อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 313 การผูกขาดทางการค้า
ตอนที่ 313 การผูกขาดทางการค้า
ในนามตัวแทนผู้ผลิตอุตสาหกรรมหยกของบริษัทจิ่งนั้นฟ้องร้องโอวหยางกรุ๊ปที่ซึ่งเป็นผู้นำอุตสาหกรรมหยกในเมือง A เพื่อการผูกขาดทางการค้า
สิ่งที่น่าสนใจก็คืออาชญากรรมครั้งนี้คล้ายกับคดีอันเจิ่งตง ประธานตระกูลอันเมื่อหกปีที่แล้ว
ที่บริษัทจิ่ง
อันหยาพั่นนั่งลงฝั่งตรงข้ามอันโหรว ในมือถือแก้วเก็บความร้อนอยู่ พร้อมกับยิ้มให้เธอ “พี่คะ ฉันขอทำงานที่นี่ได้ไหม?”
“พี่ก็รู้ว่าพ่อเคยชินที่มีฉันตลอด ไม่ยอมให้ฉันทำงาน แต่ว่าฉันไม่สามารถที่จะพึ่งพาเขาไปตลอดทั้งชีวิตได้หรอกค่ะ! ฉันคิดว่าผู้หญิงเราต้องมีจุดยืนของตัวเอง พี่ว่าอย่างนั้นไหม?”
“ฉันก็เห็นด้วยกับความคิดเห็นของเธอนะ แต่ว่าจะเข้าบริษัทได้หรือเปล่าไม่ได้ขึ้นอยู่กับฉัน ถ้าเธออยากจะมาทำงานก็ต้องไปสัมภาษณ์กับแผนกบุคคล เป่ยเฉินเองก็ไม่ชอบคนนอกเข้ามาแบบมีเส้นสาย” เธอรู้ว่าน้องสาวตัวเองนั้นรักสนุก ถ้าหากให้เธอเข้ามาทำงานในบริษัทจริง ๆ ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง
เพราะฉะนั้นเรื่องนี้เธอไม่สามารถที่จะตอบรับง่าย ๆ ได้
“โอเคค่ะ!” เมื่อเธอฟังความหมายของจิ่งเป่ยเฉินก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
ความจริงแล้วเมื่อสามวันก่อนหน้านั้น เธอได้ย้ายออกมาจากบ้านของพวกเขาเรียบร้อยแล้ว และตอนนี้ก็ได้มาอยู่ที่บ้านสวนตระกูลอัน นั้นก็คือความหมายของอันโหรว
ที่นั่นว่างเปล่า ให้เธอไปที่นั่นสภาพแวดล้อมก็ดี อีกทั้งเธอเองก็คุ้นชินกับที่นั่นด้วย
“ช่วงนี้งานเยอะและวุ่นวายมาก ฉันไม่มีเวลามาอยู่ดูแลเธอ อย่าเดินไปไหนมั่วซั่วในบริษัทนะ” อันโหรวถือเอกสารที่ต้องเซ็นไว้ในมืออย่างรีบร้อน ก่อนจะออกไปจากห้องทำงานทันที
ทันทีที่เธอเดินเข้าไปในห้องทำงานของจิ่งเป่ยเฉินก็พบว่าฉีเซิ่งเทียนอยู่ด้านในด้วย
“พี่เฉิน……” ฉีเซิ่งเทียนจ้องมองไปที่เขาอย่างหมดหนทาง
เมื่อเห็นอันโหรวที่เดินเข้าไปอย่างช้า ๆ ฉีเซิ่งเทียนก็ตะโกนออกมาและหันไปจ้องมองที่เธอ “พี่สะใภ้……”
“อยู่ในบริษัทควรจะเรียกชื่อตำแหน่งน่าจะดีกว่านะ” เธอมองกลับไปด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์และเปิดเอกสารออกให้จิ่งเป่ยเฉินเซ็นชื่อ “ทำไมเขา?”
จิ่งเป่ยเฉินถือปากกาสีดำสนิทและบนด้ามปากกานั้นก็มีอักษรจิ่งอยู่ “คิดถึงผู้หญิงคนหนึ่ง”
อันโหรวรู้ว่าเธอไม่ควรจะถาม
แต่ว่าเรื่องคิดถึงผู้หญิงนั้นทำไมถึงได้เกิดขึ้นกับฉีเซิ่งเทียน?
เขาไม่ได้เรียกว่า……….
“พี่เฉินกินข้าวเละเทะได้ แต่พูดเหลวไหลไม่ได้นะ!” จู่ ๆ ฉีเซิ่งเทียนก็พูดออกมาขัดจังหวะความคิดของอันโหรว
“โอ้…น้ำเสียงของ…” จิ่งเป่ยเฉินเอ่ยขึ้น ดวงตาสีดำสนิทหันไปมองอันโหรวและเหลือบไปมองเขา “แล้วนายคิดจะทำอะไร?”
“อยากจะฆ่าคน!” ฉีเซิ่งเทียนกัดฟันกรอด
“นายมันบ้าพลัง” อันโหรวส่ายหน้าเบา ๆ
ฉีเซิ่งเทียนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยและจ้องไปที่เธอ “พี่สะใภ้ พี่ไม่มีสิทธิ์มาพูดถึงฉันนะ!”
“ฉันไม่ได้ฆ่าคน” เธอตอบกลับอย่างบริสุทธิ์ใจ
จิ่งเป่ยเฉินทิ้งชื่อของเขาไว้ราวกับกลีบเมฆและสายน้ำที่ไหลผ่าน ก่อนจะเหลือบมองไปที่ฉีเซิ่งเทียน “ตอนนี้อนุญาตให้นายออกไปหา……….”
“พี่เฉิน ฉันไม่ได้คิดถึงผู้หญิงคนนั้น!” ฉีเซิ่งเทียนจนปัญญา เขาขยับร่างกายเดินไปด้านหน้าโต๊ะ “ความจริงแล้วมันเป็นแบบนี้ วันนี้เพิ่งทำงาน จึงมีเรื่องที่ต้องทำมากมายจนทำให้ฉันหงุดหงิดเลยแวะมาอู้เสียหน่อย”
“เรื่องที่ต้องคิดมีอีกเยอะ” จิ่งเป่ยเฉินมองลงไปที่กองเอกสารตรงหน้า พลันคิดอยากให้หยางหยางรีบโตไว ๆ และได้มารับช่วงต่อ
หลังจากนั้นเขาก็จะพาอันโหรวไปเที่ยวรอบโลกและอยู่ด้วยกันทุกวัน
“ฉันกลับพบว่าไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดคำนั้นออกมาเลย เอางี้ดีกว่า! พี่เฉิน พี่สะใภ้ ยืมตัวสักครู่!” ฉีเซิ่งเทียนยื่นมือไปดึงอันโหรว แต่ว่ามือขวาที่ยื่นออกไปยังไม่ทันได้สัมผัสตัวเธอ เขาก็รับรู้ได้ถึงสายตาที่จับจ้องมาอย่างอาฆาต
อีกแค่สองก้าว
เขาค่อย ๆ ดึงมือตัวเองกลับมาอย่างเศร้าใจ “ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น เพียงแค่อยากจะถามคำถามเท่านั้นเอง!”
“ก็ถามมาตรงนี้” จิ่งเป่ยเฉินตอบอย่างเย็นชา มีเรื่องอะไรที่พวกเขายังปิดบังเขาอยู่?
อันโหรวหันไปมองเขาอย่างลังเล ทำให้เธอรู้สึกว่าฉีเซิ่งเทียนไม่เหมือนคนที่เธอรู้จัก
“ไม่เป็นไร” เขาถามอันโหรวเป็นการส่วนตัวก็ได้ แต่ว่าอยู่ต่อหน้าพี่เฉินแบบนี้ก็พูดไม่ออก
ไม่อย่างนั้นเขาจะดูไม่เหมือนชายที่สง่างามและสูงส่ง
เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้พูดอะไร ทั้งสองก็ไม่ได้ถามอะไรเขา จนกระทั่งเดินออกไป
ขณะที่อันโหรวถือเอกสารเดินออกไป ฉีเซิ่งเทียนก็ยืนรอเธออยู่หน้าประตูอย่างไร้ความกังวล
“พี่สะใภ้!” ฉีเซิ่งเทียนมองไปที่เธอพลางยิ้มต้อนรับ
“นายอยากจะถามเกี่ยวกับเรื่องของหลินจือเซี๋ยวเหรอ?” เธอคิดอยู่สักพักก็เข้าใจได้
“พี่สะใภ้นี่ฉลาดหลักแหลมจริง ๆ” ฉีเซิ่งเทียนเดินไปห้องทำงานพร้อมเธอ ก่อนจะเงยหน้ายืดอกถามคำถามที่ไม่ได้พูดเมื่อครู่ออกมา “เธอชอบคนแบบไหน?”
“นายยังคิดไม่ออกอีกเหรอ?” เธอสงสัยในประสิทธิภาพของฉีเซิ่งเทียนอย่างจริงจัง
ฉีเซิ่งเทียนรู้สึกว่าเขาได้รับบาดเจ็บภายใน ไม่สนว่าอันโหรวจะมองเขายังไง แค่ช่วยพาเขาหลุดพ้นจากอาการเจ็บปวดนี้ได้ก็พอ
ครั้งนี้เขาทำไม่สำเร็จจริง ๆ ปกติเขาทำมันได้เสมอ
หลินจือเซี๋ยวนั้น… เขาเข้าไม่ถึงความสุขของผู้หญิงคนนั้นจริง ๆ
ความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจน?
หรือว่าเธออยากจะเป็นแฟนของเขา?
ฉีเซิ่งเทียนที่พัวพันครั้งแรก โตจนป่านนี้แล้วเขายังไม่เคยมีความรักมาก่อน มีแต่ผู้หญิงที่มาประเคนให้ถึงหน้าบ้าน
ด้านครอบครัวฉีนั้น
เขาเดินออกไปและตรงไปที่ห้องทำงานหลินจือเซี๋ยว มองดูเธอที่มีท่าทางจริงจังก่อนจะเดินออกไป
เมื่ออันโหรวกลับมาที่ห้องทำงาน อันหยาพั่นยังคงนั่งอยู่ด้านใน “เธอคิดว่าจะทำอะไร?”
แม้ไม่ได้อยู่ตระกูลจิ่ง แต่ก็ไม่สามารถที่จะอยู่นั่งรอที่นี่ได้ทั้งวัน
ตอนแรกเธอคิดว่าอันหยาพั่นจะกลับไปเมือง S
“รินน้ำ เสิร์ฟชา ซักเสื้อผ้า ทำกับข้าว?”
“เธอเป็นผู้หญิงคนโตทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไง อยู่บ้านนิ้วมือทั้งสิบของเธอยังไม่เคยทำเรื่องแบบนี้เลย” อันโหรวพูดพลางเก็บเอกสารไปด้วย
“ฉันล้อเล่น!” เธอจะทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไง เว้นแต่จะทำเพื่อคนที่เธอรัก
จิ่งเป่ยเฉิน…….
“อืม” อันโหรวนั้นยุ่งจริง ๆ และเธอก็พูดจาไร้สาระอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในคำตอบของเธอ
อุตสาหกรรมหยกตระกูลจิ่งเริ่มมีชื่อเสียงมากขึ้นในปีที่แล้ว แต่ภายในครึ่งปีหลังหยกกลับพังทลายลง
ตระกูลจิ่งเป็นกรุ๊ปขนาดใหญ่แบบนี้ ต่อให้อุตสาหกรรมหยกจะขาดทุนก็ไม่อาจจะพังลงได้ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อก่อนก็มียอดขายที่ถล่มทลายพุ่งสูงขึ้นอยู่ตลอดจึงไม่อาจจะเดินไปถึงขั้นพังทลายลงได้
การผูกขาดทางการค้าในปีนั้น คนที่มีอำนาจในกลุ่มโอวหยางกรุ๊ปสวมเขาให้กับพ่อของเขา และตอนนี้ก็ได้คืนให้กับพวกเขาแล้ว
แต่ว่าภายในใจของเธอกลับไม่ได้อยากจะทำเหมือนจิ่งเป่ยเฉิน
ไม่คุ้มค่า…….
“งั้นพี่คะ ฉันขอตัวก่อน ไม่รบกวนพี่แล้ว” อันหยาพั่นมองเธอที่ดูยุ่งอย่างมาก ก่อนจะเดินออกไป
“อืม”
หลังจากที่อันหยาพั่นเดินออกไป เธอก็ยุ่งตลอดทั้งวัน
น่าจะทั้งบริษัทก็ยุ่งกันหมดทุกแผนกและยังมีนักข่าวอีกจำนวนไม่น้อยที่ยืนรออยู่หน้าประตู ทันทีที่เลิกงานพวกเขาก็ลงมาจากห้องทำงานและขับรถออกไป ทิ้งนักข่าวไว้อย่างนั้น
ตอนนี้โอวหยางกรุ๊ปน่าจะได้รับการสวบสวน คนที่พวกเขาควรจะสัมภาษณ์ก็คือโอวหยางลี่ไม่ใช่พวกเขา
“นายจะทำอะไร?”
ภายในรถ อันโหรวหันไปมองผู้ชายที่นั่งอยู่ด้านข้าง มือทั้งสองของเขาจับไปที่ไหล่ของเธอ ทำให้เธอตกใจเล็กน้อย
“นวด ที่รักลำบากแย่เลย” เขาไม่ได้ปล่อยมือออกแต่กลับใช้แรงนวดให้เธอเบา ๆ
อันโหรวหลับตาผ่อนคลายไปสักพัก “ฝีมือไม่เลวเลยนะ! เคยให้ใครมาสอนหรือเปล่าเนี่ย?”
“ไม่มีสักหน่อย” เขาบอกได้หรือเปล่าว่านวดไปเฉย ๆ
อันโหรวพิงไปที่ตัวของเขา รู้สึกสบายสุด ๆ ไปเลย
การทำงานที่เหนื่อยและลำบากมาทั้งวัน เธอสมควรได้รับสิ่งนี้
เมื่อกลับถึงบ้านก็ได้รับแจ้งว่าถังซั่วอยู่ที่บ้าน พวกเขาเดินขึ้นไปยังชั้นบน แต่ยังไม่ทันจะได้เดินเข้าไปก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังออกมาจากด้านใน
“แม่จ๋า พ่อจ๋า!” หน่วนหน่วนร้องเรียกขึ้นมาอย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นพวกเขาเดินเข้าไป