อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 345 การวางแผน
ตอนที่ 345 การวางแผน
แต่ว่ามือขวาของเขานั้นกลับถูกจับไว้อย่างแรง
มือของจิ่งเป่ยเฉินจับไปที่ตัวเขาทันที ก่อนจะใช้สายตามองเขาด้วยท่าทีที่เย็นชา เห็นได้ชัดว่าตัวของเขานั้นกำลังนั่งอยู่ แต่ก็ดูสง่างามและเผยอารมณ์ที่ดูดีกว่าคนที่ยืน “ประธานโอวหยางแผลคงหายดีแล้วสินะถึงได้ลืมเรื่องความเจ็บไปจนหมด ผมไม่รังเกียจหรอกนะที่จะยิงอีกสักสองสามนัดให้มือของคุณบาดเจ็บบ้าง เพื่อที่คุณจะได้ตามเธอไปนอนในห้องผ่าตัด”
“แก…..” มือขวาของโอวหยางลี่ยังไม่ทันได้หายดีเท่าไร ตอนนี้ก็ยังคงมีผ้าพันแผลพันเอาไว้ แต่เมื่อสวมเสื้อผ้าทับอยู่จึงมองไม่เห็นแผลเหล่านั้น
อันโหรวเงยหน้าขึ้นมองไปที่เขา แต่เดิมทีก็ไม่ชอบเขาอยู่แล้ว เพราะหลังจากเรื่องครั้งนั้นเธอก็ได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของเขา
ตอนนี้เธอสงสัยแบบจริง ๆ จัง ๆ เลยว่าที่เหอเหมียวทำแบบนั้น อาจจะเป็นเพราะเป็นเขาวางแผนเอาไว้แน่ ๆ วันนี้บริษัทจิ่งจะกลับเข้าสู่ตลาดหยกอีกครั้ง แต่กลับบังเอิญมาเจอเรื่องแบบนี้เข้าเสียได้
การมีข่าวแบบนี้ของเธอก็มีแต่จะทำลายภาพลักษณ์ของบริษัทจิ่งให้ย่ำแย่
แม้ว่าจิ่งเป่ยเฉินจะบอกว่าเรื่องพวกนี้เขาไม่มีทางยอมปล่อยไป แต่เป็นไปได้ไหมที่จะมีคนคนหนึ่งส่งคนมาแบบนี้ ถ้าหากไม่ใช่แบบนั้น แล้วเธอจะเอาความกล้าที่ไหนมาทำเรื่องพวกนี้ จะมีใครที่ไหนคิดท้าทายอำนาจที่ยิ่งใหญ่ของบิ๊กบอสคนนี้ได้อีก
“เหมือนว่านายจะดูแข็งแรงขึ้นกว่าเดิมนะ เห็นทีอีกไม่นานการพิจารณาคดีคงใกล้มาถึงแล้ว ขอให้นายรอดปลอดภัยก็แล้วกัน” เธอพูดออกมาอย่างเย็นชา
“หลานของฉันเป็นยังไงบ้าง?” เฉาลี่เฟยเอ่ยพูดออกมาด้วยท่าทีที่ร้อนรน เธอเดินเกือบจะไปถึงหน้าห้องประตูผ่าตัด
“หลานของฉันไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
เมื่อเห็นท่าทางของเฉาลี่เฟยที่เป็นเช่นนี้ นัยน์ตาของโอวหยางลี่ก็เริ่มเป็นประกาย เขามองไปอย่างหมดความอดทน ก่อนจะเดินไปตรงหน้าเธอและดึงเธอออกมาจากประตูห้องผ่าตัดทันที “หมอเขากำลังผ่าตัดอยู่ แม่มาตะโกนอยู่ที่ด้านนอกแบบนี้แล้วหมอเขาจะมีสมาธิได้ยังไง?”
เฉาลี่เฟยพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะมองไปที่อันโหรวที่นั่งอยู่ จุดเริ่มต้นคือเธอเองที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
ในวันที่ลี่เอ๋อร์แต่งงาน มีผู้คนมากมายอยู่ที่นั่น พวกเขาต่างก็มาร่วมงาน อีกทั้งเธอยังเป็นคนที่สั่งให้คนวางยาปลุกเซ็กซ์อันโหรว แต่เธอก็คิดไม่ถึงเลยว่าจิ่งเป่ยเฉินจะปรากฏตัวขึ้นที่เรือในค่ำคืนนั้น และหายไปพร้อมกับเธออีกด้วย
บางทีเด็กทั้งสองคนอาจจะตั้งท้องในช่วงเวลานั้นก็เป็นไปได้
“โหรวโหรว ป้าเฟยมองดูเธอโตขึ้นมาแบบนี้ ก่อนหน้านั้นไม่เคยเห็นเธอเป็นแบบนี้มาก่อนเลย ตอนนี้ทำไมเธอถึงเป็นแบบนี้ได้! เธอกับลี่เอ๋อร์แม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกัน ตอนนี้เธอก็ใกล้จะแต่งงานอยู่แล้ว เธอยังไม่ปล่อยลี่เอ๋อร์ของพวกเราไปอีกเหรอ? เช้าสามเย็นสี่[1]แบบเธอ ตระกูลจิ่งจะยอมรับตัวเธอเหรอ?” เฉาลี่เฟยยืนห่างกับเธอเพียงหนึ่งเมตร ก่อนจะเอ่ยด้วยท่าทีที่นุ่มนวล
ถึงแม้ท่าทางของคนคนนี้จะเหมือนคุณป้าที่ดูเป็นมิตรกับผู้อื่น แต่ใจจริงแล้วป้าคนนั้นกลับเป็นบุคคลที่เจ้าเล่ห์เสียยิ่งกว่าอะไร
เธอไม่มีทางเชื่อถือได้หรอกนะ
“โหรวโหรวดีจะตายไป และผมก็รักเธอมากด้วย ก่อนหน้านั้นแม้จะไม่รู้จักชัดเจนมาก่อน แต่ตอนนี้มีผมอยู่ แล้วเธอจะเอาเวลาที่ไหนไปมองผู้ชายคนอื่นอีก ก่อนหน้านั้นผมเคยพูดอะไรกับคุณนายโอวหยางไปบ้าง หวังว่าคุณจะจำได้นะว่าผมพูดอะไรไป อย่ามาพูดจาไร้สาระแบบนี้” น้ำเสียงของจิ่งเป่ยเฉินเรียบสงบ ไม่มีอารมณ์ที่ดูโมโห แต่กลับเหลือบมองไปที่เฉาลี่เฟยและพูดขึ้นอย่างเบา ๆ
ด้วยน้ำเสียงและท่าทางของเขา ทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัวจริง ๆ
จะให้ต่อสู้กับจิ่งเป่ยเฉินงั้นเหรอ เธอไม่ได้โง่ขนาดนั้นหรอกนะ
ในเมื่อจิ่งเป่ยเฉินช่วยอันโหรวต่อสู้กับเธอแบบนี้ เธอเองก็คงทำอะไรไม่ได้
“เป่ยเฉิน อย่าว่าป้าเฟยเลย เป็นเพราะเธอเลยนะที่ทำให้พวกเราได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ ถ้าหากในคืนแต่งงานของประธานโอวหยาง ไม่ใช่ป้าเฟยที่วางยาใส่ฉันละก็ เราก็คงไม่ได้ตกหลุมรักกันแน่ ๆ และคงไม่ได้เกิดเรื่องพวกนี้ขึ้น สิ่งที่พวกเราเป็นอยู่ในวันนี้ต้องถือว่าเป็นเธอเลยนะที่ช่วยพวกเราเอาไว้” อันโหรวพูดด้วยรอยยิ้มออกมา แต่ในใจกลับคิดว่าคนน่ารังเกียจแบบนี้ คนปกติเขาไม่ทำกันหรอก!
เธอทำท่าเกาะไปที่แขนของจิ่งเป่ยเฉิน ก่อนจะพิงไหล่ของเขาและพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลไปว่า “ในเมื่อป้าเฟยเป็นคนที่จับคู่ให้พวกเราแบบนี้ พวกเราก็เชิญเธอไปงานแต่งงานของเรากันเถอะ”
“ได้ ตามที่เธอพูดเลย”
อันโหรวกับจิ่งเป่ยเฉินเอ่ยพูดจาไปมา ทำให้ใบหน้าของเฉาลี่เฟยยากที่จะดู หน้าตาของเธอตอนนี้โอวหยางลี่กำลังมองมันอย่างชัดเจน
“แม่ ที่เธอพูดหมายความว่ายังไง? แม่เป็นคนวางยาเธองั้นเหรอ?” โอวหยางลี่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ พลางมองดูท่าทีของเธอ ใบหน้าที่ซีดเซียวโกรธขึ้นมาทันที “ที่เธอพูดมาเป็นความจริงหรือเปล่า?”
“ลี่เอ๋อร์ ไม่ใช่หรอก เธอพูดเล่นไปเรื่อย ฉันจะทำแบบนั้นได้ยังไง ในคืนนั้นมีคนอยู่บนเรือตั้งเยอะแยะ ฉันจะทำอะไรได้ แกเห็นชัดเจนแล้วงั้นเหรอ?” เรื่องเกิดขึ้นตอนไฟดับ ไม่น่ามีใครมองเห็นได้ด้วยซ้ำไป
อีกอย่างเธอก็ไม่ได้ทำเองด้วย
เธอแค่เป็นคนสั่งการเท่านั้นเอง
“ในคืนนั้นบนเรือ ตอนไฟดับไปชั่วเวลาหนึ่ง ถ้าหากแม่คิดจะวางยาเธอ เวลามันก็เพียงพอแล้ว!” โอวหยางลี่ยังคงจำได้ชัดเจนดีว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้างในค่ำคืนนั้น
รายละเอียดมากมายขนาดนั้นเขาล้วนจำมันได้อย่างชัดเจนดี
ตอนนี้เขาแค่อยากจะยืนยันว่าสิ่งที่อันโหรวพูดเป็นความจริงหรือเปล่า ถ้าหากที่เธอพูดเป็นความจริง มันก็จะพิสูจน์ได้ว่าโหรวโหรวของเขาไม่ได้นอกใจ ไม่ได้ทรยศเขาก่อน ในตอนนั้นหัวใจของเธอยังคงมีแต่เขาอยู่เพียงคนเดียว
“ต่อให้มีเวลาพอก็จริง แต่ฉันจะเอาของแบบนั้นมาที่งานแต่งงานของแกได้ยังไงกัน?” เฉาลี่เฟยยังคงส่ายหน้าปฏิเสธราวกับไม่ยอมรับเรื่องพวกนี้
ตอนนี้ในหัวของเขากำลังคิดเรื่องที่โหรวโหรวพูด มันต้องเป็นความจริงแน่ ๆ ทำไมแม่ของเขาต้องโกหกเขาด้วย!
เมื่อจิ่งเป่ยเฉินและอันโหรวได้ยินบทสนทนาที่ดูน่าเบื่อนี้ก็แอบคิดว่าตอนนี้พวกเขาควรพูดอะไรหน่อยดีไหม?
“พี่เฉิน!”
ทันใดนั้นเสียงของฉีเซิ่งเทียนก็ได้ดังขึ้น โอวหยางลี่และเฉาลี่เฟยที่กำลังเผชิญหน้ากันอยู่ พวกเขาไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้เท่าไรนัก
“ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจหรอก! เมื่อตอนนั้นคนที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องต้องให้พี่เฉินของพวกเราพิทักษ์อยู่ แบบนี้ ต้องให้เกียรติกันอย่างมากเชียวนะ!” ฉีเซิ่งเทียนเหลือบมองไปที่แผ่นหลังของโอวหยางลี่ ก่อนจะก้มหน้าลงไปมองจิ่งเป่ยเฉิน “พวกนักข่าวที่อยู่ด้านนอกถูกไล่ไปหมดแล้ว!”
พวกเขากว่าจะเข้ามาที่นี่ได้ต่างก็พยายามอย่างเต็มที่
“ฉันอยากอยู่ที่นี่อีกหน่อย” อันโหรวเอ่ยพูดเสียงดัง “เขาเองก็อยู่เป็นเพื่อนฉันด้วยเท่านั้นเอง”
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้เป็นคนผลักเหอเหมียว แต่เรื่องที่เกี่ยวกับเด็ก เธออยากจะแน่ใจว่าเด็กในท้องของเธอนั้นปลอดภัย
หวังว่าเด็กคงไม่เป็นอะไร
ฉีเซิ่งเทียนพยักหน้า อีกทั้งยังเอ่ยพูดเสริมว่าพี่เฉินไม่ใช่คนที่น่าเบื่อขนาดนั้นหรอก เหอเหมียวที่มาด้วยไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขาเลยสักนิดเดียว
“เธอก็เห็นแล้ว พี่สะใภ้ไม่เป็นอะไรหรอก พวกเรารีบไปกันเถอะ” ฉีเซิ่งเทียนหันหลังกลับไปมองหลินจือเซี๋ยว ก่อนที่จะทนไม่ไหวคิดอยากจะพาเธอออกไป
หลินจือเซี๋ยวไม่เคยเห็นเธอเป็นแบบนี้มาก่อน จึงเดินไปที่ด้านข้างของอันโหรวและมองเธอทั่วทั้งตัว “โหรวโหรว เธอไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ฉันกลัวแทบตายเลยนะ เห็นเลือดแบบนั้นฉันก็คิดว่า…..”
“ไม่เป็นไร ไม่ใช่ฉันหรอก” เธอพูดเบา ๆ เมื่อครู่นี้เห็นท่าทีที่รีบร้อนของฉีเซิ่งเทียน ก่อนจะเห็นเธอเดินมาด้วยก็พอจะเข้าใจได้ “ที่นี่ไม่มีอะไรหรอก พวกเธอมีธุระกันอยู่ไม่ใช่เหรอ งั้นก็รีบไปเถอะ”
“พวกเราไม่ได้มีธุระเสียหน่อย!” หลินจือเซี๋ยวเหลือบสายตามองที่นั่งว่าง ๆ ข้างอันโหรว ก่อนจะนั่งลงไป
เมื่อนั่งลงไปแล้วก็เลิกคิ้วพลางมองไปที่ฉีเซิ่งเทียนด้วยท่าทีที่พอใจ
เธอไม่มีทางไปนอนกับม้าที่คึกแบบเขาได้หรอก!
ฉีเซิ่งเทียนจ้องไปที่ตัวเธอ คิดไม่ถึงว่าจะเล่นไม้นี้ เขาไม่เชื่อหรอกว่าอันโหรวจะสามารถปกป้องเธอแบบนี้ได้ทั้งวัน!
เพราะงั้นเขาเลยเลือกที่จะอยู่ข้าง ๆ จิ่งเป่ยเฉินบ้างเหมือนกัน ทำท่าทางราวกับเป็นผู้พิทักษ์ตัวเขา
“แม่ นี่มันไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหม ผ่านมาหลายปีขนาดนี้แล้ว ผมไม่มีสิทธิ์รู้ความจริงสักนิดเลยเหรอ?” น้ำเสียงของโอวหยางลี่เริ่มดังมากขึ้น ใบหน้าของเขาตอนนี้เริ่มเผยให้เห็นถึงอารมณ์ที่โกรธมากขึ้นเรื่อย ๆ
“เธอจะแต่งงานอยู่แล้ว ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับแกอีกแล้ว แกจะถามไปทำไม!” เฉาลี่เฟยปฏิเสธที่จะพูด
[1] เช้าสามเย็นสี่ หมายถึง วิธีที่ใช้ต้มตุ๋นผู้อื่น หลอกลวง หรืออีกความหมายคือพวกที่ไม่อยู่กับร่องกับรอย