อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 332 เขาน่าจะพบเธอตั้งแต่แรก
ตอนที่ 332 เขาน่าจะพบเธอตั้งแต่แรก
ถ้าหากว่าเขาไม่ใช่ไอ้สารเลว ทำไมถึงได้หาเธอเจอช้าแบบนี้ เขาควรจะหาเธอเจอตั้งแต่แรก!
เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นที่แท้จริงจากอ้อมกอดนี้ คนที่กอดเธอนั้นคือจิ่งเป่ยเฉินจริง ๆ ความรู้สึกอัดอั้นที่ถูกสะสมมาเป็นเวลาครึ่งเดือนได้ระเบิดออกมาทันที
“ฉันคิดว่านายตายแล้ว!”
จิ่งเป่ยเฉินมองเธออย่างสงสัย “ฉันยังอยู่ดี”
เขาก็คิดว่าเธอตายไปแล้วจริง ๆ
“นายไม่ได้เกิดอุบัติเหตุรถคว่ำเหรอ? ฉันดูแล้วนายไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนเลย” เธออยากจะออกจากอ้อมกอดของเขา แต่ว่าเขากลับกอดเธอเอาไว้แน่น เธอจึงไม่มีทางที่จะหนีไปจากอ้อมกอดของเขาได้
จิ่งเป่ยเฉินไม่รู้ว่าเรื่องอุบัติเหตุรถคว่ำที่ว่านั้นหมายความว่ายังไง แต่ว่าเมื่อคิดพิจารณาดูแล้วคงเกิดการเข้าใจผิดกันอย่างแน่นอน
แต่ว่าตอนนี้เขาไม่สนใจเรื่องที่เข้าใจผิดกันแล้ว เพียงแค่โหรวโหรวยังอยู่ดี เขาก็ไม่สนใจไปชั่วขณะ
ร่างกายของเธอจู่ ๆ ก็ถูกจิ่งเป่ยเฉินอุ้มขึ้นมา ก่อนจะเดินไปที่เฮลิคอปเตอร์แล้วออกไปจากตรงนั้น
ฉีเซิ่งเทียนที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมหันไปมองเขาที่เดินจากไป “เฮ้ พี่เฉิน พี่ทำแบบนี้ไม่ถูกนะ!”
คำตอบเดียวที่เขาได้มามีเพียงเสียงเฮลิคอปเตอร์ที่บินขึ้นไปอย่างช้า ๆ ส่วนการตะโกนเรียกของเขาก็ลอยไปกับสายลม
ฉีเซิ่งเทียนมองกลับมาที่โอวหยางลี่ที่กำลังลุกขึ้นมา บอดี้การ์ดทั้งสองคนพยุงเขาขึ้นมา ใบหน้าของเขาซีดเซียว ปืนในมือของเขาขยับ “เป็นเพราะนาย ที่ช่วงนี้ฉันไม่ได้นอนพักผ่อน! ประธานโอวหยาง นายคิดว่าฉันควรจะแก้แค้นยังไงดี?”
โอวหยางลี่มองไปที่เขาและยิ้มจาง ๆ โดยไม่ได้มีเสียงตอบกลับใด ๆ และแขนของเขาเลือดยังคงไหลไม่หยุด เลือดที่สีแดงฉานหยดลงบนพื้นหญ้า
“อา อาา…”
เหอเหมียวที่ยืนมองดูอยู่ใกล้ ๆ เมื่อเห็นแขนของโอวหยางลี่เปื้อนไปด้วยเลือด เธอก็ก้าวถอยหลังไปทันที แต่กลับถูกจับเอาไว้ก่อน
“คนท้องก็อยู่ที่นี่ ยังกล้าซ่อนพี่สะใภ้ฉันไว้อีกงั้นเหรอ ประธานโอวหยาง นายมันร้ายกาจเกินไป ขอนับถือจริง ๆ” ฉีเซิ่งเทียนค่อย ๆ พูดอย่างช้า ๆ พลางมองเขา ก่อนจะหมุนตัวออกไป
ด้านในเฮลิคอปเตอร์นั้น จิ่งเป่ยเฉินกอดอันโหรวไว้แน่น และมืออีกข้างของเขาก็เช็ดน้ำตาอุ่น ๆ ของเธอที่ไหลลงมาด้วยความเจ็บปวด
ภายในใจของเขานั้นโทษตัวเองไม่หยุด เป็นเพราะเขาเองที่ดูแลเธอไม่ดี ทำให้เธอถูกโอวหยางลี่จับตัวไปหลายวันแบบนี้
อันโหรวซบลงไปที่ไหล่ของเขา ภายในหัวพลันนึกถึงเอกสารที่เขาเซ็นฉบับนั้น เป็นเลขาของเขามาตั้งนาน ลายเซ็นของเขา เธอไม่มีทางจำผิดอย่างแน่นอน
ลายเซ็นนั้นเป็นของเขา เรื่องเมื่อห้าปีก่อนนั้นมีความเกี่ยวข้องกับเขาจริง ๆ งั้นเหรอ?
“โหรวโหรว…….”
“ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว หยางหยางกับหน่วนหน่วนเป็นยังไงบ้าง? พวกเขา…..” เมื่อเธอพูดขึ้น ภายในใจกลับรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันที
เธอหายไปตั้งหลายวัน และลูก ๆ ของเธอทั้งสองก็ยังบาดเจ็บอยู่
เธอจะเป็นแม่ได้อย่างไร
เธอไม่สมควรเลยสักนิดที่จะมีคุณสมบัติเป็นแม่
“ลูก ๆ สบายดี” ตอนนี้เขาเป็นห่วงตัวเธอมากกว่า เธอเหมือนว่าจะผอมลงไปไม่น้อย
“ลูก ๆ สบายดี ฉันก็หมดห่วง!” เธอหันไปมองใบหน้าที่เย็นชาของเขา จ้องไปที่หนวดเคราของเขา “นี่นานเท่าไรแล้วที่นายไม่ได้โกนหนวด? น่าเกลียดชะมัด!”
เมื่อจิ่งเป่ยเฉินได้ยินแบบนั้นก็โอบไปที่ใบหน้าของเธอ คางของเขาถูลงไปบนหน้าขาว ๆ ของเธออย่างอ่อนโยน
“อ้ากอ้าก จั๊กจี้นะ! ไม่เอา!” เธอแค่พูดออกมาเท่านั้นเอง
“นายหล่อ! แบบไหนก็หล่อทั้งนั้น! อ้ากอ้าก! ที่รัก ขอร้อง! อย่าทำแบบนี้!”
อันโหรวที่ถูกเขาทำท่าทางแบบนั้นก็ขำจนน้ำตาไหลออกมา บนใบหน้าของเธอถูกคางของเขาถูไปมาอยู่อย่างนั้น
แก้มของเธออยู่ตรงหน้าเขา เธอจึงสามารถมองเห็นรูปลักษณ์ของตัวเองได้อย่างชัดเจนผ่านดวงตาของเขา และมองเห็นเส้นเลือดฝอยภายในลูกตาสีขาวของเขาได้อย่างชัดเจน
ใบหน้าของเขาดูไม่ค่อยดีเท่าไร เหมือนว่าไม่ได้พักผ่อนมาหลายวันแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นหนวดเคราหรือเส้นเลือดฝอยที่ตาก็ล้วนเผยถึงความอ่อนล้าบนใบหน้าของเขาในเวลานี้ ในเมื่อเขายังไม่ตายเลยต้องตามหาเธอเป็นเวลานาน
เธอค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมา ก่อนที่ริมฝีปากนุ่มของเธอจะสัมผัสกับริมฝีปากของเขา
นานแล้วที่ไม่ได้เจอกัน ต่างคนต่างคิดถึงกันและกัน
จิ่งเป่ยเฉินอึดอัดอย่างมาก ตอนแรกเขานั้นอดทนมาโดยตลอด แต่จู่ ๆ อันโหรวก็เข้ามาจูบจนเขาทนไม่ไว้อีกต่อไป
“นายไม่ได้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จริง ๆ เหรอ?” เธอเริ่มเอ่ยถามขึ้นมา
“โอวหยางลี่บอกเธอว่าฉันประสบอุบัติเหตุอย่างนั้นเหรอ?” จิ่งเป่ยเฉินตอบกลับไปอย่างไม่รีรอ
“เขาให้ฉันดูคลิปวิดีโอว่านายเกิดอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำและระเบิด”
“เขานี่ช่างน่าทึ่งเสียจริง” จิ่งเป่ยเฉินตอบ
“อะไรเหรอ?” อันโหรวมองเขาอย่างสงสัย เพราะเป็นเวลานานที่เขาหาเธอไม่เจอ เลยคิดว่าโอวหยางลี่น่าทึ่งเหรอ?
“เธอคิดว่าฉันตายแล้ว ฉันเองก็คิดว่าเธอตายแล้วเหมือนกัน” แต่ว่าทั้งคู่นั้นไม่ได้ตายจริง ๆ ทั้งหมดนี้เป็นเพียงเกมเท่านั้นเอง
“ฉันเป็นอะไรนะ? ฉันไม่ได้หายตัวไปหรอกเหรอ?” อันโหรวยิ่งสงสัยหนักเข้าไปอีก เธอไม่รู้ข่าวสารจากโลกภายนอกเลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
จิ่งเป่ยเฉินอธิบายสถานการณ์ที่ผ่านมาให้เธอฟังอย่างง่าย ๆ เมื่อเขาพูดจบ อันโหรวยังไม่ทันได้ออกความคิดเห็นใด ๆ เฮลิคอปเตอร์ก็ลงจอด
จิ่งเป่ยเฉินทนรอไม่ไหวที่จะอุ้มเธอลงไปด้านล่าง
“ฉันเดินเองได้นะ” เธอพูดออกมาอย่างเขินอาย
“ฉันอยากอุ้มเธอ” เขาอยากอุ้มเธอ อยากจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว
โชคดีที่พระเจ้าให้โอกาสนี้แก่เขา
ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่รู้ว่าชีวิตที่เหลือจากนี้จะอยู่ต่อไปยังไง
จิ่งเป่ยเฉินอุ้มอันโหรวเข้ามา หยางหยางและหน่วนหน่วนที่ได้ยินเสียงเฮลิคอปเตอร์ก็เดินออกมา
อันโหรวมองไปที่ลูก ๆ ทั้งสองคนที่เดินมาอย่างแข็งแรง ภายในใจของเธอตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
“แม่จ๋า!”
ลูกน้อยทั้งสองตะโกนเรียกพร้อมกัน
“จิ่งเป่ยเฉิน นายปล่อยฉันลงได้แล้ว!”
จิ่งเป่ยเฉินไม่มีทางเลือก ทั้งที่เขาอยากจะอุ้มเธอไปชั้นบนด้วยซ้ำ
ลูก ๆ ทั้งสองจงใจต่อต้านเขาใช่ไหมนะ!
“จิ่งเป่ยเฉิน ปล่อยฉันลงได้แล้ว!” เธอมองจิ่งเป่ยเฉินที่ไม่วางเธอลง ก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้ง
จิ่งเป่ยเฉินปล่อยเธอลงอย่างจำใจ อันโหรวรีบคุกเข่าลงกอดหน่วนหน่วนกับหยางหยางเอาไว้ ก่อนที่จะจุ๊บไปที่แก้มของลูกทั้งสอง แต่ก็รู้สึกไม่พอจึงจุ๊บไปอีกหลายรอบ
“หยางหยาง หน่วนหน่วน ลูก ๆ นี่เก่งจัง ฟื้นฟูร่างกายได้ไว้มาก ๆ เลย แม่จ๋าคิดถึงลูก ๆ ที่สุด!” เธอไม่คิดเลยว่าจะพลาดวันที่หน่วนหน่วนและหยางหยางฟื้นตัวขึ้นมา
เธอเริ่มรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาอีกครั้ง
“แม่จ๋า หน่วนหน่วนก็คิดถึงแม่ พี่ชายก็ด้วย!” หน่วนหน่วนจุ๊บไปที่แก้มของเธอ “พ่อจ๋าบอกว่าแม่จ๋าจะกลับมาก็กลับมาจริง ๆ ด้วย จากนี้แม่จ๋าห้ามไปทำงานนอกสถานที่นานแบบนี้อีกนะคะ ได้ไหมคะ?”
ทำงานนอกสถานที่เหรอ?
อันโหรวคิดว่าจิ่งเป่ยเฉินคงไม่ได้บอกเรื่องจริงให้ลูก ๆ ฟังแน่ ๆ