อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 319 วิธีเดียวเท่านั้นคือจำเป็นต้องป่วยจนเข้าโรงพยาบาล
- Home
- อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด
- ตอนที่ 319 วิธีเดียวเท่านั้นคือจำเป็นต้องป่วยจนเข้าโรงพยาบาล
ตอนที่ 319 วิธีเดียวเท่านั้นคือจำเป็นต้องป่วยจนเข้าโรงพยาบาล
ถ้าหากเธอป่วยอยู่ที่นี่ หมอก็จะมาและคงจะไม่ช่วยเธอ มีวิธีเดียวเท่านั้นคือต้องป่วยหนักจนเข้าโรงพยาบาล……
เธอครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะอาหาร บนโต๊ะอาหารที่ดูหรูหราเป็นของกินที่เธอชอบกิน
แต่ว่าตอนนี้กลับไม่มีอารมณ์ที่จะกินแม้แต่น้อย แต่ว่าเธอก็หยิบตะเกียบมาคีบอาหารเข้าปากอยู่ดี ไม่ว่าเธอจะตายยังไง แต่หิวโหยตายนั้นก็เกินไป
จิ่งเป่ยเฉินในตอนนี้ก็ไม่รู้เป็นตายร้ายดียังไง เธอจำเป็นต้องมีชีวิตรอดเพื่ออยู่ใช้ชีวิตต่อ
โอวหยางลี่มองไปที่เธอ แม้จะช้าแต่ว่ากำลังกินข้าวอยู่ เขาจึงไม่ได้พูดอะไร เขาไม่ได้รีบร้อน เวลานี้ค่อย ๆ อยู่เคียงข้างเธอ แล้วสักวันเธอจะต้องเปลี่ยนใจ
หลังจากที่กินข้าวเย็นเสร็จถึงได้เริ่มทดสอบจริงจัง เธอกลัวว่าต้องอยู่กับเขาสองต่อสอง
เธออยากจะไปห้องครัว อยากได้มีดเล่มเล็กติดตัวไว้ แต่ว่ากลับไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในห้องครัว
โอวหยางลี่คิดได้รอบคอบจริง ๆ ภายในห้องครัวนั้นมีของมากมาย เดิมทีเธอนั้นวางแผนไว้แล้ว
……….
แต่ว่าห้องครัวนั้นไม่สามารถเข้าไปได้ แล้วเธอจะแกล้งป่วยได้ยังไง?
เธอค่อย ๆ เดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น ตอนแรกโอวหยางลี่นั้นจ้องไปที่ทีวีจอดำมืดสนิท ก่อนจะหันมามองเธอ
“ฉันต้องการห้องส่วนตัว”
“บ้านพักวิลล่านี้ส่วนตัว มันเป็นของเธอ เธออยากจะอยู่ที่ไหนก็ได้” แต่ว่าเขาเองก็เหมือนกัน
อย่างเช่นห้องของเธอ
“มันเป็นของฉันทั้งหมด ฉันสามารถเอานายออกไปได้ไหม?” เขาสามารถพูดแบบนั้นได้ ว่าทั้งหมดมันเป็นของเธอ
“ที่นี่ก็เป็นบ้านของฉัน แน่นอนว่าเธอไม่สามารถไล่ของฉันออกไปได้!” โอวหยางลี่ยืนขึ้นก่อนจะเดินเข้าไปหาเธอ ภาพตรงหน้าล้วนถูกเขาจินตนาการมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
แต่เดิมพวกเขาควรจะอยู่ด้วยกัน แม้ว่าจะเกิดเรื่องขึ้นมากมาย แต่ทว่าตอนนี้พวกเขาก็สามารถอยู่ด้วยกันได้แล้ว แบบนี้แหละ
“อย่างนี้นี่เอง! งั้นฉันก็จะทำตามประเพณีดั้งเดิมที่สวยงาม ให้นายเป็นคนเลือกก่อน”
“หลังจากนั้นนายก็ออกไปให้ห่าง ๆ ฉันหน่อยเถอะ อุบายเล็ก ๆ พวกนี้นายใช้ไม่ได้ผลหรอก ต่อให้นายใช้กับฉันก็ตาม!” ตอนนี้เธออยู่ในกำมือของเขาแล้ว มีหรือที่เธอจะขัดขืนเขาได้
“ฉันอยากจะรู้นักว่านายกักฉันไว้ที่นี่ ต้องใช้คนกี่คนกัน?” เห็นได้ชัดว่าเธอได้รับข้อความจากเหอเฉ่า
เพราะหลังจากที่เลิกงาน เหอเฉ่าก็ส่งข้อความมาหาเธอ เธอจึงรีบกลับทันที คิดไม่ถึงว่าพอกลับมาได้สักพักก็ถูกจับลักพาตัวมาแบบนี้
ถ้าหากเป็นเหอเหมียว เธอยังพอเข้าใจได้ แต่นี่กลับเป็นเหอเฉ่า ทำไมถึง…..
“เธอสนใจหลายสิ่งหลายอย่างเกินไปแล้ว ตอนนี้เธออยู่ในมือฉันก็ถือว่าพอแล้ว!” โอวหยางลี่ยื่นมือออกไป คิดอยากจะดึงเธอเข้ามาหา
แต่เธอกลับถอยหลังออกไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับดึงมือตัวเองมาที่ด้านหลังทันที ก่อนจะมองไปที่เขาด้วยท่าทีที่ระวังตัว “ถ้าหากว่านายคิดอยากจะกลับมาอยู่ในใจฉันจริง การบังคับแบบนี้มันไม่ได้ผลหรอกนะ”
โอวหยางลี่เดินเข้ามาหาทีละก้าว ก่อนจะก้มหน้ามองเธอ “โหรวโหรว เธอรู้ไหมว่าตอนนี้ฉันเสียใจเรื่องอะไรมากที่สุด?”
เขาเสียใจเรื่องอะไรมากที่สุด แล้วเธอจะไปรู้ได้ยังไงกัน?
เธอถอยหลังทีละก้าวด้วยความรวดเร็ว หรือว่าอีกไม่นานคิดจะดันหลังให้ชนกำแพง?
และหลังจากนั้นโอวหยางลี่ก็จะยื่นมือมากักไม่ให้เธอหนี?
เธอไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นแน่
เมื่อหลังขยับไปจนชิดกำแพงด้านหลัง เธอก็รีบหมุนตัวไปอีกทางและเดินถอยหลังต่อทันที โดยสายตายังคงจับจ้องไปที่เขาอย่างระวังตัว
เมื่อเห็นท่าทางของเธอแบบนี้ เขาก็ไม่ได้โกรธหรือว่าอะไร แต่ตัวของเขากลับเดินตามเธอไปเรื่อย ๆ แม้ว่ามือจะกำแน่น ๆ เอาไว้ตามปกติ แต่ท่าทางและคำพูดทุกอย่างกลับมองไปที่เธออย่างชัดเจน “ฉันเสียใจที่สุดคือฉันไม่ได้เป็นคนแรกของเธอ”
ถ้าหากต้องเกิดเรื่องแบบนั้นละก็ เธอยอมเสียใจและตายไปยังดีกว่า
“นายคิดเหรอว่าความรักพวกนั้นจะผูกมัดกับสิ่งนั้นได้? ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริง ความรักของนายก็พิลึกเกินไปแล้ว” เขาที่มีคนรักมากมายก็มีคุณสมบัติมากพอที่จะพูดเรื่องพวกนั้น
“ฉันเชื่อเรื่องพวกนี้มานานแล้ว”
เธอละสายตามองไปที่โต๊ะกาแฟ ก่อนจะหยิบแอปเปิลขึ้นมา “ฉันจะกินแอปเปิล ขอมีดหน่อย”
“มีดหรือของมีคมอะไรพวกนั้น ฉันไม่ให้เธอแตะต้องไปตลอดชีวิต ถ้าเธอคิดอยากจะกินฉันจะช่วยเธอเอง!” เขาเอื้อมมือไปหยิบแอปเปิลอีกลูก ก่อนจะบีบมันไว้ในมือแน่น “ไม่สนหรอกนะว่าเธอคิดอยากจะใช้มีดแทงตัวเองหรือคิดจะแทงฉัน แต่เธอตัดใจเรื่องนั้นได้เลย”
“นายคิดว่าฉันเป็นเหลียวเว่ยหรือไง? เป็นเพราะว่าลูกของเธอไม่มีอยู่แล้ว เธอถึงได้คลุ้มคลั่งแบบนั้น ฉันไม่มีทางไปถึงจุดนั้นหรอก แต่ว่า…….” เธอโยนแอปเปิลที่อยู่ในมือลง ของบางอย่างไร้ความหมายเช่นนี้ เธอกลับไม่สนใจต่อ “พรุ่งนี้ที่บริษัทต้องมีคนรู้เรื่องที่ฉันไม่อยู่แน่ ๆ ถ้าหากพวกเขาตามหาฉัน และรู้ว่านายหลบซ่อนตัวอยู่ที่นี่ ไม่ช้าก็เร็วนายก็จะต้องถูกเจอ ทางที่ดีนายปล่อยฉันไปน่าจะดีกว่า”
“อ้อ…….” โอวหยางลี่หรี่ตาลงมอง ก่อนจะพูดต่อ “เมื่อครู่นี้ฉันก็เพิ่งคิดได้พอดี วิดีโอพวกนั้นถูกส่งไปที่อีเมลของฉันแล้ว ส่วนอีกอันหนึ่งตอนนี้มันก็มีให้เธออยู่ เธออยากจะดูไหม?”
เมื่อเจอคำถามแบบนี้เข้า เธอก็พยายามที่จะเผชิญหน้ากับความจริง จิตใจของเธอตอนนี้ยังคงเต็มไปด้วยภาพเหตุการณ์รถระเบิด มันเลยทำให้หัวใจของเธอวิตกกังวลไม่ใช่น้อย “อยากสิ!”
“ถ้าอยากดูก็ต้องมีราคาที่ต้องจ่ายนะ” แอปเปิลที่อยู่ในมือของเขาถูกโยนลงไปบนโซฟา ก่อนจะก้มลงมองไปที่ตัวเธอ “คิดจะเอาอะไรมาแลกเปลี่ยนดี?”
เธอยกมือขึ้นจับที่หน้าอกโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะมองไปที่ตัวเขาและเผยรอยยิ้มออกมา “ฉันคงไม่ต้องใช้อะไรแลกเปลี่ยนหรอกมั้ง ยังไงนายก็อยากให้ฉันเชื่ออยู่ดีว่าเขาตายแล้วจริง ๆ เผลอ ๆ นายคงทนไม่ไหวคิดอยากจะให้ฉันดู เว้นเสียแต่ว่าวิดีโอพวกนั้นไม่ได้มีความหมายอะไร”
“โหรวโหรวของฉัน เธอนี่ฉลาดจริง ๆ เลยนะ” เขายิ้มและหรี่ตามอง ก่อนจะเดินขึ้นไปที่ด้านบน “มาสิ! ถ้าเธอคิดอยากจะดูของพวกนั้น ฉันก็เต็มใจ และจะให้เธอ……ตัดใจจากเขาอย่างแน่นอน”
โอวหยางลี่เดินออกไป แต่ฝีเท้าของเธอกลับเหมือนถูกตอกตะปูจนแน่น ยืนนิ่งไม่อาจขยับเขยื้อนไปไหนมาไหนได้
เมื่อเห็นเขาที่ดูมั่นใจแบบนั้น ภายในใจของเธอจู่ ๆ ก็รู้สึกจมลงไปในทะเลลึกอย่างกะทันหัน
ความมืดมิดในตอนกลางคืนนั้นมองอะไรไม่เห็น มีเพียงแต่ความสิ้นหวังไม่รู้จบ
จนกระทั่งโอวหยางลี่ขึ้นบันไดไปถึงทางเลี้ยว เธอถึงได้ลุกขึ้นจากโซฟาและเดินขึ้นไปชั้นบน
ห้องหนังสือชั้นสาม ทันทีที่เธอเดินไป โอวหยางลี่ก็ได้เปิดประตูห้องไว้แล้ว เธอค่อย ๆ มองดูอย่างระมัดระวัง ประตูนั้นล็อกด้วยรหัสและลายนิ้วมือ
พูดอีกนัยหนึ่งก็คือแม้เธอจะได้ลายนิ้วมือของเขามา แต่ก็ไม่รู้รหัสอยู่ดี และเธอก็ไม่สามารถเปิดประตูที่มีสัญญาณตรงประตูบานนี้ได้
โอวหยางลี่นั่งลงบนเก้าอี้ที่โต๊ะหนังสือกระจกสีเขียว โคมไฟแก้วสีฟ้าบนโต๊ะนั้นส่องแสงสลัว ๆ และห้องอ่านหนังสือขนาดใหญ่มีเพียงแสงเจิดจ้าดวงนี้เท่านั้น ทำให้ใบหน้าของเขาส่องสว่างขาวขึ้น
เขาก้าวฝีเท้าอย่างเบา ๆ เงียบสงัดจนได้ยินเสียงเปิดคอมพิวเตอร์ภายในห้อง หน้าจอสีฟ้าที่สว่างไสวขึ้นมาทันที
เขาขยับเม้าส์และไม่นานบนหน้าจอก็ปรากฏคลิปวิดีโอหนึ่งด้วยท่าทางที่ยังคงนิ่งเฉย
เธอจ้องมองไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่มีภาพประตูทางเข้าโรงแรม จิ่งเป่ยเฉินที่ใส่ชุดสูทสีดำเดินอยู่ด้านหน้าสุดด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย ดวงตาที่ดำสนิทของเขาจ้องมองไปด้านหน้า
ทันใดนั้นคนที่อยู่ในหน้าจอก็ขยับตัว
ฉีเซิ่งเทียนเปิดประตูหลังคนขับรถ เขาโน้มตัวเข้าไปนั่ง ฉีเซิ่งเทียนก็เข้าไปนั่งด้วยเช่นกัน
รถโรลส์-ลอยซ์สีดำขับออกไปจากประตูทางออกโรงแรม เธอเห็นเลขทะเบียนรถอย่างชัดเจนซึ่งเหมือนกับที่โอวหยางลี่ให้เธอดูเลขทะเบียนรถคันนั้นเมื่อตอนแรก
เหมือนกัน…….
เธอถอยหลังไปด้วยความอ่อนแรง ร่างกายนั้นทรุดลงจนเกือบจะล้มลงไป
เป็นไปได้ยังไง?
เขาจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง เป็นไปไม่ได้!
แต่ว่าตอนนี้เธอกลับรู้สึกเจ็บปวดเหมือนกับว่ามีคนเอามีดเข้ามาแทงเธอไม่หยุด มันทรมานเหลือเกิน
โอวหยางลี่เปิดสมุดบันทึกให้เธอดู “โหรวโหรว จิ่งเป่ยเฉินมีเอกลักษณ์เฉพาะ จริง ๆ ข่าวอุบัติเหตุไม่ควรที่จะเผยแพร่ออกไปแบบนี้ ตอนนี้ฉันบอกเธอก็เหมือนให้เธอเตรียมตัวเตรียมใจก่อนว่าเขาไม่อยู่แล้ว!”