อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 309 มีน้ำมีนวล
ตอนที่ 309 มีน้ำมีนวล
ทันใดนั้นเธอก็ยกขาขึ้นไปพาดขาของเขาและใช้ฟันกัดอย่างแรง
ดวงตาสีดำสนิทของจิ่งเป่ยเฉินนั้นเบิกกว้างและปล่อยริมฝีปากของเธอออก ลิ้นที่ถูกเธอกัดนั้นระบมเจ็บปวด
“ลุกขึ้นได้แล้ว!” เธอพยายามลุกขึ้น แต่ก็พบว่าตัวเธอนั้นหนักเกินไป
เสื้อขนเป็ดที่กันหิมะก็ไม่ได้อยู่บนตัวของเธอ ทำไมถึงลุกไม่ขึ้นนะ?
จิ่งเป่ยเฉินนายเอามือสองมือที่เหมือนกับตราชั่งกดหลังเธอไว้ ทำไมเธอถึงลุกไม่ขึ้นกันนะ!
จิ่งเป่ยเฉินปล่อยเธอออก แต่เธอก็ยังคงลุกไม่ขึ้น
ใบหน้าเล็ก ๆ ที่ยากจะเผยใบหน้าที่น้อยใจมองไปที่เขา “นี่ฉันอ้วนขึ้นงั้นเหรอ?”
“มีน้ำมีนวล”
“อ้วนขึ้นจริงเหรอเนี่ย?” ทำไมเธอถึงไม่รู้เลย
“เปล่า” เธอจะเปลี่ยนไปยังไงเขาก็ชอบ ใครใช้ให้ชีวิตนี้เหมือนเลี้ยงผู้หญิงแบบนั้น!
อันโหรวกลับไม่เชื่อคำพูดของเขา เธอกัดริมฝีปากของตัวเอง
ทันใดนั้นเธอก็พลิกตัวลงไปนอนบนพื้น จิ่งเป่ยเฉินก็ขึ้นมาทับเธอไว้
“ลุก…..”
จิ่งเป่ยเฉินไม่ได้รอให้เธอพูดจบก็ลุกขึ้นและดึงตัวเธอขึ้นมาด้วย บนพื้นที่พวกเขาเพิ่งนอนลงไปมีรอยลึกเป็นร่างของพวกเขา เป็นเขาเอง
“ไปกันเถอะ! หยางหยางกับหน่วนหน่วนรออยู่ที่บ้าน” อันโหรวจับมือขวาของเขา ฝ่ามือที่เย็นของเธอและแผลเป็นกลับเหมือนกับหัวแร้งที่ร้อน
จิ่งเป่ยเฉินก้มลงมองมือที่จับอย่างแน่น เขาเอามือของเธอสอดเข้าไปในกระเป๋าเสื้อของเขา มือทั้งสองสอดอยู่ในกระเป๋าเสื้อจึงไม่ได้โดนลมพัดใด ๆ
อันโหรวหันไปมองเขาและไม่ได้พูดอะไร ป้อมปราการที่สร้างขึ้นภายในหัวใจของเธอนั้นได้พังทลายลงในทันที
จิ่งเป่ยเฉินที่ดีแบบนี้ ทำไมแม่ของเธอถึงไม่ยอมให้แต่งงานกับเขากัน?
อย่างน้อยเขาก็ดีกับเธอมาก ๆ
ทันทีที่ขึ้นรถ จิ่งเป่ยเฉินก็เอาผ้าห่มมาคลุมตัวเธอ หลังจากนั้นก็โอบกอดเธอไว้
“นายไม่หนาวเหรอ?” เขาที่เพิ่งถูกเธอแกล้งผลัก
พูดความจริง ไม่ใช่เขาที่กดไว้ แต่เป็นเขาเองที่กอดเธอไว้ไม่ให้เธอลุกขึ้น
“กอดเธอไว้จะหนาวได้ยังไง” จิ่งเป่ยเฉินเงยหน้ามองเธอ แค่มีเธออยู่ข้างกาย ไปไหนก็ไม่หนาว
ถึงแม้จะเป็นหิมะขั้วโลกเหนือที่เป็นน้ำแข็งก็ตาม
“กะล่อน” เธอสาปแช่งว่าไป แต่ภายในใจกลับมีความสุข
เดิมทีเธอมีประโยชน์มาก ๆ นะ!
“ที่รัก เธอล่ะ?” เขาไม่ได้กะล่อน แต่จริงใจต่างหาก
“ตอนที่นายติดฉันแบบนี้มีตอนที่หนาวบ้างไหม? ตอนไหนกันที่นายไม่ร้อน?” ร่างกายของเขานั้นร้อนรุ่มอย่างไม่เข้าท่า
เมื่อบิ๊กบอสฟังก็รู้สึกว่ามันช่างสมบูรณ์แบบ
อันโหรวของเขาที่แท้ก็มีจิตใจที่ดี
หากวันนี้เธอไม่บอกว่าให้เขาดูแลหน่วนหน่วนกับหยางหยาง เขาจะดีใจมากกว่านี้
รถที่แล่นมาด้วยความเร็วนั้นหยุดลงที่ซิวหยวน ที่หน้าประตูมีรถแท็กซี่จอดอยู่หนึ่งคัน
รถโรลส์-ลอยซ์ขับผ่านรถแท็กซี่ไป อันโหรวมองเข้าไปด้านในรถอย่างสงสัย ใครจะรู้ว่าคนที่ปรากฏตรงกระจกรถนั้นคือลูกพี่ลูกน้อง!
เธอที่ยังไม่ทันได้พูดอะไร รถก็ได้หยุดตรงหน้าประตูบ้านพักวิลล่า
“คนที่อยู่ในรถเป็นน้องสาวของฉัน” อันโหรวมองไปที่เธออย่างอดสงสัยไม่ได้ “เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? หลังจากที่ตระกูลอันเกิดเรื่องขึ้น ฉันเองก็ไม่ได้เจอเธออีกเลย”
“ตรุษจีนแล้ว กลับมาเยี่ยมญาติและเพื่อนฝูง” ใบหน้าจิ่งเป่ยเฉินยังคงเย็นชาเช่นเคย
หลังจากที่พวกเขาลงจากรถ พ่อบ้านก็รีบออกมาอธิบายทันที เธอมาหาพวกเขาจริง ๆ
“ให้เธอเข้ามาเถอะ!” อันโหรวยิ้ม
หลังจากที่กลับมาก็ไม่ได้เจอคนในตระกูลอันเลย การได้เห็นเธอนั้นทำให้ดีใจเป็นอย่างมาก เมื่อก่อนทั้งสองคนนั้นสนิทกันดี
เพียงแต่ว่าห้าปีกว่ามานี้ไม่ได้ติดต่อกันเลย
จิ่งเป่ยเฉินโอบไปเธอและใช้น้ำเสียงที่ไม่ได้สนใจ “ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะ!”
“รู้แล้ว คุณสามี!”
พ่อบ้านเชิญอันหยาพั่นเข้ามาในบ้านและเสิร์ฟน้ำชา ก่อนจะให้นั่งลงบนโซฟาเพื่อรอเธอ
เธอเป็นลูกพี่ลูกน้องตระกูลอันที่เห็นอะไรมามากมายตั้งแต่เด็ก ดังนั้นจึงรู้ประวัติของตระกูลจิ่งเป็นอย่างดี
ตอนนี้ที่เธออยู่ในนี้ เธอกลับรู้สึกว่าบ้านตระกูลจิ่งนั้นงดงามหรูหรากว่าที่คิดจินตนาการ รายละเอียดที่โดดเด่นสง่างามอย่างชัดเจน
เธอจำได้ว่าเมื่อไม่นานมานี้ได้ดูคลิปวิดีโอจิ่งเป่ยเฉินขออันโหรวแต่งงาน ตระกูลอันล่มสลาย อันโหรวที่ไม่เหลืออะไรแล้วแต่กลับมีผู้ชายที่สง่างามเหนือคนอื่นมารัก
ทำไมเธอจะไม่มาดู
เธอไม่ได้ถืออะไรติดไม้ติดมือมา แม้แต่เงินก็ไม่ได้พกมา หวังเพียงว่าจะมาค้างที่นี่
อันหยาพั่นเห็นอันโหรวที่เดินลงมาจากชั้นบนก็ลุกขึ้นอย่างตื่นเต้น แต่ว่าคนที่ลงมากลับเป็นเธอคนเดียว
“พี่คะ!” อันหยาพั่นเดินไปหาเธอพลางพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวาน
“พั่นพั่น” อันโหรวยกคิ้วขึ้นพลางยิ้มมองดูเธอ ไม่ได้เจอกันตั้งห้าปี เธอสูงกว่าเมื่อก่อนเยอะมากและดูละมุนขึ้นด้วย
เป็นสาวรูปร่างบางสะโอดสะอง
“พี่คะ ฉันเห็นข่าวในอินเทอร์เน็ต ฉันควรจะมาหาให้เร็วกว่านี้ แต่ว่าพ่อของฉันนั้นไม่แข็งแรง ท่านป่วยอยู่เลยต้องดูแลอยู่ที่บ้าน วันนี้แวะมาเพราะพ่อบอกว่าพี่อยู่ที่เมือง A คนเดียว ฉลองตรุษจีนไม่มีใครมาหาเลย เพราะงั้นเลยให้ฉันมาเยี่ยมพี่” สีหน้าของอันหยาพั่นดูเป็นกังวล
“ฉันสบายดี เป็นเพราะฉันกลับมาและไม่ได้ไปเยี่ยมคุณลุงเอง พวกเรานั่งก่อนเถอะ!” ทันทีที่เธอกลับมาก็พยายามปิดบังตัวตนอยู่ตลอดจึงไม่ได้ไปเยี่ยมพวกเขา
อันหยาพั่นจับมือเธอไว้ตลอด อาลัยอาวรณ์ไม่อยากกลับไป “พี่คะ ช่วงไม่กี่ปีมานี้ พ่อฉันโทษตัวเองมาหลายปีแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้นก็ไม่ได้เข้าไปช่วย พี่เองคงไม่ถือโทษโกรธพ่อใช่ไหม?”
“ไม่อยู่แล้ว”
เรื่องนั้นมันเกิดขึ้นอย่างรุนแรงและกะทันหัน อันเจิ่งตงไม่มีเวลาโต้ตอบ อันเจิ่งหนานเองก็อยู่เมือง S จะรู้เรื่องและยื่นมือมาช่วยได้ยังไงกัน
อันโหรวและอันหยาพั่นคุยกันอยู่สักพัก ระหว่างที่กินข้าวด้วยกัน จิ่งเป่ยเฉินที่ใส่ชุดอยู่บ้านสีน้ำเงินเข้มก็ลงมาด้านล่าง
อันหยาพั่นที่เห็นเขาในอินเทอร์เน็ตก็จ้องมองไปที่เขา ตอนนี้ที่มองเขาเดินลงมาทีละก้าวจนหยุดลง ถึงแม้จะเป็นชุดที่ธรรมดาแต่ก็ไม่อาจซ่อนความสูงส่งและความเย่อหยิ่งของเขาเอาไว้ได้ ใบหน้าที่หล่อเหลาเผยความเย็นชาออกมาเหมือนภาพวาดหมึกดำ
ดวงตาของเธอมองไปอย่างไม่สะทกสะท้าน
ผู้ชายคนนี้หล่อและน่าดึงดูดกว่าในอินเทอร์เน็ตมาก
“เป่ยเฉิน นี่น้องสาวฉันเอง อันหยาพั่น” อันโหรวลากเขามาแนะนำตัวอย่างง่าย ๆ
จิ่งเป่ยเฉินมองเธอและพูดด้วยน้ำเสียงที่เฉยเมย “หวัดดี”
“สวัสดีค่ะพี่เขย” อันหยาพั่นพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
ในมื้อเย็นนั้นมีทั้งหมดสามคน ไม่กี่วันมานี้หยางหยางและหน่วนหน่วนนั้นนอนอยู่บนเตียง มื้อเย็นเลยค่อนข้างจะเงียบเหงา คืนนี้จู่ ๆ ก็มีคนมาทำให้คึกคักขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
แต่ว่าจิ่งเป่ยเฉินก็ยังคงพูดแต่กับอันโหรว ไม่ได้พูดกับอันหยาพั่นสักคำ
จิ่งเป่ยเฉินวางมีดและส้อมลง ผ้าเช็ดปากก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า ก่อนที่อันโหรวจะกระซิบที่ข้างหู “ที่รักให้เธอค้างที่นี่สักคืนได้ไหม?”
เขายื่นมือกลับมา เมื่ออันโหรวเห็นแบบนั้นก็เอื้อมมือไปเช็ดที่ปากของเขา “ที่รัก……..”
เมื่อเช็ดปากเสร็จเขาจึงเอ่ยขึ้นว่า “แล้วแต่เธอ”
“โอเค งั้นนายกลับขึ้นห้องไปก่อนเลย!” ถึงแม้พวกเขาจะเป็นสามีภรรยากัน แต่ว่ายังไงที่นี่ก็เป็นบ้านของเขา
นิสัยของเขา แม้แต่ฉีเซิ่งเทียนเองก็มีโอกาสน้อยมากที่จะได้นอนค้างที่นี่ ยิ่งเป็นอันหยาพั่น เด็กผู้หญิงนี่ยิ่งแล้วใหญ่
แต่เธอก็ไม่อาจให้อันหยาพั่นออกไปนอนค้างที่โรงแรมได้ เด็กผู้หญิงกลับไปคนเดียวมันอันตราย
หลังจากที่จิ่งเป่ยเฉินเดินออกไป อันหยาพั่นก็พูดออกไปอย่างลึกลับว่า “นิสัยของพี่เขยดูเย็นชาจัง พี่ทนได้ไง?”