อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 341 หาแฟนสักคนแล้วให้เขาขอเธอแต่งงาน
ตอนที่ 341 หาแฟนสักคนแล้วให้เขาขอเธอแต่งงาน
“งั้นเธอก็หาแฟนสักคนแล้วให้เขาขอเธอแต่งงานสิ” เธอยังคงเปิดดูอัลบั้มภาพในมือ เป็นโรคกลัวการเลือก!
“ได้! แต่ฉันยังหาไม่เจอนี่!” อันหยาพั่นตอบกลับอย่างเบื่อหน่าย
หลังจากนั้นแบบชุดเจ้าสาวก็กลายเป็นจิ่งเป่ยเฉินที่เลือก ส่วนเขาก็แค่เลือกตัวที่เข้ากับชุดเธอก็พอ
คนที่ทำชุดเจ้าสาวนี้เป็นหญิงชราคนหนึ่งที่มีฝีมือดีเยี่ยมและมีช่างปักวัยกลางคนช่วยเธออีกสองสามคน แต่ว่าชุดเจ้าสาวนี้ค่อนข้างซับซ้อน จึงต้องใช้ระยะเวลาหนึ่งเดือนถึงจะเสร็จสมบูรณ์
เมื่อออกมาจากที่นั่น อันโหรวก็พบว่ามีรถสองคันจอดอยู่ด้านหน้าประตู เธอยังไม่ได้เอ่ยปากถามก็ได้ยินเสียงของจิ่งเป่ยเฉินดังขึ้น
เขาเหลือบไปมองอันหยาพั่น “เธอไปนั่งข้างหลัง”
หลังจากนั้นก็โอบตัวอันโหรวขึ้นรถไป เธอมองอันหยาพั่นที่ยืนมองพวกเขาอยู่หน้าประตู ก่อนจะยิ้มและขึ้นรถไป
ภายในรถ เธอมองจิ่งเป่ยเฉินที่ไม่ได้พูดอะไรออกมา “วันนี้นายเย็นชาเกินไปแล้วนะ!”
“งั้นเหรอ?” เขาเป็นแบบนี้ตลอด เขาคิดว่าไม่มีอะไรที่แตกต่าง
ยิ่งไปกว่านั้นฝ่ายตรงข้ามก็เป็นลูกพี่ลูกน้องเธอ เขาจึงจำเป็นต้องรักษาระยะห่างให้มากที่สุด
“นายจงใจ?” เธอยิ้ม ก่อนจะขยับไปพิงเขา
จิ่งเป่ยเฉินมีความสุขมากที่อันโหรวขยับมาพิงที่ตัวเขาและแนบชิดติดกับเขา แต่ว่าที่เธอถามเขาก็อธิบายออกมาไม่ได้
“ฉันเปล่า ฉันก็แค่เลือกชุดเจ้าสาวอย่างจริงจัง ในชีวิตนี้มีแค่ครั้งเดียว ฉันเลยต้องจริงจังหน่อย” เมื่อมองไปที่ใบหน้าที่ยุ่งเหยิงของเธอ เพราะงั้นเรื่องการตัดสินใจนั้นจึงเป็นเขาที่ทำมัน
“โอเค ๆ นายจริงจัง จริงจังเอามาก ๆ เป็นฉันไม่ได้จริงจังเลย พอใจหรือยัง!” เธอบอกเพียงแค่นั้น
“โหรวโหรว เธอโกรธเหรอ?” เขาโอบเธอไว้ไม่ให้เธอหนีไปไหน ก่อนจะก้มลงมองเธอ
“งั้นนายบอกมาสิว่าฉันโกรธเรื่องอะไร?” เมื่อก่อนเธอไม่ใช่คนที่โกรธอะไรง่าย ๆ หรือเป็นคนที่ขี้หึง
ยิ่งไปกว่านั้นระหว่างจิ่งเป่ยเฉินและอันหยาพั่นก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรตั้งแต่แรก อันหยาพั่นเรียก เขาก็แค่ตอบรับเป็นพิธี ความจริงแล้วเธอไม่ควรจะโกรธ
“ไม่ยอมให้เธอเป็นคนเลือกชุดแต่งงาน?” ใบหน้าของจิ่งเป่ยเฉินนั้นดูจริงจังขึ้นมาทันที
“ก็ใช่สิ! แต่ว่านายก็เลือกแบบที่ฉันชอบ ดังนั้นฉันไม่ได้โกรธอะไรเลย!” เธอหัวเราะออกมา อยากจะขยับออกจากตัวเขา แต่ก็ไม่สามารถขยับได้ ทำได้เพียงอยู่ในอ้อมแขนของเขา
ในชั่วพริบตาเวลาก็ผ่านไปครึ่งเดือน ในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมาพวกเขาไม่ได้พักผ่อน เมื่อมีเวลาว่างจิ่งเป่ยเฉินก็พาเธอไปถ่ายรูปพรีเวดดิ้ง
กระทั่งบินไปต่างประเทศ ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ก็ไปทะเล ปราสาท ริมชายหาด บนหน้าผา แม้แต่ทะเลทรายและในป่า……
ชุดแต่งงานสีขาวที่เธอคิดว่าจะไม่ได้ใส่ เธอไม่รู้เลยว่าชุดแต่งงานนั้นทำเสร็จตั้งแต่เมื่อไหร่ มันเหมือนกับชุดนั้นสั่งตัดมาสำหรับเธอ
จิ่งเป่ยเฉินไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องชุดแต่งงาน ยิ่งเขาไม่พูดเรื่องนี้ เธอก็รู้ได้ว่ามันคือเรื่องจริงที่เขาสั่งตัดชุดแต่งงานขึ้นมาโดยไม่บอกเธอ
ภายในใจของเธอนั้นรู้สึกซาบซึ้งมาก สถานที่เยอะแบบนั้น รูปพรีเวดดิ้งน่าจะครบแล้ว
ฤดูใบไม้ผลิใกล้จะมาถึงแล้ว ต้นไม้สีเขียวมีกิ่งก้านแตกหน่อ ทั่วเมือง A จึงเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา ทั้งยังปรากฏความกระฉับกระเฉงขึ้นมาในทุก ๆ ที่
เครื่องหยกที่ปิดให้บริการไปตั้งแต่ช่วงตรุษจีนของบริษัทจิ่งก็เริ่มเปิดให้บริการอีกครั้ง ไม่เพียงเท่านี้เพราะยังมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ของวิเวียนอีกสองตัว รวมถึงแค็ตตาล็อกใหม่จากนักออกแบบคนอื่นอีกห้าคนของบริษัทจิ่งด้วย
วันนี้เตรียมแถลงประกาศข่าว พร้อมกับเชิญสื่อมวลชนมาร่วมงานถ่ายทอดสดให้ได้รับรู้กันทั่วโลก
เดิมทีอันโหรวนั้นไม่อยากออกอากาศ แต่ว่าจิ่งเป่ยเฉินนั้นลากเธอมาด้วย แต่ว่าไม่ใช่ในฐานะเลขา เป็นในฐานะภรรยาของท่านประธาน เธอจึงยอมมา
เธอนั่งอยู่ข้าง ๆ เขา เวลาได้ยินเสียงที่สุขุมคมเข้มของเขาก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา
“ขอโทษนะคะประธานจิ่ง พวกคุณจะแต่งงานกันเมื่อไหร่คะ? ขอแต่งงานไปเมื่อปีที่แล้ว นี่ก็ผ่านมาตั้งนานแล้ว!” เมื่อเริ่มสัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องงานแถลงจบก็มีผู้สื่อข่าวรายหนึ่งถามเรื่องอื่นขึ้นมา
โดยเฉพาะเรื่องของอันโหรวและจิ่งเป่ยเฉินที่เป็นที่น่าจับตามอง เรื่องขอแต่งงานทุกคนก็ได้เห็นกันไปแล้ว ตอนนี้จึงต่างรองานแต่งงานของพวกเขาทั้งสอง
ถ้าหากเป็นเมื่อก่อนจิ่งเป่ยเฉินจะไม่ตอบเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เด็ดขาด
แต่ว่าตอนนี้เขากลับหันไปมองหน้าอันโหรวและพูดขึ้นว่า “ใกล้แล้ว”
“ใกล้แล้วนี่อีกนานแค่ไหนคะ? ประธานจิ่งช่วยบอกฤกษ์หน่อยสิคะ! พวกเราต่างรอลุ้นอยู่นะ! วันนั้นจะต้องว่าง ประธานจิ่งอย่ามาบอกกระชั้นชิดตอนใกล้จะแต่งนะคะ!”
“ใช่แล้ว ๆ ใช่แล้ว!”
เมื่ออันโหรวได้ยินเสียงพวกเขาเหล่านั้นถึงนึกขึ้นได้ว่าตัวเธอเองก็ไม่รู้ว่าพิธีแต่งงานนั้นจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่
อดไม่ได้ที่จะหันไปมองเขา เพื่อรอฟังคำตอบจากเขาเช่นกัน
“จะออกมาชี้แจงล่วงหน้าแน่นอน อดทนรอนะครับ ไม่นานหรอก เพราะผมเองก็ทนไม่ไหวแล้วที่จะส่งตัวเจ้าสาวเข้าหอ” เมื่อจิ่งเป่ยเฉินพูดจบก็โน้มตัวมาหาเธอ พลางจูบไปที่ใบหน้าของเธอเบา ๆ
ฉากเมื่อครู่ทำเอาผู้คนต่างตกตะลึงและบันทึกภาพเอาไว้อย่างกระตือรือร้น
“หลังจากที่แถลงข่าวเสร็จ เชิญเตรียมไปจิบน้ำชายามบ่ายต่อ หากอยากรู้เรื่องอะไรสามารถคุยไปกินไปได้” ฉีเซิ่งเทียนพูดออกมา จิ่งเป่ยเฉินจึงลากอันโหรวออกไปอย่างรวดเร็ว
ฉีเซิ่งเทียนมองพวกเขาทั้งสองที่ออกไปด้วยกัน ก่อนจะหัวเราะออกมา และหันกลับมามองผู้สื่อข่าวและผู้ที่ถูกเชิญมาทุกท่าน “ผู้ชายที่มีภรรยาแล้วนั้นต่างกัน เมื่อไหร่ผมจะได้ออกไปอย่างทนรอไม่ได้กันนะ!”
“ผู้จัดการฉีคะ คุณยังมีพวกฉันนะคะ!”
กลุ่มนักข่าวที่อยู่ด้านล่างพูดพลางหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน
“ไป ๆ ไม่เป็นไร พอดีผมไม่ชอบ” ฉีเซิ่งเทียนวางไมโครโฟนลง “ไปได้แล้วครับ ไปกินข้าวหรือคุยเล่นกัน”
จิ่งเป่ยเฉินและอันโหรวเดินเข้าไปในสถานที่ประชุมและนั่งลงในมุมเงียบ ๆ เพื่อคุยกัน
“พิธีแต่งงานนี่เมื่อไหร่เหรอ?” อันโหรวเสิร์ฟน้ำส้มตรงหน้าพลางยิ้มมองเขา
“ชุดงานแต่งเสร็จเมื่อไหร่ก็แต่งเลย” จิ่งเป่ยเฉินจ้องไปที่เธออย่างเย็นชา ก่อนจะค่อย ๆ ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เธอต้องการอะไรในพิธีแต่งงานหรือเปล่า?”
“ไม่มี ขอแค่เจ้าบ่าวคือนาย เจ้าสาวคือฉันก็พอแล้ว” เธอไม่ได้ต้องการอะไรในพิธีแต่งงาน
แต่ไม่รู้ว่าทำไมภายในใจของเธอกลับรู้สึกไม่สบายใจแปลก ๆ
ถ้าคลิปวิดีโอของพวกเขาทั้งคู่เผยแพร่ออกไป แม่เห็นแล้วจะส่งกระดาษโน้ตอะไรมาให้เธออีกหรือเปล่า?
ไม่อนุญาตให้แต่งงานกับจิ่งเป่ยเฉิน
ท้ายที่สุดแล้วแม่รู้อะไรมา?
“แน่นอน” พวกเขาสองคนแต่งงานกัน บ่าวสาวต้องเป็นพวกเขาทั้งคู่
“ไม่ต้องรีบร้อน! ใจเย็นหน่อย เลือกวันที่เป็นมงคล ถึงยังไงนายก็บอกว่าครั้งหนึ่งในชีวิต” จู่ ๆ เธอก็เอ่ยขึ้น
“ได้” ถือเป็นเรื่องยากที่อันโหรวมีเงื่อนไขต่อพิธีแต่งงาน
ทะเบียนสมรสของพวกเขานั้นมีตั้งนานแล้ว พิธีแต่งงานเป็นเพียงแค่พิธีการเท่านั้น
พิธีการก็สำคัญ แต่อารมณ์ของอันโหรวนั้นสำคัญกว่า
ฉีเซิ่งเทียนกำลังนั่งอยู่ข้างโต๊ะทรงกลม รอบข้างนั้นล้วนเป็นนักข่าวผู้หญิงและสุภาพสตรีคนอื่น ๆ ดอกไม้ประดับนานาพันธุ์
หลินจือเซี๋ยวที่ยืนอยู่ด้านล่างได้ยินสิ่งที่เขาพูดบนเวทีเมื่อครู่ก็คิดว่าเขาหมายถึงตัวเอง
แต่ว่าตอนนี้เหรอ!
เมื่อลงมาจากเวทีก็มีสาว ๆ มากหน้าหลายตามาล้อมรอบ ที่แท้เธอก็ไม่ควรคาดหวังอะไรจากผู้ชายเพลย์บอยคนนี้!