อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 347 เห็นแก่ตัว
ตอนที่ 347 เห็นแก่ตัว
เพียงแค่เธอมีความเห็นแก่ตัวของตัวเอง แต่เธอกลับไม่รู้ว่าจะพูดความเห็นแก่ตัวนี้ออกมาได้ยังไง
เธออายุเพียงยี่สิบปี ชีวิตของเธอยังอีกยาวไกล โอวหยางลี่ถูกบริษัทจิ่งโจมตีอย่างหนัก โอวหยางลี่ก็ถูกสอบสวนทันที และยิ่งไปกว่านั้นแขนของเขาก็ได้รับบาดเจ็บหนักด้วย
ถึงแม้ว่าเธอจะชอบเขา แต่โอวหยางลี่กลับไม่ชอบเธอ ไม่ชอบแม้แต่น้อย
เพราะงั้นเธอไม่จำเป็นจะต้องมาเสียเวลากับเขา เธอไม่จำเป็นต้องมาอุ้มท้องให้เขาแบบนั้น ชีวิตของเธอหลังจากนี้จะต้องถูกผูกมัดไร้ซึ่งอิสระ
ไม่ช้าก็เร็วเธอก็ต้องออกไปจากบ้านโอวหยาง แต่ว่าเธอไม่สามารถเอาลูกไปด้วยได้ เมื่อถึงวันนั้นเธอจะต้องรับไม่ไหวอย่างแน่นอน
“ลี่เอ๋อร์เป็นยังไงฉันรู้ดีที่สุด เขาพูดต่อหน้าพวกเราอยู่ครั้งหนึ่งว่าให้ลูกเกิดมาได้ แม้เขาจะไม่ยอมรับเด็กคนนี้ แต่ยังไงก็เป็นลูกของตระกูลโอวหยางของพวกเรา ฉันยอมรับ! แต่ว่าเธอไม่ได้รับอนุญาต ไม่คิดเลยว่าเธอจะทำมันพัง!” เฉาลี่เฟยไม่อยากแม้แต่จะโกรธ
เธอและเหอเหมียวไม่มีอะไรจะต้องคุยกันอีก
เธอยอมรับแล้วจะมีประโยชน์อะไร
ถ้าหากหัวใจของพี่โอวหยางไม่ได้อยู่ที่ตัวเธอ หลังจากนี้ก็คงไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน หรือว่าเธอจะต้องเป็นแม่ม่ายตั้งแต่สาว ๆ อย่างนั้นเหรอ?
เธอไม่ยอมให้ถึงวันนั้นหรอก พวกเขาคิดว่าวันนั้นเธอไม่ได้ยินที่พวกเขาคุยกันงั้นเหรอ?
ในสายตาของพวกเขาเธอเป็นแค่เครื่องมือเพื่อคลอดลูกออกมา เธอไม่ทำแบบนั้นแน่ ๆ ใครจะยอมทำก็ทำไป!
“ตอนนี้ลูกไม่อยู่แล้ว…..” จู่ ๆ เธอก็เอ่ยขึ้น
ลูกไม่อยู่แล้วเพราะงั้นพวกเขาก็ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกันอีก เธอรู้ดีว่าโอวหยางลี่ไม่ได้อยู่ที่นี่ ซึ่งเธอก็ไม่ได้สนใจ
โลกใบนี้ผู้ชายไม่ได้มีแค่เขาเพียงคนเดียว
เฉาลี่เฟยมองไปที่เธออย่างเย็นชา ก่อนจะหัวเราะออกมา “งั้นเธอก็พักผ่อนเถอะ ฉันไปก่อน!”
เมื่อเธอพูดจบก็ออกไปจากห้องคนไข้ หรือว่าเหอเหมียวคิดว่าหากเธอทำร้ายลูกของโอวหยางแล้วจะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นงั้นเหรอ?
เธอไม่ใช่คนที่ใจดีแบบนั้นหรอกนะ ในเมื่อเหอเหมียวไร้ซึ่งความปรานี อย่าได้ตำหนิเธอที่ไม่ยุติธรรมก็แล้วกัน
เมื่อเฉาลี่เฟยออกไป เหอเหมียวก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งช้า ๆ ภายในห้องคนไข้กลับไม่มีแม้แต่น้ำดื่ม เธอกดกริ่งเรียกพยาบาลทันที หลังจากนั้นก็ใช้โทรศัพท์มือถือของนางพยาบาลโทรหาคนในครอบครัว
……
ดูเหมือนว่าโอวหยางกรุ๊ปจะกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งในช่วงเวลาไม่นาน ไม่รู้ว่าโอวหยางลี่นั้นไปยืมเงินทุนจากที่ไหนมาเติมเต็มช่องว่างห่วงโซ่ทุนของโอวหยางกรุ๊ปได้อย่างรวดเร็วขนาดนั้น
แต่ว่าโอวหยางลี่เองก็ถูกตรวจสอบไปหลายครั้ง เหมือนว่าจะเกือบทุกสองสามวัน คดีนี้ยังไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุด แต่ว่าโอวหยางลี่ก็ยังไม่ได้ถูกคุมตัวเข้าคุก
เพราะสถานการณ์แบบนั้นจนถึงตอนนี้ก็ไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าข่าวลือว่าถูกค้นพบสินค้าปลอมและสินค้าต่ำกว่ามาตรฐานของตระกูลอันในตอนนั้นมาจากที่ไหน
แต่นี่ไม่ได้เป็นสิ่งที่อันโหรวนั้นกังวล เพราะสิ่งที่เธอกังวลคือทำไมถึงยังไม่ได้ข่าวคราวของแม่
เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะไม่ได้เห็นมัน หรือว่าเธอจะรอให้ถึงพิธีวันแต่งงานจริง ๆ ถึงจะออกมา
แต่เธอไม่อยากจะจินตนาการเลยว่าหากถึงวันพิธีแล้วจู่ ๆ แม่ของเธอก็ปรากฏตัวขึ้นมาและพูดอะไรที่ไม่เป็นมงคล รวมถึงพาเธอหนีไป หากเกิดสถานการณ์แบบนั้นขึ้นจริง ๆ เธอจะทำยังไง?
“พี่โหรวโหรวดื่มชาหน่อยสิคะ” อวี๋กุยห่าวยิ้มและเสิร์ฟชาให้เธอ
“ขอบคุณ” เธอหยิบถ้วยชาขึ้นมา ก่อนจะหันไปมองวิเวียนที่กำลังนั่งอยู่ ตัวเธอหันไปทางคอมพิวเตอร์ที่มีอีเมลเข้ามาเป็นครั้งคราว แต่ว่ากลับไม่มีข้อความจากแม่เลย
“พี่คะ ช่างมันเถอะ ไม่ต้องดูแล้ว แม่คงไม่ส่งเมลมาแล้ว” เธอรู้จักแม่เธอดี
เมื่อห้าปีก่อนเธอสามารถตอบสนองได้และซื้อตั๋วให้เธอก็พิสูจน์ได้ว่าเธอไม่ใช่คุณนายที่ไม่รู้อะไรเลย ความคิดของเธอนั้นพิถีพิถันอย่างมาก
คนพิถีพิถันแบบนั้นคงไม่อยากให้พวกเขาหาเจอ ใช้วิธีการแรกไปแล้ว จะใช้ซ้ำเป็นครั้งที่สองได้ยังไง
วิเวียนปิดคอมพิวเตอร์และมองเธออย่างปวดใจ “กำหนดพิธีวันแต่งงานหรือยัง?”
“ยังเลย แต่ว่าชุดเจ้าสาวนั้นพร้อมแล้ว ฉันเกรงว่าจะทำให้เขาสงสัย เขารอวันแต่งงานมานานมาก” เธอพูดด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย
ใกล้จะถึงฤดูใบไม้ผลิแล้ว เวลาผ่านไปเร็วจนไม่รู้ตัว
เธอลองชุดเจ้าสาวสีแดงชุดนั้น เธอชอบมันมาก เมื่อสวมใส่แล้วดูสวยสง่า แต่เมื่อเธอมองดูตัวเองในกระจกก็พลันนึกถึงคำพูดของแม่ขึ้นมาในหัว
ไม่อนุญาตให้แต่งงานกับจิ่งเป่ยเฉิน!
ไม่ให้แต่ง!
ไม่!
ช่วงเวลานั้นเธอไม่ได้พักผ่อน สายตาจ้องมองไปที่จิ่งเป่ยเฉิน เขาเป็นผู้ชายที่เธอรัก แต่ว่าแม่กลับไม่ชอบลูกเขย
“กำหนดวันแล้วหรือยัง?” น้ำเสียงของวิเวียนดังเข้ามาในหูของเธอ
“เดี๋ยวคืนนี้จะไปปรึกษาดูนะคะ!” เธอดื่มชาอุ่น ๆ อย่างสบาย ๆ
แต่ว่าภายในใจกลับร้อนรนและวุ่นวายมากเป็นพิเศษ
“ไม่ว่าจะยังไงก็ขอให้เธอมีความสุข ถ้าหากว่าเธอแคร์ความคิดของแม่เกินไปก็ผ่อนคลายลงบ้าง ในเมื่อเธอส่งข่าวมาก็พิสูจน์แล้วว่าเธอยังมีชีวิตอยู่และยังคอยติดตามดูเธออยู่เสมอ เธอไม่ลองวิธีอื่นเพื่อดึงดูดความสนใจและล่อให้เธอออกมาดู?”
วิธีอื่นที่ดึงดูดความสนใจจากเธองั้นเหรอ?
อันโหรวคิดพิจารณาอยู่ในภวังค์ วิธีอื่นจะได้ผลงั้นเหรอ?
ไม่ทันที่จะเลิกงาน เธอก็ออกมาจากบ้านของวิเวียน ทันทีที่เธอกลับมาถึงบ้าน หน่วนหน่วนและหยางหยางก็เลิกเรียนพอดี
“แม่จ๋า!”
“แม่จ๋า!”
เสียงหัวเราะของเธอดังขึ้น เธอย่อตัวลงคุกเข่าและจุ๊บไปที่แก้มของลูก ๆ “ลูกกำลังดูอะไรอยู่คะ?”
“พวกหนูกำลังดูว่างานแต่งของแม่จ๋ากับพ่อจ๋าจะใส่ชุดอะไร!” หน่วนหน่วนพูดจบก็หยิบชุดตัวน้อยสีแดงสดออกมาให้เธอดู
“แม่จ๋า พ่อจ๋าบอกว่านี่เรียกว่ากุมารทองกุมารีหยกค่ะ!”
พิธีงานแต่งแบบตามประเพณีต้องมีกุมารีหยกเหรอ? กุมารีหยกไม่ได้หมายถึงสาวพรหมจารีในวัยเด็กที่ฝึกฝนอมตะเหรอ?
จิ่งเป่ยเฉินนี่ไม่มีความรู้รอบตัวเอาเสียเลย น่าดูถูกชะมัด!
“สวยจังเลย อยากใส่ให้แม่ดูไหม?” เธอหยิบเสื้อผ้าตัวน้อยของหน่วนหน่วนขึ้นมา ลักษณะท่าทางลูกครึ่งแบบหน่วนหน่วนหากใส่ชุดพื้นเมืองแบบนี้คงจะมีเสน่ห์และดูดีมากแน่ ๆ
“ดีค่ะ! ดีค่ะ!” หน่วหน่วนเองก็อดใจรอไม่ไหวที่อยากจะลองสวมดู
อันโหรวยุติธรรมกับพี่น้องทั้งสองเสมอ เธอหันไปมองหยางหยาง “หยางหยางสวมให้แม่จ๋าดูหน่อยได้ไหมคะ? ถ้าหากว่าตรงไหนไม่เหมาะจะได้เปลี่ยน”
“อืม” หยางหยางมองไปที่เสื้อสีแดงพลางพยักหน้าตอบ ก่อนจะเดินขึ้นไปชั้นบนด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์
ส่วนอันโหรวและหน่วนหน่วนก็ไปที่ห้องนอนของหน่วนหน่วน เมื่อขึ้นไปชั้นบนและมองเสื้อผ้าในมือก็พอจะเดาใจของจิ่งเป่ยเฉินได้ ให้หน่วนหน่วนและหยางหยางใส่ชุดให้เธอดูนั้นคงอยากให้เธอรีบตอบตกลงเรื่องงานแต่ง
เสื้อผ้าของหน่วนหน่วนดูซับซ้อนเล็กน้อย เธอพยายามช่วยเธอแต่งตัวอยู่สักพัก ไม่นานเด็กสาวผมบลอนด์ดวงตาสีฟ้าที่กะพริบไปมา ใบหน้าที่สวยงามนั้นก็ปรากฏให้เห็นต่อหน้าเธอ
ผ้าไหมสีแดงปักฉลุด้วยเมฆมงคลสีทองและดอกโบตั๋น มองเห็นทุกรายละเอียดที่ประณีต ใบหน้าขาว ๆ และแก้มสีชมพูระเรื่อของหน่วนหน่วน เด็กตัวน้อยเมื่อสวมเสื้อผ้าสีแดงแล้วทำให้ดูน่ารักมากขึ้นไปอีก