงนั้นไม่ใช่เขา
“แม่ แม่ทำอะไรได้บ้าง? นี่มันเหมือนกับเมื่อห้าปีก่อนที่ทำกับจิ่งเป่ยเฉินงั้นเหรอ? สกุลจิ่งไม่ใช่สกุลอันนะ!” โอวหยางลี่พูดด้วยใบหน้าที่เย็นชา แต่ก่อนเขาเคยฟังคำพูดของเฉาลี่เฟย แต่ตอนนี้เรื่องพวกนี้ เธอไม่กล้าที่จะทำ
“แน่นอนว่าไม่ใช่” เฉาลี่เฟยมีความคิดเตรียมการไว้แล้วในใจ
ตอนนี้มีเพียงคนเดียวที่จะทำให้จิ่งเป่ยเฉินหยุดเป็นครั้งคราวได้ และไม่สามารถที่จะต่อกรหรือเอาชนะกลุ่มโอวหยางกรุ๊ปได้
“แม่ เรื่องของบริษัทแม่ไม่เคยสนใจ ส่วนเรื่องเหอเหมียว แม่ก็คิดดูเอาเถอะ ต่อให้เธอกำจัดเด็กในท้องของเหลียวเว่ยไปแล้ว แต่ก็ง่ายที่จะเก็บคนคนนี้เพียงแค่คนเดียว” ใบหน้าของโอวหยางลี่ไม่ปรากฏแม้แต่รอยเส้นเลือดใด ๆ เรื่องพวกนี้เขาล้วนต้องคิดให้ดี ๆ
เฉาลี่เฟยยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน ก่อนจะมองเขาด้วยท่าทางอบอุ่น “แกไปพักผ่อนก่อนเถอะ”
……
อันโหรวแม้ตอนนี้จะอยู่บ้านดูแลหยางหยางและหน่วนหน่วน แต่เธอเองก็สนใจสถานการณ์ภายนอกพอสมควร
ตอนนี้ที่บริษัทจิ่งผลิตภัณฑ์หยกของวิเวียนเองก็ได้วางจำหน่ายออกไปแล้ว ถือเป็นแรงกดดันสำหรับบริษัทโอวหยางกรุ๊ปมากพอสมควร แต่ไม่กี่วันที่ผ่านมาข่าวคราวก็ได้สงบลงเป็นครั้งคราว
แต่ก่อนกลุ่มโอวหยางกรุ๊ปได้ผนวกรวมเข้ากับสกุลอัน กลายเป็นผู้นำหยกของเมือง A มาแล้วตั้งหลายปี ตอนนี้อย่างน้อยเขาก็ยังมีความแข็งแกร่งพอที่จะต่อกรกับพวกหน้าใหม่ได้อยู่บ้าง
ห้าปีต่อมา โอวหยางลี่ก็กลายเป็นชายผู้ที่ควรจับตามอง เพียงแต่เรื่องอารมณ์ความรู้สึกของเขานั้นยังดูขาดความรับผิดชอบอยู่บ้าง
ไม่ว่าจะเป็นเหลียวเว่ยหรือเหอเหมียว ตัวเขานั้นเป็นคนที่สามารถเล่นไปมาได้ตามใจต้องการขนาดนั้นเลยเหรอ?
อีกสองวันข้างหน้าก็จะเป็นวันคืนก่อนตรุษจีน และอีกสองวันข้างหน้าถัดไปก็จะเป็นวันส่งท้ายปีเก่า
แน่นอนว่าในค่ำคืนนั้นหยางหยางและหน่วนหน่วนต้องนอนหลับก่อนที่จิ่งเป่ยเฉินจะกลับมา เมื่อตัวเขากลับมาที่บ้าน เธอก็คิดที่จะพูดถึงเรื่องตระกูลอัน
หลังจากที่เธอกลับมาจากสืบหาข้อมูล ตอนแรกแม่ของเธอนั้นถูกจับไปพร้อมกับพ่อของเธอ แต่แล้วหลังจากนั้นไม่รู้ทำไมแม่ของเธอถึงถูกปล่อยตัวออกมา เมื่อปล่อยตัวออกมาแล้วก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย โดยที่เธอไม่รู้เรื่องเลยสักนิดเดียว
เธอนั่งที่ข้าง ๆ เตียงหวนใช้ความคิด ทางด้านจิ่งเป่ยเฉินที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำ เมื่อเห็นใบหน้าที่กำลังบูดบึ้งของเธอ เขาจึงเดินเข้ามาหา
ตัวเธอรู้สึกถึงไอเย็น ๆ อยู่ข้างกาย พร้อมกับลมหายใจอุ่น ๆ ก่อนที่เขาจะพูดเสียงต่ำว่า “เธอคิดอะไรอยู่?”