อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 342 ใจเธอที่ไม่ยอมรับเขา ถือว่าเป็นเรื่องที่คิดถูกแล้วจริง ๆ
- Home
- อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด
- ตอนที่ 342 ใจเธอที่ไม่ยอมรับเขา ถือว่าเป็นเรื่องที่คิดถูกแล้วจริง ๆ
ตอนที่ 342 ใจเธอที่ไม่ยอมรับเขา ถือว่าเป็นเรื่องที่คิดถูกแล้วจริง ๆ
ใจเธอที่ไม่ยอมรับเขา ถือว่าเป็นเรื่องที่คิดถูกแล้วจริง ๆ
เธอถือแก้วน้ำมะม่วงคั้นสด ๆ ไว้ในมือแน่น ก่อนจะเหลือบสายตามองไปที่เขา พร้อมกับเดินกระแทกรองเท้าส้นสูงออกไปต่อหน้าต่อตาเขา
ดวงตาของฉีเซิ่งเทียนเปลี่ยนไปโดยไม่ตั้งใจ เขามองดูหลินจือเซี๋ยวที่ค่อย ๆ เดินออกไป ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าพวกคนที่อยู่รอบข้างเหล่านี้ช่างน่ารำคาญเสียจริง ๆ
“ข้อมูลที่พวกคุณอยากได้! ไปหาสองคนนั้นแทนนะ ผมพูดทุกอย่างที่รู้ไปหมดแล้ว!” แน่นอนว่าตัวเขาเองก็ไม่กล้าที่จะปล่อยนักข่าวไปหาจิ่งเป่ยเฉินและอันโหรวหรอก แต่พวกเขาต่างก็เป็นพวกระดับวางแผนขั้นสูง แน่นอนเรื่องพวกนี้พวกเขาน่าจะรู้ดีที่สุด
“ผู้จัดการฉี พวกเราคิดอยากจะตามคุณไปดูนะ!”
ที่ด้านหน้าฉีเซิ่งเทียนจู่ ๆ นักข่าวคนสวยก็ปรากฏขึ้นมาตรงหน้า เขาเหลือบสายตามองไปที่นักข่าวคนสวยคนนี้ ก่อนจะพูดว่า “จริง ๆ เลย ผมคิดไม่ออกแล้วจริง ๆ”
“ฉันขอตัวไปก่อนนะ! ยังมีธุระอยู่ค่ะ!” เธอลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและออกจากห้องประชุมราวกับว่ากำลังจะหนีไป
ให้ตายสิ หลินจือเซี๋ยวนี่เธอคิดจะไปที่ไหนกันแน่?
เพียงกะพริบตาทีเดียวก็ไม่เห็นแม้กระทั่งเงาคนแล้ว
ทางด้านอันโหรวเมื่อเห็นวิเวียนที่กำลังเดินเข้ามา เธอก็วางน้ำส้มที่อยู่ในมือลง แล้วพูดกับจิ่งเป่ยเฉินว่า “ฉันขอตัวเดี๋ยวนะ!”
“ไปสิ! อย่าลืมกลับมาด้วย ไม่อย่างนั้นฉันคงต้องลากเธอกลับมาแน่!” ความประทับใจที่มีต่อตัวของวิเวียน สำหรับจิ่งเป่ยเฉินนั้นก็คือโหรวโหรวไปบ้านเธอหลายครั้ง และก็แทบไม่คิดจะกลับบ้านตัวเองเลยสักครั้ง
แม้แต่ตัวเขาก็คิดไม่ถึงเลยว่าต้องมานั่งคอยคุ้มกันผู้หญิงคนหนึ่งแบบนี้!
“พวกเราแค่ไปพูดคุยไม่กี่ประโยคเท่านั้นเอง!” อันโหรวเหลือบสายตามองไปที่เขา ก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับวิเวียน
พวกเขาเดินไปตรงระเบียงที่ไม่มีคน มองดูวิวทิวทัศน์ที่อยู่ภายนอก จากที่ไกล ๆ ที่พวกเขามองเห็นก็คืออาคารตึกราบ้านช่องที่สูงใหญ่ในเมือง A
อันที่จริงเธอก็พอจะคาดเดาออกว่าวิเวียนจะพูดอะไร แต่ตัวเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะตอบกลับไปอย่างไรดี
เพราะงั้นเลยคิดจะให้จิ่งเป่ยเฉินเลื่อนวันแต่งงานออกไปก่อนสักพักหนึ่ง บางทีเธออาจจะได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับแม่ของเธอมาบ้าง
จะดีที่สุดถ้าหากสามารถหาสถานที่ที่เธออยู่ได้ เพราะพวกเขาไม่ได้เจอกันมาหลายปีแล้ว
ที่ระเบียงมีสายลมฤดูใบไม้ผลิพัดผ่านมาเล็กน้อย พัดผ่านเส้นผมของเธอให้ลอยยุ่งเหยิงเล็กน้อย เธอทัดผมเอาไว้ที่หู ก่อนจะมองไปที่วิเวียน “พี่ ฉันรู้นะว่าพี่ต้องการจะพูดอะไร”
“แล้วเธอคิดว่ายังไง?” วิเวียนมองเธอด้วยสายตาที่อ่อนโยน ถ้าหากงานแต่งถูกจัดขึ้น พวกเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง
ไม่รู้ด้วยว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างถ้าหากพวกเขาแต่งงานกัน
แต่ถ้างานแต่งที่มีความสุขแบบนั้นถูกแม่ของเธอไม่ยอมรับ งานแต่งจะไม่มีทางถูกจัดขึ้นอย่างนั้นเหรอ?
“ถ้าหาก……….”
อันโหรวเอียงศีรษะมองไปดูทิวทัศน์ที่อยู่ห่างไกล ก่อนจะพูดเบา ๆ ว่า “ถ้าหากหาแม่ไม่เจอ จะให้รอข่าวคราวจากแม่ก็คงไม่ได้ ด้วยนิสัยที่ดื้อรั้นของแม่ ถ้าพี่บอกว่าฉันจะแต่งงาน แม่จะออกมาห้ามฉันหรือเปล่า?”
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแม่จะออกมาเพื่อห้ามเธอจริง ๆ หรือจะปรากฏตัวเพื่อมาอวยพร แต่อย่างน้อยแม่ก็ยังถือว่าออกมา แค่ได้เห็นหน้าแม่ก็พอแล้ว
“ถ้าหากคิดจะให้เธอปรากฏตัวจริง ๆ ราคาที่ต้องสูญเสียมันเยอะนะ” วิเวียนพูดเบา ๆ
“ก็คงไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว อีกอย่างฉันกับเขา……” อันโหรวนึกถึงหยางหยางและหน่วนหน่วนที่กำลังยิ้มแย้ม “พวกเราไม่เพียงแต่จะมีลูกด้วยกัน แต่ครั้งนี้พวกเราจะแต่งงานกันจริง ๆ การแต่งงานที่ควรจัดตั้งนานแล้วด้วย!”
“การแต่งงานมันก็เป็นแค่พิธีเท่านั้น”
ทันใดนั้นเองเธอก็ยื่นมือซ้ายออกมา ก่อนจะเผยมันให้เห็น แหวนหมั้นที่โอวหยางลี่ได้โยนทิ้งไป เดิมทีจิ่งเป่ยเฉินต้องการจะซื้อแหวนวงใหม่ให้กับเธอ แต่เธอกลับปฏิเสธมัน
เธอบอกว่าอีกไม่นานเธอก็จะแต่งงานแล้ว ถ้าหากแต่งงานเมื่อไหร่ การสวมแหวนแต่งงานก็ไม่ได้ใช้เวลานานมากนัก ไม่จำเป็นต้องวุ่นวาย
ถึงแม้ว่าใบหน้าของเขาจะดูไม่มีความสุข แต่ตัวเธอก็สามารถประนีประนอมกับเขาได้แน่
วิเวียนเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี จึงมองรอยยิ้มบาง ๆ ที่เธอเผยออกมาและพูดว่า “ตัดสินใจแล้วก็ดี ชีวิตของเธอนับจากนี้อยู่ที่มือของเธอแล้ว”
“ใช่ แต่ฉันก็คิดถึงแม่มากจริง ๆ นะ” เธอยังคงคิดถึงแม่อยู่เสมอ ถึงแม้ตอนนี้เธอจะกลายเป็นแม่คนแล้วก็ตาม
ถ้าหากแม่ได้เห็นหยางหยางและหน่วนหน่วน แม่จะต้องชอบพวกเขามากแน่ ๆ
“เธอไม่มีทางปรากฏตัวมาแน่” วิเวียนพูดขึ้นทันที ถ้าหากเธอต้องการที่จะปรากฏตัวละก็ เธอก็ควรปรากฏตัวตั้งแต่ที่มีข่าวหมั้นหมายออกมาในครั้งนั้นแล้ว
แต่นี่เธอแค่ส่งข้อความสั้น ๆ มา หลังจากนั้นก็แทบไม่ปรากฏอะไรอีกเลยด้วยซ้ำ
“ฉันรู้อยู่แล้ว ไม่ว่าแม่จะปรากฏตัวมาหรือไม่ งานแต่งงานก็จะถูกจัดขึ้น นี่เป็นชีวิตของฉัน ชีวิตที่มีเพียงครั้งเดียว” เธอหันหลังกลับและไม่ได้มองทิวทัศน์ข้างนอกอีกต่อไป “ถ้าหากหลังจากนี้หน่วนหน่วนต้องแต่งงาน เหตุผลเดียวที่ฉันจะไม่ปรากฏตัวในงานแต่งของลูกก็คือฉันไม่เต็มใจยอมรับ และไม่คิดอยากจะให้เธอแต่งงาน”
ตอนนี้เมื่อเธอลองคิด ๆ ดู ก็รู้สึกว่าพอถึงตอนนั้น ไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องทนไม่ไหวแน่ ๆ
ถ้าหากแม่ของเธอไม่ปรากฏตัวจริง ๆ เธอก็คงทำได้แค่วิธีนี้เท่านั้น นั่นคือการปลอบตัวเอง
ไม่ใช่เพราะคิดจะต่อต้าน ดื้อรั้น หรืออะไร แม้จะไม่ใช่คำอวยพร แต่แค่ลังเลว่าเธออาจจะไม่เหมาะที่จะแต่งงานเท่านั้น
ทันใดนั้นเองเธอก็เห็นเหอเหมียวกำลังเดินมาหาพวกเขา แถมยังพกร่มที่ชวนดูน่าสงสัยมาด้วย
“ฉันเองก็ไม่อยากให้เธอแต่งงานเหมือนกัน แต่ว่าเธอกลับแต่งงานแล้วนี่สิ” วิเวียนพูดด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับเผยใบหน้าที่อ่อนโยนออกมา
ขณะที่วิเวียนกำลังพูด เหอเหมียวก็ได้เดินไปที่ฝั่งตรงข้ามกับอันโหรว สายตาเบิกกว้างมองไปที่ตัวเธอ ตอนนี้ท้องน้อยของเธอนูนขึ้นมาเล็กน้อย เธอสวมรองเท้าส้นสูงเล็ก ๆ ใบหน้าซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด
“มีธุระอะไร?” อันโหรวเอ่ยถาม
“พี่โอวหยางบาดเจ็บ เธอไม่คิดจะไปดูเขาหน่อยเหรอ? เขาได้รับบาดเจ็บเพราะเธอแท้ ๆ” เหอเหมียวจ้องมองเธอด้วยความโกรธ ผู้หญิงคนนี้ไม่รู้หรือไงว่าตอนนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกับเธอบ้าง
“ถ้าหากฉันจำไม่ผิดละก็ อาการบาดเจ็บของเขาน่าจะเกือบหายดีแล้วนะ” เขาบาดเจ็บมาเดือนกว่าแล้ว ตอนนี้ยังมานอนติดเตียงอยู่อีกหรือไง
แต่ไม่ว่าตอนนี้เขาจะเป็นยังไงก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอทั้งนั้น เพราะตอนนั้นเขากักขังเธอเอาไว้ ไม่ยอมปล่อยให้เธอไปไหน
“ผู้หญิงอย่างเธอนี่มันไร้ความรู้สึกจริง ๆ ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าพี่โอวหยางทำไมต้องมาชอบคนอย่างเธอด้วย!” เหอเหมียวเดินไปหาเธอทีละก้าว
อันโหรวมองย้อนกลับไปตรงระเบียงก็เห็นกระจกหน้าต่างที่กั้นเอาไว้ เป็นไปได้ไหมที่เธอคนนี้คิดจะผลักเธอลงไป
“เธอชอบเขามากขนาดนั้น เธอทนไม่ได้งั้นเหรอที่เขาไปชอบผู้หญิงคนอื่น? เธอคิดอีกเหรอว่าฉันคิดอยากจะไปดูเขามากขนาดนั้น? ตั้งแต่ตอนไหนกันที่เธอเปลี่ยนเป็นคนแบบนี้?” เธอนึกถึงเรื่องราวที่เหลียวเว่ยตั้งท้องและเด็กคนนั้นถูกเธอเป็นคนฆ่าทิ้ง
“แล้วไง? เธอจะมาสนใจอะไร? หรือว่าฉันจะเปลี่ยนเป็นคนแบบนี้ไม่ได้?” เหอเหมียวยืนอยู่ข้างหน้าเธอ ทันใดนั้นก็ยกมือขึ้นมา “ขอร้องเธอ ช่วยไปดูเขาหน่อยเถอะ พี่โอวหยางชอบเธอมากจริง ๆ นะ ทุกวันเขาไม่ยอมกินข้าว มัวแต่เฝ้าคิดถึงเธอ ไม่อย่างนั้นฉันก็คงไม่มาหาเธอหรอก! เธอก็รู้ว่าเด็กในท้องของฉันเป็นลูกของเขา!”
เหอเหมียวพูดเสียงดังมาก ถึงแม้ว่าที่นี่จะเป็นระเบียง แต่ด้วยเสียงของเธอที่ค่อนข้างดังก็ทำให้มีคนมากมายต่างแห่กันมาดู โดยเฉพาะนักข่าวที่มีกล้อง
“อันโหรว เพราะพี่โอวหยางลี่ชอบเธอมาก ฉันขอแค่ให้เธอไปดูเขาหน่อย ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้อะไรก็ตาม แต่แค่ไปดูเขาครั้งเดียวก็พอแล้ว หรือว่าเธอจะใจร้าย ถึงขนาดขอร้องอะไรก็ไม่เป็นผลงั้นเหรอ? พวกเธอไม่ใช่คู่รักตั้งแต่วัยเด็กตั้งสิบปีหรือไง? พี่โอวหยางไม่มีทางลืมเธอได้เลยสักครั้งหนึ่งนะ!” เหอเหมียวพูดทั้งน้ำตา ก่อนจะจับมือของเธอไว้แน่น
แสงแฟลชกะพริบไปมาไม่หยุด เสียง ‘แชะแชะ’ ดังรัวจนฟังดูน่ารำคาญ
“ปล่อยมือฉัน แล้วค่อยมาพูดกันดีกว่าไหม?” อันโหรวมองเธออย่างใจเย็น มือที่ถูกเธอจับตอนนี้มันค่อนข้างแน่นเกินไป
“อันโหรว เธอรับปากกับฉันก่อนได้ไหม? ถ้าเธอตกลงฉันจะปล่อยเธอไป! เธอช่วยไปดูเขาหน่อยได้ไหม?” เหอเหมียวมองเธอทั้งน้ำตา น้ำตาของเธอเปรอะเปื้อนไปหมด ยากที่จะมองเห็นใบหน้าของเหอเหมียวได้อย่างชัดเจน