อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 336 ชีวิตที่สิ้นหวัง
ตอนที่ 336 ชีวิตที่สิ้นหวัง
เมื่ออันโหรวกลับไป เธอก็ได้พบกับฉีเซิ่งเทียนตรงล็อบบี้ชั้นหนึ่ง
เหมือนว่าเขาดูจะไม่ค่อยมีความสุขเท่าไรนัก เมื่อเขาเห็นเธอก็เอ่ยทักทายเบา ๆ ว่า “พี่สะใภ้…..”
ทั้งสองคนเดินเข้าไปในลิฟต์ด้วยกัน ฉีเซิ่งเทียนกดชั้นให้ ก่อนจะพิงไปที่ผนังลิฟต์ ดูเหมือนใบหน้าของเขาจะปรากฏอักษรขึ้นมาสี่คำ ‘ชีวิตที่สิ้นหวัง’ เสียอย่างนั้น
“นายคงไม่ได้เป็นแบบนี้เพราะตามจือเซี๋ยวไม่ทันหรอกนะ ถึงกับท้อแท้สิ้นหวังขนาดนั้นเลยเหรอ?” เธอคิดว่าเพราะเขาเป็นเพลย์บอยที่มีไม้ประดับอยู่เต็มไปหมด คงไม่มีทางมาสิ้นหวังเพียงเพราะจือเซี๋ยวแน่ ๆ แต่เขาก็ดูไม่ค่อยกระฉับกระเฉงเหมือนแต่ก่อนเลย
“พี่สะใภ้ พี่ดูถูกผมเกินไปแล้ว! ไม่ใช่แบบนั้นหรอก ตั้งแต่ตอนไหนกันที่ผมบอกว่าผมตามเธออยู่?” ฉีเซิ่งเทียนเริ่มกลับมากระฉับกระเฉงเหมือนเคย
“ถ้าไม่ใช่ แล้วตอนนี้นายเป็นอะไรไป? หรือพอเห็นฉันรอดกลับมาได้ก็เลยทำให้นายผิดหวัง?” เธอยิ้มออกมา พลางมองดูท่าทางแบบนั้นของเขา ดูท่าเธอจะโชคดีเสียมากกว่า
พวกเขาไม่เป็นอะไรหรอก พวกเขาต่างก็ยังมีชีวิตกันอยู่
“พี่สะใภ้ เห็นพี่รอดมาได้ ผมก็ต้องดีใจอยู่แล้ว แต่เมื่อวานผมได้มีความสุขพอแล้ว!” ฉีเซิ่งเทียนเอียงศีรษะเล็กน้อย ก่อนจะมองไปที่ประตูลิฟต์ที่กำลังเปิดออก
อันโหรวชิงเดินออกไปก่อน ฉีเซิ่งเทียนจึงเดินตามเธอออกไป เขายังไม่บอกเลยว่าตัวเขาเป็นอะไรกันแน่?
“ที่ทำงานเกิดเรื่องอย่างนั้นเหรอ?” เธอเริ่มรู้สึกสงสัยเลยมองไปที่เขาอีกครั้ง
“เปล่าหรอก พี่สะใภ้ บางทีเมื่อคืนผมน่าจะนอนพักผ่อนไม่พอ”
อันโหรวมองไปที่เขาสักพักหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย “ดูก็รู้ นี่ก็สิบเอ็ดโมงกว่าแล้วเพิ่งจะมาถึงบริษัท”
ฉีเซิ่งเทียนมองไปที่เธอ “พี่สะใภ้ มันไม่ได้เป็นแบบนั้นหรอก”
“ฉันเพิ่งมาเอง นี่เป็นครั้งที่สองที่เข้าบริษัทแล้ว” เธอหันหลังกลับและเดินเข้าไปในห้องทำงานของตน
เมื่อเธอเข้าไปก็เห็นอันหยาพั่นนั่งอยู่ตรงข้ามกับโต๊ะทำงานของเธอ ดูเหมือนว่าเธอกำลังเล่นจี้หยกมรกตสีเขียวอยู่
เมื่ออันหยาพั่นเห็นเธอเดินเข้ามาก็รีบลุกขึ้นทันที ก่อนจะยิ้มและตะโกนเสียงดังว่า “พี่คะ!”
“นั่งลงสิ!” ดวงตาของเธอยังคงจ้องมองไปที่จี้หยกในมือของเธอ
นั่นมันจี้หยกที่อยู่ในห้องพักผ่อนของจิ่งเป่ยเฉินไม่ใช่เหรอ?
ทำไมถึงไปอยู่ในมือของอันหยาพั่นได้?
นั่นมันจี้หยกของเธอนะ!
“พี่คะ ครึ่งเดือนก่อนฉันกังวลแทบตาย โดยเฉพาะพี่เขย ตอนนี้ฉันนึกถึงภาพที่เขาสิ้นหวังขนาดนั้นก็รู้สึกว่าเขารักพี่จริง ๆ นะ!” ทันใดนั้นอันหยาพั่นก็กำจี้หยกไว้ในมือแน่น ก่อนจะยิ้มและเอนตัวพิงที่เก้าอี้ “พี่คะ โชคดีมากเลยนะที่รอดจากเหตุการณ์ร้าย ๆ แบบนั้นมาได้ หลังจากนี้ชีวิตต้องราบรื่นแน่ ๆ”
“อืม” เธอตอบกลับไปเบา ๆ โดยไม่ได้มองจี้หยกที่อยู่ในมือของเธออีก ก่อนจะก้มหน้าเตรียมเอกสารบนโต๊ะแทน
“ช่วงนี้ทำอะไรอยู่?” เธอถามแบบไม่ได้ตั้งใจเอ่ยถาม
“เดิมทีว่าจะวางแผนหางานทำ แต่เป็นเพราะพี่เกิดอุบัติเหตุก่อนหน้าเลยล่าช้าไปหน่อย แต่ก็เพิ่งไปที่แผนกบุคคลเพื่อสมัครงานนี่เอง เห็นว่าฝ่ายการเงินคนหนึ่งลากลับบ้านเพื่อไปคลอดลูก ก่อนหน้าฉันก็เคยเรียนด้านบัญชีมาก่อน! เพราะงั้นก็เลยจังหวะดี!” อันหยาพั่นพูดพลางยิ้ม พร้อมกับบังเอิญเอาจี้หยกใส่ในกระเป๋าของเธอ “พี่คะ ดูเหมือนหลังจากนี้เราจะเป็นเพื่อนร่วมงานกันแล้วนะ!”
อันโหรวมองดูท่าทีของเธอ ภายในใจก็เกิดความสงสัยอยู่บางส่วน “อืม ตั้งใจทำงาน อยากให้ฉันพาเธอไปทำความรู้จักกับที่นี่ไหม”
เป็นไปได้ไหมที่เธอจะดูผิดไป นั่นคงไม่ใช่จี้หยกของเธอใช่หรือเปล่า?
“ได้สิ!”
อันโหรวค่อนข้างคุ้นเคยกับชั้นนี้เป็นอย่างดี แต่ชั้นอื่น ๆ ไม่ค่อยได้คุ้นเคยมากนัก แต่นี่ก็ถือเป็นโอกาสดีที่เธอจะได้ทำความคุ้นเคยบ้างเช่นกัน
นอกจากพาอันหยาพั่นไปสำรวจบริษัท ตอนเที่ยงก็พาไปที่โรงอาหารเพื่อกินข้าว ส่วนพรุ่งนี้จะเป็นวันที่เธอเริ่มงานวันแรก
หลังจากกินข้าวกลางวันเสร็จ อันโหรวก็กลับขึ้นไปชั้นบนและตรงไปยังห้องทำงานของจิ่งเป่ยเฉิน
ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้อยู่ที่ห้องทำงาน
เธอเดินเข้าไปที่ห้องพักผ่อนโดยไม่ได้คิดอะไรมาก เมื่อเปิดตู้เสื้อผ้าก็รีบหาจี้หยกที่เคยอยู่ในนั้น ข้างในมีเสื้อเชิ้ตสีขาวเต็มไปหมด เธอเองก็จำไม่ได้แล้วว่าครั้งสุดท้ายที่เธอใส่จี้หยกนั้นลงไป เธอใส่ลงไปในเสื้อตัวไหน
แต่เธอก็หาไม่เจอจริง ๆ
เธอหามันไม่เจอจริง ๆ นะ
ถ้าหากอันหยาพั่นเอาจี้หยกไปจากที่นี่จริง ๆ เธอก็ต้องเข้ามาในห้องพักผ่อนของจิ่งเป่ยเฉิน?
แล้วก็เปิดตู้เสื้อผ้านี่?
หรือจิ่งเป่ยเฉินอยู่ที่นี่ แล้วเกิดเหงาขึ้นมา ก็เลย…….
อันโหรวส่ายหน้าไปมา เธอคิดบ้าอะไรอยู่กันเนี่ย!
เธอหันหลังกลับออกไป ก่อนจะมองไปที่เตียงใหญ่ในห้องพักผ่อน ไม่มีคราบเลอะเทอะ มีแต่เสื้อเชิ้ตวางอยู่ เมื่อเธอหยิบขึ้นมาก็เห็นคราบกาแฟบนเสื้อเชิ้ตสีขาวนั้น
เธอโยนมันลงไปที่เดิม ก่อนจะออกจากห้องทำงานของจิ่งเป่ยเฉินไป
ตลอดช่วงบ่าย หัวใจของเธอเริ่มรู้สึกมืดมนลงเล็กน้อย จิ่งเป่ยเฉินไม่ได้อยู่ที่บริษัท และดูท่าช่วงเลิกงานเขาน่าจะกลับมาตอนนั้น
เมื่อจิ่งเป่ยเฉินกลับมา ทั้งสองคนก็นั่งรถคันเดียวกันมุ่งตรงกลับบ้าน ภายในรถมือของจิ่งเป่ยเฉินเอื้อมมาหาเธอ แต่เธอทำท่าขยับห่างเล็กน้อย
เมื่อจิ่งเป่ยเฉินสังเกตเห็นก็มองไปที่ท่าทีของเธอ “โกรธเหรอ?”
“ฉันโกรธอะไร?” เธอเอียงศีรษะมองไปที่เขา
“ก็ฉันออกไปคุยเรื่องความร่วมมือ แล้วก็ไม่ได้พาเธอไปด้วย” เขาเองก็อยากพาเธอไปด้วย แต่ตอนที่เขาจะไป เธอกลับไม่ได้อยู่ที่บริษัท
“นายมันไม่เคยเข้าใจหัวใจผู้หญิงเลยจริง ๆ ไม่เคยเข้าใจหัวใจของฉันเลย!” เธอเม้มริมฝีปากและยิ้มออกมา ดูท่าตอนนี้เขาน่าจะยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอรู้สึกยังไงกันแน่
จิ่งเป่ยเฉินหรี่ตามองดูเธอ จริงอยู่ที่เขาไม่รู้อารมณ์ของเธอในตอนนี้ เพราะงั้นก็เลยทำได้แค่…..
เข้าไปกอดเอวของเธออย่างแน่น ๆ ก่อนจะเงยหน้าและโน้มใบหน้าหล่อ ๆ เข้าไปใกล้ “ไหนพูดสิ”
“ฉันไปหานายที่ห้องพักผ่อน เห็นเสื้อผ้านายกองสกปรกมาก น่ารังเกียจ” จริงอยู่เรื่องเกี่ยวกับจี้หยกชิ้นนั้น แต่เธอก็ไม่ได้เอ่ยถามเลยสักคำ
เธอไม่แน่ใจว่าจิ่งเป่ยเฉินจะรู้หรือเปล่าว่าจี้หยกนั้นเป็นของเธอ แต่ตอนนี้จี้หยกกลับไปอยู่ในมือของอันหยาพั่นเสียแล้ว
ส่วนห้องพักผ่อนก็……..
เธอรู้จักจิ่งเป่ยเฉินไม่ใช่น้อย เขาไม่ใช่คนที่จะเอาจี้หยกไปไว้ในห้องทำงานแน่ ๆ ส่วนจะให้ถามว่าอันหยาพั่นเป็นคนเอาจี้หยกไปหรือเปล่า เธอก็ไม่ถามแน่ ๆ
“รีบไป เลยไม่ได้เก็บ” ยิ่งไปกว่านั้น เขาเองก็ไม่ใช่คนประเภทที่ต้องมาเก็บกวาด เพราะมีคนช่วยเก็บอยู่แล้ว
“ที่แท้ก็น่ารังเกียจจริง ๆ” เธอหันไปมองที่เสื้อเชิ้ตของเขา ทันใดนั้นเธอก็เอื้อมมือไปที่เสื้อสูทของเขาและปลดกระดุมออก
จิ่งเป่ยเฉินเลิกคิ้วขึ้น ทำไมจู่ ๆ วันนี้โหรวโหรวของเขาถึงได้กระตือรือร้นแบบนี้?
เมื่อรู้สึกถึงมือเล็ก ๆ ของเธอแตะมาที่หน้าอกของเขา ตัวของเขาก็พลันแข็งทื่อขึ้นมาเล็กน้อย ใบหน้าที่เย็นชาค่อย ๆ ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาอย่างช้า ๆ
อันโหรวแตะไปตรงกระเป๋าเสื้อตรงหน้าอกของเขา รู้สึกว่าตรงนี้น่าจะใส่จี้หยกได้ แต่มันกลับว่างเปล่า
ใบหน้าที่สวย ๆ ของเธอกลับพลันดำดิ่งลงทันที
เมื่อเธอคิดจะขยับออก ก็ถูกจิ่งเป่ยเฉินรั้งจับมือเธอไว้ก่อน เมื่อเห็นใบหน้าที่หล่อเหลาขยับเข้ามาใกล้ เธอก็รีบหันหน้าเบือนหนีทันที “ไม่เอา นี่อยู่ในรถ!”
“โหรวโหรว เธอจุดไฟเองนะ” เธอจะไม่รับผิดชอบดับไฟได้ยังไง!
“ฉันก็แค่สัมผัสนิดเดียว เกี่ยวด้วยเหรอ?” ตอนนี้เธอเริ่มที่จะโกรธมาก จะให้เธอไปจูบกับเขาด้วยอารมณ์แบบนี้ได้ยังไงกัน
ใครจะรู้ว่าปากของเขาที่แห้ง ๆ แบบนั้นเคยจูบผู้หญิงคนอื่นมาก่อนหรือเปล่า
“โหรวโหรว เธอเป็นอะไรไป?” มีลางสังหรณ์ในใจของเขาแปลก ๆ รู้สึกว่าโหรวโหรวของเขานั้นกำลังโกรธ และโกรธมากด้วย
อีกทั้งยังต่อต้านเขาอีกด้วย
หัวใจของเขาเริ่มตึงเครียดแปลก ๆ มันอธิบายไม่ถูก เขายังคงผุดภาพความทรงจำเมื่อครั้งที่เธอมองเขาด้วยสายตาห่างเหินได้ดี
มันเป็นความรู้สึกที่สูญเสียอะไรบางอย่าง มันทำให้หัวใจของเขารู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาทันที
“ลูกพี่ลูกน้องฉันไปทำงานในบริษัท?” เธอถามด้วยรอยยิ้ม
จิ่งเป่ยเฉินถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที “ฉันไม่รู้เรื่องนี้ วันนี้ฉันแค่เห็นเธอ ก็นึกว่าเธอคนนั้นมาหาเธอเสียอีก ตอนนั้นเธอไม่ได้อยู่ที่นั่นด้วย!”
“แล้วไงต่อ?” บริษัทหาพนักงานฝ่ายการเงินตัวเล็ก ๆ แบบนี้ จิ่งเป่ยเฉินจะไม่สนใจเอ่ยถามอะไรบ้างเลยหรือไง
แต่เขาอาจจะไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าอันหยาพั่นได้เข้ามาทำงานที่บริษัท แต่เรื่องจี้หยกที่หายไป เธอไม่มีทางยอมปล่อยไปง่าย ๆ แน่