อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 344 เธอไม่อยากโดนหลอกอีก
ตอนที่ 344 เธอไม่อยากโดนหลอกอีก
เดิมทีเธอที่ฟังคำพูดของเขาก็รู้สึกซาบซึ้งใจอยู่มาก ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนที่พูดกับเธอแบบนี้
แต่ว่าในชั่วพริบตาเธอก็นึกได้ว่าฉีเซิ่งเทียนอาจจะพูดด้วยเหตุผลอื่น เธอจะไม่ยอมโดนหลอกเด็ดขาด
“หลินจือเซี๋ยว เธอบอกมาว่าเธอชอบหรือเปล่า? เธอไม่รู้เหรอว่าผู้ชายดี ๆ อย่างฉันนั้นมันหายากมากเลยนะรู้ไหม?”
“เมื่อคิดว่าเป็นของมือสอง ไม่สิของใหม่เอี่ยม ภายในใจก็รู้สึกไม่สบายใจและสิ้นหวังมาก เพราะงั้นผู้จัดการฉี ฉันยังเคารพในตัวคุณนะ คุณปล่อยฉันไปถอะ! คุณไปหาผู้หญิงคนอื่นเถอะนะ!” เธอพูดจบก็ขยับขาออก “คุณปล่อยฉันลงได้แล้ว!”
เมื่อซีเฉิ่งเทียนได้ยินเธอพูดแบบนั้น ใบหน้าที่หล่อเหลาก็หมดคำบรรยาย
“หลินจือเซี๋ยว เธอเป็นผู้หญิงที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน มีสิทธิ์อะไรมาทิ้งฉันแบบนี้?”
นี่มันสถานการณ์อะไรกัน!
“ฉีเซิ่งเทียนเป็นเพราะช่วงนี้คุณจีบผู้หญิงคนอื่นไม่ติดเหรอ ถึงได้มาหาฉันเพื่อคลายอารมณ์ ฉันไม่เอาด้วยหรอกนะ!” เมื่อเธอนึกถึงเรื่องที่ตัวเองเป็นหนี้อยู่สองร้อยห้าสิบล้าน ช่างน่าเศร้าและสิ้นหวังมาก
“นั่นเธอควรจะรู้สึกเป็นเกียรติไม่ใช่เหรอที่กลายเป็นผู้หญิงของฉัน?” เขาขยับเข้ามาใกล้เธอและเผยรอยยิ้มออกมา
ใบหน้าของเขานั้นเผยความรู้สึกออกมาอย่างชัดเจน แต่ว่าเธอกลับรู้สึกเฉยเมย
“ไม่เลย” เธออึดอัดมากกว่า รู้สึกเป็นเกียรติงั้นเหรอ?
“ด้านนอกนั้นไม่มีเสียงอะไรเลยจริง ๆ พวกเราออกไปข้างนอกกันเถอะ ฉันขอร้อง!”
“ไม่ ลูกศรธนูจะเข้าเป้าแล้ว เธออ่อยฉันก่อนเอง” เห็นได้ชัดว่าเขาอยู่ดี ๆ เป็นเธอที่ตั้งใจทำให้เขาไขว้เขว มองเขาอย่างมีเลศนัยแล้วก็หายออกไปแบบนั้น
เพราะงั้นเธอจำเป็นจะต้องรับผิดชอบ!
“ฉันอ่อยคุณตอนไหน? ฟ้าดินเป็นพยานฉันไม่ได้ทำอะไรเลย ถ้าหากว่าอะไรที่ทำให้ผู้จัดการฉีเข้าใจผิดละก็ ให้คุณพูดออกมาแล้วฉันจะอธิบายมันให้ฟังเอง”
“ตอนนี้นั่นแหละ”
ดวงตาที่จ้องมองเขาด้วยน้ำตา ใบหน้าเล็ก ๆ แดงระเรื่อ ๆ อย่างน่าสงสารที่มองเขา ล้วนทำให้เขารู้สึกถึงความงามขึ้นมาในชั่วพริบตา เขายังไม่ได้ลิ้มรสอย่างเพียงพอเลย หลินจือเซี๋ยวเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองแสดงความรู้สึกอะไรออกมา ถึงทำให้เขาคิดว่าเธออ่อยเขา
“เอาอีกแล้ว…….”
“……”
เธอหยุดพูดแล้วยังไม่ได้เหรอ?
เมื่อเห็นเธอนิ่งไป ภายในใจของฉีเซิ่งเทียนก็เริ่มครุ่นคิดอีกครั้ง
“เธออยู่ตรงหน้าฉัน ถึงไม่พูดก็เหมือนเดิม”
เมื่อดวงตาของเขาเบิกตากว้างขึ้น เธอก็รีบเอียงศีรษะเบือนหน้าไปอีกฝั่ง กวาดตามองไปรอบ ๆ ห้องและพูดขึ้นอย่างแผ่วเบาว่า “จะไม่ปล่อยฉันไปจริง ๆ ใช่ไหม?”
“ไม่!”
“แต่………”
ฉีเซิ่งเทียนมองไปที่ขนตางอนสวยนั้น ดวงตาที่กะพริบไปมาของเธอ ภายในใจก็เริ่มรู้สึกอ่อนระทวย
……
“ได้ พวกเราไปโรงแรมใกล้ ๆ กัน” เขายอมประนีประนอมและปล่อยเธอ
ขาของหลินจือเซี๋ยวถูกปล่อยลง เธอจ้องไปที่เขาก่อนจะวิ่งออกไปด้านนอก
เมื่อฉีเซิ่งเทียนเห็นเธอวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่คิดว่าจะปล่อยเธอหลุดมือไปจริง ๆ
เขานี่เป็นสุภาพบุรุษจริง ๆ
“กรี๊ด……”
เสียงกรีดร้องของหลินจือเซี๋ยวดังขึ้นที่ด้านนอก
เขาหมดอารมณ์ในการเพลิดเพลินเดินเล่นทันที ก่อนจะรีบวิ่งออกไปด้านนอก ด้านในห้องโถงนั้นไร้ผู้คน ไม่เห็นแม้แต่เงาของหลินจือเซี๋ยว
เขาวิ่งไปทางระเบียงก็พลันเห็นหลินจือเซี๋ยวกำลังพิงอยู่ตรงผนังและบนพื้นตรงด้านข้างขาของเธอนั้นมีคราบเลือดอยู่
เกิดอะไรขึ้น?
ทำไมถึงได้มีคราบเลือดได้?
จิ่งเป่ยเฉินและอันโหรวอยู่ไหน?
แล้วพวกนักข่าวไปไหนกันหมด?
ฉีเซิ่งเทียนเดินเข้าไปโอบเธอให้ลุกขึ้นและเดินออกไปจากบริเวณนั้น หลินจือเซี๋ยวยังไม่ได้สติกลับมา
ทำไมถึงได้มีคราบเลือด?
เป็นคราบเลือดของใคร?
“เป็นความผิดของนาย ฉันบอกแล้วว่าต้องเกิดเรื่องขึ้น นายก็ไม่ฟัง!” หลินจือเซี๋ยวเดินออกไปด้วยความกังวล ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาอันโหรว “ถ้าหากเป็นโหรวโหรว คืนนี้ฉันจะไม่ยอมนอนกับคุณแน่!”
“ต้องไม่ใช่อยู่แล้ว! อาจจะเป็นพี่เฉิน ศัตรูเขาค่อนข้างเยอะ”
“ถ้าหากฉันเป็นศัตรู ฉันก็คงลงมือกับโหรวโหรว ไม่เพียงแต่ทำให้จิ่งเป่ยเฉินนั้นเจ็บปวดทรมานและยังเลือกลูกพลับที่สุกนิ่ม![1]” เมื่อเปรียบเทียบการสู้กับจิ่งเป่ยเฉินแล้ว ต่อสู้กับอันโหรวนั้นง่ายกว่ามาก
“พี่สะใภ้ต้องไม่เป็นอะไร” ฉีเซิ่งเทียนเองก็โทรศัพท์หาจิ่งเป่ยเฉินทันที แต่ว่าเขาไม่รับสาย
ส่วนทางด้านของหลินจือเซี๋ยวกลับโทรศัพท์หาอันโหรวติด เมื่อได้ยินเธอพูดก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ไปโรงพยาบาลกันเถอะ!”
“งั้นไม่ใช่พี่สะใภ้ใช่ไหม! งั้นที่เธอพูดเมื่อครู่ก็นับสิ? เธอชอบห้องแบบไหน ห้องบนยอดเขา? ห้องวิวทะเล? หรือว่าห้องธีม?” ฉีเซิ่งเทียนเดินตามเธออยู่ด้านหลังและถามอย่างตื่นเต้น
หลินจือเซี๋ยวมองเขาด้วยสายตาเย็นชา “เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแบบนี้ ฉันไม่มีอารมรณ์ด้วยหรอกนะ! ไม่ทำ!”
“หลินจือเซี๋ยว เธอพูดมาไม่นับนะ!”
“ฉันเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ไม่นับคำพูดแล้วคุณจะทำยังไง?” เธอขมวดคิ้วพลางก้าวขึ้นรถ
ตอนแรกทั้งคู่นั้นต่างขับรถกันมาเอง แต่ว่าตอนนี้ฉีเซิ่งเทียนกลับเข้าไปนั่งฝั่งข้างคนขับด้วยท่าทีที่มั่นใจ
หลินจือเซี๋ยวหมดคำจะพูดกับเขา ตอนนี้ชีวิตคนกำลังตกอยู่ในอันตราย พวกเขาไม่มีเวลามาพัวพันกับเรื่องเล็กน้อยแบบนี้
……
ในขณะนี้คลิปวิดีโออันโหรวและเหอเหมียวได้เผยแพร่ออกไปในโลกออนไลน์อย่างรวดเร็ว และขึ้นเทรนด์พาดหัวข่าวอย่างรวดเร็วเช่นกัน
ตระกูลโอวหยางเองก็ได้เห็นแล้วจึงได้ไปโรงพยาบาลก่อนเป็นอันดับแรก
เฉาลี่เฟยมองไปที่อันโหรวและจิ่งเป่ยเฉินที่ยืนอยู่ด้านนอก ก่อนจะเดินเข้าไปหาด้วยฝีเท้าที่นุ่มนวล นี่มันเกิดอะไรขึ้น!
ทำไมเหอเหมียวถึงได้วิ่งเข้าไปหาอันโหรว! และยังทำให้ตัวเองต้องเข้าโรงพยาบาลอีก
โอวหยางลี่ที่ใบหน้าเกือบแดงก่ำเดินไปตรงหน้าพวกเขา ก่อนจะก้มมองอันโหรว “โหรวโหรว ฉันไม่เคยคิดเลยว่าจิตใจของเธอจะเลวร้ายได้ขนาดนี้ แม้แต่เด็กที่กำลังจะเกิดมาก็ไม่เว้น เธอฆ่าลูกของฉันไปสองคนแล้วนะ!”
โอวหยางลี่อารมณ์เสียมากในตอนนี้ ไม่สนใจว่าจะเป็นผู้หญิงที่เขาเคยชอบและง้างมือจะเข้าไปตบหน้าของเธอ
[1] รังแกคนที่อ่อนแอกว่า