อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 322 ผู้ชายดื้อรั้น
ตอนที่ 322 ผู้ชายดื้อรั้น
“การจัดการกับผู้ชายดื้อรั้นแบบพี่เฉินต้องใช้วิธีที่ไม่ปกติ ฉีเซิ่งเทียนนายไม่ไหวเลยนะ!” หมิ่นลี่ยังคงช่วยประคองจิ่งเป่ยเฉิน “นายคอยอยู่ดูแลที่นี่ เดี๋ยวพวกฉันจะพาพี่เฉินไปเอง!”
“ไป ไป ไป ฉันจะดูแลเอง” ฉีเซิ่งเทียนเงยหน้าขึ้นดื่มไวน์ พร้อมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา “เซี๋ยวเซี๋ยวเธอคิดจะหลบอยู่ในรถตลอดไปเพื่ออะไร? ออกมารับลมหนาวสิ”
เมื่อได้ยินเสียงฉีเซิงเทียนที่อยู่ไกลออกไป ทำเอาเธอตกใจจนโทรศัพท์ที่อยู่ในมือเกือบจะหล่นลงพื้น
เซี๋ยวเซี๋ยว?
ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขาเรียกชื่อนี้กัน?
เมื่อฉีเซิ่งเทียนดื่มเสร็จก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินมาจากด้านหลังอย่างช้า ๆ
“เซี๋ยวเซี๋ยว พวกเธอเป็นพี่น้องกันนะ! มีกระแสจิตหรือเปล่า? พี่สะใภ้ตอนนี้ยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า?” ฉีเซิ่งเทียนมองไปที่พื้นผิวแม่น้ำในระยะไกล ซึ่งด้านบนนั้นมีเรืออยู่หลายลำ แสงไฟส่องสว่างและมีผู้คนอยู่มากมาย
เขามีเหตุผลที่เชื่อว่าหากยังหาอันโหรวไม่เจอ หรือว่าแม้แต่ร่างก็หาไม่เจอ นั่นอาจจะเป็นไปได้ว่าแม่น้ำสายนี้ไหลผ่านจากต้นสายไปถึงปลายทางอีกด้านหนึ่ง
คงไม่ใช่ว่าจะโกรธเคืองแม่น้ำที่ทำให้เธอตกลงไปหรอกใช่ไหม?
หลินจือเซี๋ยวเหลือบมองเขา “กระแสจิตพวกนั้นไม่ใช่ว่าประธานจิ่งควรจะมีหรอกเหรอ?”
“เขาต้องรู้สึกได้แน่ว่ายังมีชีวิตอยู่”
ไม่อย่างนั้นคงไม่ตั้งตารอคอยมาหลายวันแบบนี้ คอยดูแลตลอด การจะให้เขาหลับนอนได้แต่ละวันจำเป็นต้องทำให้เขาหมดสติ ไม่อย่างนั้นจิ่งเป่ยเฉินคงจะตอบสนองกลับ หมิ่นลี่เองก็คงไม่สามารถทำให้เขาหมดสติได้หรอก
หลินจือเซี๋ยวได้กลิ่นแอลกอฮอล์ลอยมาในอากาศจึงหันไปมองเขาอย่างจริงจัง “ถ้าหากโหรวโหรวไม่อยู่แล้วจริง ๆ จะทำยังไง?”
เธอแทบไม่อยากจะคิด บิ๊กบอสคนที่เย่อหยิ่งแบบนั้นจะกลายเป็นเหมือนซากศพเร่ร่อนล่องลอยอยู่ได้กี่วัน เหมือนว่าวิญญาณของเขานั้นหลุดออกไปแล้ว
“อาจจะกลายเป็นบ้า และเป็นไปได้หากคนอื่น ๆ รู้ว่าพี่สะใภ้ไม่อยู่แล้วจริง ๆ มีเพียงแค่ปลอบใจตัวเองต่อไปเท่านั้น พี่สะใภ้ยังมีชีวิตอยู่ พี่เฉินเขาจะต้องหาต่อไป นอกเสียจากได้เจอศพของเธอ”
เสียงของฉีเซิ่งเทียนดังก้องเข้ามาในหู หลินจือเซี๋ยวรู้สึกว่าน้ำเสียงของเขานั้นนุ่มนวลเหมือนกับสายลมที่ลอยมาจากระยะไกล ไร้ตัวตนเหมือนสายน้ำลำธารในหุบเขา
ถ้าหากไม่มีความเชื่อ ความศรัทธาก็อาจจะพังทลายลงได้ทุกเมื่อ
ทำไมถึงได้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ทั้ง ๆ ที่วันนั้นที่อยู่บริษัทพวกเขาก็เจอกัน
แต่พอโหรวโหรวเลิกงานแล้วออกจากบริษัทไปก็ไม่เจออีกเลย
หลังจากนั้นที่สะพานหนานเจียงก็เกิดอุบัติเหตุรถชน เวลานั้นเธอเองก็ไม่รู้ว่าเป็นโหรวโหรว
แต่ว่าเมื่อถึงช่วงกลางดึกกลับได้รับโทรศัพท์จากฉีเซิ่งเทียนถามหาอันโหรว เธอถึงได้รู้ว่าอันโหรวยังไม่ได้กลับบ้าน
ต่อมาบิ๊กบอสและฉีเซิ่งเทียนก็ออกมาที่แม่น้ำ ตอนที่เธอมาถึงนั้นกู้ภัยก็ได้เริ่มทำงานกันแล้ว
หากไม่ใช่ฉีเซิ่งเทียนที่รั้งไว้ บิ๊กบอสก็คงจะใส่เสื้อชูชีพกระโดดลงไปเองแล้ว
กู้ภัยดึงรถขึ้นมาจากน้ำ ภายในรถนั้นไม่มีคนอยู่ กระจกรถนั้นถูกทุบแตกเพียงพอที่จะให้คนออกมาได้เพราะงั้นพวกเขาถึงได้ตามหามาตลอด
สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น รถคันนั้นก็ไม่ใช่รถของโหรวโหรว ทำไมเธอถึงได้อยู่ที่นั่น เธอเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน
แต่เมื่อพวกเขาดูแน่ใจแบบนั้น ตอนนี้เธอเองจึงร้อนรนไม่แพ้กัน ขอพรอธิษฐานอย่างวิตกกังวลจนเธอไม่สามารถที่จะทำอะไรได้เลย
ทำไมโหรวโหรวถึงได้หายไปแบบนี้?
บิ๊กบอส หยางหยาง และหน่วนหน่วน เธอจะทิ้งพวกเขาไปได้ยังไง!
ตอนที่หลินจือเซี๋ยวกำลังคิดอยู่นั้น จู่ ๆ เธอก็ได้ยินเสียงของฉีเซิ่งเทียนดังขึ้น “เซี๋ยวเซี๋ยว เธอห้ามขึ้นรถคนแปลกหน้าเด็ดขาดนะ เข้าใจไหม?”
เธอสะดุ้ง ก่อนจะยักไหล่ทั้งสองข้างและขยับไปด้านข้างเล็กน้อย เมื่อฉีเซิ่งเทียนเห็นแบบนั้น เขาก็ขยับฝีเท้าก้าวเข้าไปข้างเธอและโอบเธอไว้ในอ้อมกอด “หนาวจังเลย!”
“แต่ฉันไม่หนาวนะ คุณปล่อยฉันเดี๋ยวนี้เลย!” หลินจือเซี๋ยวพยายามประคองและทรงตัว เธอควรจะออกไปใช่ไหม?
“ฉันหนาว” ฉีเซิ่งเทียนโอบกอดเธอไว้แน่นกว่าเดิม ไม่ง่ายเลยที่เขาจะมีโอกาสได้โอบกอดเธอแบบนี้ คนที่ปล่อยต้องไม่ใช่ฉีเซิ่งเทียน
หลินจือเซี๋ยวหมดคำพูดกับคนอย่างเขา ลมหายใจมีกลิ่นแอลกอฮอล์จาง ๆ เธอมองไปที่พื้นผิวแม่น้ำที่อยู่ห่างออกไปไกล แสงไฟระยิบระยับอยู่ท่ามกลางความมืด
“ผู้จัดการฉี พวกคุณแน่ใจเหรอว่าโหรวโหรวอยู่ในรถคันนั้นจริง ๆ” เธอเอ่ยถามขึ้นมา
ภายในใจของเธอเป็นกังวลมาก รอให้เขาเอ่ยปากออกมาว่าจริง ๆ แล้วไม่แน่ใจ
แต่ว่าเธอเองก็หมดหวังเพราะเสียงที่ได้ยินออกมาเบา ๆ นั้นตอบกลับมาว่า “อืม”
หากยืนยันได้ว่าเธออยู่ในรถจริง ยืนยันว่าเธอนั่งรถที่ตกลงไปในแม่น้ำ กระทั่งสามารถยืนยันได้ว่าหาตัวเธอไม่เจอ
ภายในห้าวันมันมากพอที่จะถูกแม่น้ำพัดไปในสถานที่ไกล ๆ แม่น้ำที่หนาวเย็นแบบนี้ ห้าวันเพียงพอที่จะทำให้ชีวิตของโหรวโหรวนั้นดับสูญ
ทั้งสองคนนั้นเหมือนกับจิ่งเป่ยเฉินไม่มีผิด ยืนมองพื้นผิวน้ำเพื่อรอปาฏิหาริย์ที่จะเกิดขึ้น
……
ซิวหยวน
จิ่งเป่ยเฉินรู้สึกเจ็บที่ท้ายทอยอย่างมาก เมื่อวานถูกพวกเขาจู่โจมอีกครั้ง
เขาลืมตาขึ้นมาและลุกขึ้นจากเตียง ดวงตาสีดำนั้นมองไปรอบ ๆ ห้องนอนขนาดใหญ่ ด้านในห้องนั้นเหมือนกับตอนที่เขาจากไป
แต่ว่า………
เมื่อหันไปมองรอบข้างกลับไม่มีใครอยู่
โหรวโหรวที่เป็นที่รักของเขานั้นไม่ได้อยู่ข้างกาย แม้กระทั่งคนรับใช้เองก็ไม่กล้าโผล่หน้าออกมาให้เห็น
หัว ปวดหัวเหลือเกิน
หัวใจก็ว่างเปล่า
ไม่กี่วันที่ผ่านมาได้รับลมหนาวตลอด เขาเอามือแตะไปที่หน้าผาก ดูเหมือนว่าจะมีไข้เล็กน้อย
สองนาทีผ่านไป เขาก็แต่งตัวเรียบร้อยและเดินลงไปชั้นล่าง ภายในห้องนั่งเล่นมีหยางหยางกับหน่วนหน่วนกำลังนั่งอยู่ เมื่อเห็นเขาลงมา ทั้งสองก็มองมาที่เขาทันที
“พ่อจ๋า!”
“พ่อจ๋า”
พวกเขาเดินเข้ามาหา เขาอุ้มหน่วนหน่วนขึ้นมากอด “พ่อจ๋า ทำไมแม่จ๋าไม่กลับบ้าน? พ่อบอกว่าเดี๋ยวแม่จะกลับมาไม่ใช่เหรอคะ?”
หยางหยางหันไปมองเขาและรอฟังคำตอบจากเขาเช่นกัน
แม่จ๋าไม่ได้กลับบ้านมาหกวันแล้ว
พ่อจ๋าออกไปทำงานนอกสถานที่ แม่จ๋าก็ไม่ได้บอกว่าต้องออกไปด้วย ทำไมถึงไม่ได้ข่าวคราวอะไรเลยมาหลายวันแล้ว
ภายในใจของเขานั้นรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นมา
“แม่จ๋าชอบเที่ยว รอแม่จ๋าเที่ยวให้สนุกจนพอใจเดี๋ยวก็กลับมา” จิ่งเป่ยเฉินพยายามฝืนยิ้มออกมาและอุ้มหน่วนหน่วนเดินไปที่โต๊ะอาหาร
ไปทำงานนอกสถานที่ตั้งหลายวัน เป็นครั้งแรกที่ได้กินข้าวกับลูก ๆ
เขาวางหน่วนหน่วนลง ก่อนจะหันไปหาหยางหยางเพื่ออุ้มเขาขึ้นมาบ้าง แต่เขากลับเป็นคนเดินเข้ามาก่อน
ภายในใจของเขานั้นรู้สึกประหลาดใจปนดีใจและตื่นเต้น แต่ว่าก็ยังกังวลที่จะเดินเข้าไปหาเขาและติดตามเขาตลอดเวลา กลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุใด ๆ
“พ่อจ๋า ตอนแรกไม่ได้บาดเจ็บถึงกระดูก เป็นแค่แผลด้านนอก รักษาก็หายแล้ว” หยางหยางมองไปที่เขาก่อนจะถูกเขาอุ้มขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้
“พ่อจ๋า วันนี้ต้องไปทำงานไหมคะ?” หน่วนหน่วนกะพริบตามองด้วยดวงตากลมโต หวังว่าพ่อจะอยู่บ้านกับพวกเขา
แม่จ๋าไม่อยู่หลายวัน พ่อจ๋าเองปกติก็ไม่ค่อยได้อยู่บ้าน
หน่วนหน่วน ภายในใจของเด็กน้อยนั้นเริ่มรู้สึกน้อยใจ
“พ่อจ๋าจะรีบกลับมาตอนเย็นนะ” จิ่งเป่ยเฉินลูบไปที่ผมของเธอพลางปลอบโยน
“อืม ๆ ถ้าหากพาแม่กลับมาด้วยก็ดีนะคะ” หน่วนหน่วนมองไปที่เขาอย่างตื่นเต้น เธอไม่ได้เจอแม่จ๋ามาหลายวันแล้ว เธอคิดถึงแม่จ๋ามาก ๆ
หัวใจของจิ่งเป่ยเฉินนั้นเจ็บปวด พยักหน้าก็ไม่ได้ และเขาไม่มีทางเลือกอื่นที่จะส่ายหน้า
เขาหวังเป็นอย่างมากว่าจะพาโหรวโหรวกลับมาบ้าน แต่ว่าตอนนี้……..
เขาไม่มีหนทางเลยสักนิดเดียว