อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 318 เกิดเรื่องขึ้น
ตอนที่ 318 เกิดเรื่องขึ้น
ในขณะนั้นตัวเขาสวมเสื้อผ้าที่บอดี้การ์ดถอดมาให้ ทั่วทั้งตัวเขาเปียกปอนไปด้วยน้ำ ใบหน้าบูดเบี้ยว แต่กลับก้าวเดินเข้ามาหาเธอทีละก้าว ทีละก้าว ทุก ๆ ฝีเท้าที่เดินไปก็เห็นได้ถึงรอยเท้าที่เปียกชื้น
เมื่อเห็นเขาตกอยู่ในสภาพแบบนี้ เธอก็ไม่ได้แสดงสีหน้าใด ๆ ออกมา “ตอนนี้นายจะบอกฉันได้หรือยังว่าเกิดอะไรขึ้นกับจิ่งเป่ยเฉินกันแน่ วิดีโอที่อยู่ในมือของนายมันคืออะไร? ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รับโทรศัพท์ แต่ก็ใช่ว่าเขาจะเกิดเรื่องขึ้น!”
โอวหยางลี่มองไปที่ใบหน้าของเธอ เมื่อครู่นี้เขาเป็นห่วงเธอมาก แต่แล้วทำไมเธอถึง?
ตั้งแต่ครั้งแรกตัวเขาก็ไม่ได้สนใจจิ่งเป่ยเฉินอยู่แล้ว นี่ก็เอาแต่ถามหาผู้ชายอีกคน ผู้ชายที่ตายไปแล้ว
“เขาตายแล้ว และไม่มีทางที่จะกลับมา ถ้าเธอคิดอยากจะเจอเขาก็ต้องไปที่ปรโลก” เขาก้าวไปข้างหน้า ก่อนจะเอื้อมมือออกไปหาเธอ
เธอยืนแข็งทื่อ แต่แขนกลับถูกคนจับล็อกไว้จากด้านหลัง ทำให้เธอไม่อาจเคลื่อนไหวใด ๆ ได้
เมื่อเห็นมือของเขาที่ยื่นมา ในที่สุดเธอก็ยิ้มออกมาทันที “ตอนนี้นายอยู่ในสภาพแบบนี้ยังมีอารมณ์คิดจะจับฉันอีก นายคิดอยากจะแข็งตายหรือยังไง?”
“เธอเป็นห่วงฉันเหรอ?”
แน่นอนเธอต้องเป็นห่วงเขาสิ เพราะเรื่องเกี่ยวกับจิ่งเป่ยเฉิน เธอยังไม่รู้ความจริงเลยสักนิดเดียว!
แต่เธอก็มั่นใจอยู่แล้วว่าต่อให้เขากลายเป็นผี ถ้าหากเขาอยู่ต่างประเทศ เขาก็ต้องส่งคนไปทำอะไรกับรถของจิ่งเป่ยเฉินแน่ ๆ ถ้าเกิดสังเกตดี ๆ ภาพที่อยู่ในโทรศัพท์ ไม่แน่ว่าอาจจะพบอะไรบางอย่างเข้าก็ได้
โอวหยางลี่หยิบโทรศัพท์มือถือของเขาขึ้นมา ตัวเครื่องเต็มไปด้วยน้ำ ยังคงมีน้ำไหลออกมาอย่างเปียกชุ่ม “น่าเสียดายนะ เดิมทีมีวิดีโอหนึ่งที่จะทำให้เธอยอมตัดใจเรื่องนี้ได้ แต่ตอนนี้….เหมือนว่ามันจะดูไม่ได้แล้ว”
วิดีโอที่จะทำให้ตัดใจได้?
ขาของเธอค่อย ๆ อ่อนยวบลง ภายในอกเริ่มรู้สึกร้อนผ่าวราวกับว่าถูกหินก้อนใหญ่มากดทับ ทำให้เธอหายใจเข้าออกอย่างติดขัด ที่ด้านหลังก็รู้สึกความเย็นที่ไหลผ่าน
เขาดูจริงจังขนาดนั้น เธอเองก็ไม่อาจปักใจเชื่อได้ว่าเป็นข่าวจริงหรือข่าวปลอม แต่มีวิดีโออื่นนอกเหนือจากนี้ด้วย มันจะเป็นแบบไหนกันแน่?
“มีสำรองบ้างไหม?” เธอยังคงฝืนบังคับให้ตัวเองนิ่งสงบ ไม่อาจปักใจเชื่อให้จิตใจยุ่งเหยิงได้
ตัวเธอยังมีหยางหยางและหน่วนหน่วน พวกเขายังคงรอเธออยู่ที่บ้าน
ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับจิ่งเป่ยเฉินจริง ๆ ตัวเธอต้องห้ามเป็นอะไร ห้ามเกิดเรื่องใด ๆ ทั้งสิ้น
“เธอยังคิดจะห่วงเขาอยู่อีกเหรอ!!” โอวหยางลี่กัดฟันตะโกนใส่เธอ ก่อนจะก้าวไปที่ด้านหน้าและจับข้อมือของเธอพร้อมกับพาก้าวเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
เขาก้าวเดินอย่างรวดเร็วจนเสื้อคลุมที่แห้ง ๆ ของเขาตกลงสู่พื้น แต่เขากลับไม่สนใจ
ข้อมือที่ถูกเขาจับจนแน่นมันเริ่มที่จะเจ็บปวดขึ้นมา แต่เธอก็พยายามจะก้าวเดินตามรอยเท้าของเขาพร้อมกับวิ่งเหยาะ ๆ ไปตลอดทาง
เสียงฝีเท้าที่รวดเร็ว ลมเย็น ๆ ที่พัดผ่านเข้าหูของเธอ ส่งผลให้ใบหน้าของเธอรู้สึกเจ็บแสบจากการที่อากาศหนาวเย็นกัดหน้า “โอวหยางลี่ เรื่องนี้นายต้องการให้เป็นแบบนี้อย่างนั้นเหรอ? คนคนหนึ่งเปลี่ยนใจไปแล้ว ใช้อะไรมาบีบบังคับไปก็ไร้ประโยชน์ ไม่ว่านายจะทำอะไรก็ตาม นายไม่ได้อยู่ในใจของฉันแล้ว”
โอวหยางลี่ไม่ได้ตอบรับคำพูดของเธอ แต่กลับดึงและผลักเธอเข้าไปในรถ พร้อมกับปิดประตูกระแทกแรง ๆ ดังปัง ส่วนคนอื่น ๆ เขาก็ไม่ได้ปล่อยให้ขึ้นรถมาเลยสักคน
ทันทีที่เขาขยับเข้ามาใกล้ ลมหายใจที่หนาวเย็นก็พัดผ่าน ดวงตาของเขานั้นมัวหมองและเปียกชุ่มไปด้วยร่องรอยของน้ำ เขาต้องการกักขังเธอไว้ตอนนี้ “อันโหรว เธอยินดีที่จะปกป้องคนที่ตายไปแล้วจริง ๆ เหรอ?”
“เกี่ยวอะไรกับยินดีหรือไม่ยินดี? ต่อให้เขาตาย แต่ก็ยังอยู่ในใจของฉัน ส่วนนายที่มีชีวิตอยู่ กลับตายอยู่ในใจของฉันไปนานแล้ว ห้าปีก่อนนายแต่งงานกับเหลียวเว่ย ตั้งแต่ตอนนั้นนายก็ตายไปแล้ว” เธอนั่งอยู่ใกล้กระจกรถที่ทั้งหนาวและเย็น บรรยากาศเย็น ๆ ทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งร่าง
น่าเศร้าที่สุดที่ไม่มีสิ่งใดเกินจิตใจที่ตายไปแล้ว[1]
เมื่อเห็นเขาขยับเข้ามาใกล้ ดูคล้ายกับหมาป่าที่หิวโหยที่คิดจะวิ่งเข้าหาเหยื่อและตะครุบกิน สายตาของเหยื่อตอนนี้ช่างน่าดึงดูดที่สุด เมื่อเห็นภาพตรงหน้าก็ดูคล้ายกับว่าเขาคิดอยากจะกลืนกินเธอเข้าไปทั้งตัวไม่ให้เหลือ
“ถ้าหากนายกล้าแตะต้องฉันหรือทำอะไรละก็ อีกเดี๋ยวนายจะได้เห็นศพฉันแน่! ฉันจริงจัง” น้ำเสียงของเธอดูเย็นชาราวกับทะเลสาบที่เขาเพิ่งตกไปเมื่อครู่
“เธอ……”
ไม่ใช่ว่าเขาไม่กล้าแตะต้องหรือทำอะไรเธอ แต่กลับกลัวสายตาของเธอที่ดูไม่แยแสแบบนี้ ราวกับว่าพวกเขาแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยรู้จักกัน เป็นคนแปลกหน้าที่ไม่เคยพานพบ
ไม่ อย่างน้อยเธอก็ดีกว่าคนแปลกหน้าที่เขารู้จักเสียอีก!
เขาทำหน้าบูดบึ้งอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะพูดว่า “ไปได้แล้ว”
อันโหรวถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เมื่อครู่เธอไม่แน่ใจว่าโอวหยางลี่จู่ ๆ จะกลายเป็นบ้าหรือเปล่า แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เธอก็ไม่มีทางยอมให้เขาแตะต้องได้แน่………….
รถแล่นออกไปด้วยความเร็วอีกครั้ง ครั้งนี้เธอไม่รู้ว่าจะถูกพาตัวไปที่ไหน
โอวหยางลี่ตอนนี้เปียกปอนไปทั่วทั้งร่าง บางทีอาจจะกลับไปที่บ้านก็ได้
กลับบ้านกับเขา นี่เขาวางแผนจะทำอะไรกับเธอกันแน่?
กักขังอย่างนั้นเหรอ?
คิดว่าจะมีแต่สมัยโบราณเสียอีกนะ
รถแล่นด้วยความเร็วโดยไม่มีท่าทีที่จะหยุด ในที่สุดก็มาถึงวิลล่าที่ดูสวยงาม ทิวทัศน์รอบ ๆ ล้วนสวยงามมาก สภาพแวดล้อมก็ดูเงียบสงบ แสงอาทิตย์ที่ใกล้จะลับขอบฟ้า ทำให้ผู้คนที่ได้มองเห็นรู้สึกสบายใจ และปล่อยวางจิตใจได้
แต่ตัวเธอนั้นกลับไม่คิดอยากจะเข้าไป
“ลงจากรถ!” เขาตะโกนออกมาอย่างดัง
เธอถอนหายใจออกมา ก่อนจะลงจากรถอย่างไม่ลังเล ลมหนาวที่พัดมาในช่วงหัวค่ำทำให้ไหล่ของเธองอขึ้นมาเล็กน้อย เธอก้าวเดินเข้าไปในวิลล่าที่ตอนนี้เปิดไฟสว่างไสวรออยู่แล้ว
โอวหยางลี่เดินตามหลังเธอมาเรื่อย ๆ ก่อนจะเปิดประตูและพาเธอเข้าไป “อย่าได้คิดออกไปจากที่นี่เชียว!”
เธอมองย้อนกลับไปที่ประตู ตอนนี้มีบอดี้การ์ดคอยเฝ้าอยู่ที่ด้านนอก แต่เมื่อครู่รถที่พวกเขาเพิ่งลงมากลับไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว มันถูกขับออกไปแล้ว
ส่วนทางเข้าอื่น ๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย เพราะทางนั้นต่างก็มีบอดี้การ์ดคอยคุ้มกันอยู่เต็มไปหมด
โอวหยางลี่ขึ้นไปที่ชั้นบน ส่วนเธอนั้นเดินไปมาอยู่ที่ห้องโถง แม้จะมีสายโทรศัพท์ แต่ก็ไม่มีตัวเครื่อง มีทีวี แต่ก็เปิดไม่ได้ ทุกอย่างล้วนแล้วทำอะไรไม่ได้สักอย่าง ราวกับตั้งใจทำให้มันเสีย หรือไม่ก็จงใจทำอะไรไว้แต่แรกอยู่แล้ว
หลังจากที่เดินวนไปมาอยู่รอบหนึ่งก็สรุปได้เลยว่าที่แห่งนี้ไม่มีช่องทางหรืออุปกรณ์สื่อสารใด ๆ ทั้งสิ้น
ครั้งนี้เขาค่อนข้างเข้มงวด ราวกับไม่คิดอยากจะให้เธอติดต่อกับคนภายนอก ยกเว้นคนใช้ที่นี่
เมื่อเธอพยายามสื่อสารกับคนใช้ที่นี่ก็พบว่าพวกเธอต่างก็ไม่ได้ยิน ล้วนหูหนวกและเป็นใบ้กันหมด
โอวหยางลี่ไปหาคนรับใช้แบบนี้มาจากที่ไหนกัน?
ส่วนบอดี้การ์ดคนอื่น ๆ ของเขา ยิ่งไม่น่าเป็นไปได้แน่ ๆ คนพวกนั้นดูเหมือนจะจงรักภักดีต่อตัวเขามาก ไม่มีทางที่จะยอมฟังเธอแน่ ๆ
เธอนั่งลงบนโซฟาด้วยท่าทีหงุดหงิดใจ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองโคมไฟคริสตัลที่แขวนอยู่ด้านบน เธอหลับตาลงพลางค่อย ๆ คิดภาพในหัวที่เป็นภาพของรถที่พลิกคว่ำจนกระทั่งระเบิด หัวใจของเธอรู้สึกเจ็บปวดจนอธิบายออกมาไม่ถูก
จิ่งเป่ยเฉิน….
เธอรู้สึกไม่สบายใจอยู่ตลอดเวลา แม้แต่เสียงฝีเท้าของโอวหยางลี่ เธอก็ยังไม่ได้ยิน
จนกระทั่งเธอได้ยินเสียงของเขาดังก้องขึ้นในหู “ลุกขึ้น ไปกินข้าวซะ”
“ไม่กิน”
เธอหลับตา ไม่คิดจะลืมตาเลยสักนิดเดียว ตอนนี้เธอแทบไม่มีอารมณ์จะกินข้าวหรือกินอะไรทั้งนั้น
โอวหยางลี่เอนตัวเข้าไปใกล้เธอ เมื่อครู่เขาเพิ่งอาบน้ำอุ่นมา ก่อนจะสวมเสื้อผ้าบาง ๆ ทั้งตัวของเขาจึงมีไออุ่นที่แผ่ออกมา “โหรวโหรว เธอคิดจะให้ฉันป้อนเธองั้นเหรอ?”
เธอขยับตัวไปด้านข้างเล็กน้อย ก่อนจะลืมตาขึ้นและมองไปที่เขา “ฉันต้องการโทรศัพท์”
“โทรหาใคร? 110 ใช่ไหม?” เขายิ้มออกมาอย่างเย็นชา แสงไฟจากโคมไฟคริสตัลที่สาดส่องลงมาที่ตัวเขา เผยให้เห็นรอยยิ้มที่ดูดุร้าย
“ลูกฉัน ดึกขนาดนี้ฉันยังไม่กลับ พวกเขาต้องเป็นห่วงแน่ ๆ” เธอยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน “นายเองก็เป็นพ่อคนเหมือนกัน น่าจะเข้าใจความรู้สึกฉันนี่”
“ไม่มีทาง!” โอวหยางลี่หันหลังกลับอย่างเฉยเมย ก่อนจะเดินไปที่โซฟาและนั่งลงด้วยท่าทีที่สงบ “ต่อให้จะถือกำเนิดขึ้นมา แต่ฉันก็ไม่มีทางยอมรับมันแน่ ฉันจะยอมรับก็ต่อเมื่อมันเกิดกับเธอเท่านั้น!”
ชั่วชีวิตนี้ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก ต่อให้เธอต้องคลอดลูก แต่ลูกต้องเป็นของจิ่งเป่ยเฉิน ไม่ใช่เขา!
โอวหยางลี่นั่งลงบนโต๊ะอาหาร แต่ตัวเธอยังคงนั่งอยู่ที่โซฟา “เธอไม่กินก็ช่าง แต่เมื่อถึงเวลาที่เธอคิดอยากจะเอาตัวรอดเมื่อไหร่ เธอก็ต้องกินเพื่อประทังชีวิต พวกเรามาดูกันหน่อยดีกว่าว่าเธอจะทนได้นานสักแค่ไหนกันเชียว!”
เมื่อครู่ก็คิดอยากจะอดอาหารอยู่หรอก แต่การอดอาหารไปมันจะช่วยอะไรได้กัน
[1] ความหมายคือ เย็นชา เห็นแก่ตัว ไร้คุณธรรมน้ำใจ