อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 356 ผู้มีทักษะเก่งกาจ
ตอนที่ 356 ผู้มีทักษะเก่งกาจ
การเคลื่อนไหวของเขานั้นเร็วมาก เธอแทบไม่มีเวลาได้ตอบสนองกลับ
ตอนนี้เธอเริ่มจะเชื่อแล้วว่าฉีเซิ่งเทียนเป็นคนที่เก่งกาจทุกเรื่องจริง ๆ อย่าได้มองแค่ภายนอกที่ดูเป็นคนเกียจคร้านเชียว ความจริงแล้วนั้นมีฝีมือร้ายกาจมาก
เธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาจริง ๆ เหมือนว่าเขาสามารถตีแขนและขาของเธอได้ด้วยมือเดียว
ด้านบนมีรอยแดงเป็นเส้นจาง ๆ อยู่ และรอบ ๆ ก็ยังคงมีรอยจูบที่หลงเหลือไว้จากเมื่อคืน เมื่อมองผิวของเธอก็ได้เรียนรู้เรือนร่างที่งดงามของเธอ จู่ ๆ เขาก็รู้สึกแน่นที่ท้องส่วนล่าง รู้สึกอยากเคลื่อนตัวออกไปที่ไหนสักแห่งเพื่อระบายความโกรธ
เสื้อเชิ้ตในมือของเขานั้นถูกดึงไปอีกครั้ง และเธอก็ลุกขึ้นอย่างระวัง “ผู้จัดการฉี คุณไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ! เดี๋ยวตรงนี้ฉันเก็บกวาดเอง”
“ดีมาก” ฉีเซิ่งเทียนลูบผมของเธอ “ถ้าหากว่ายังเจ็บอยู่ก็เรียก ฉันจะพาเธอไปเอง”
“ต้องขนาดนั้นเลยเหรอ?” เธออดไม่ได้ที่จะโต้กลับ
“เธออย่าคิดว่าร่างกายตัวเองไม่เป็นอะไร ผู้หญิงจะมีเล่นตัวออดอ้อนบ้างก็ไม่เป็นไร เธอไม่จำเป็นต้องเข้มแข็งต่อหน้าฉันก็ได้” ฉีเซิ่งเทียนพูดและหัวเราะออกมา ก่อนจะขยับตัวเข้าไปใกล้เธอ
แสงแดดอ่อน ๆ ที่สาดส่องเข้ามา เธอเกือบจะถอยหลังออกไปโดยไม่รู้ตัว
เขารีบหอมไปที่แก้มของเธออย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินขึ้นไปด้านบนอย่างพอใจ
หลินจือเซี๋ยวลูบแก้มที่เพิ่งโดนหอมไปเมื่อครู่ ก่อนจะลุกขึ้นเก็บจานชามไปในครัว เพราะว่าไม่ได้สังเกตมองตามฉีเซิ่งเทียนที่เดินขึ้นไป ฝีเท้าที่ก้าวขึ้นไปนั้นหยุดลงและมองมาที่เธอ ก่อนจะเดินขึ้นไปอย่างสบายใจ
ระหว่างรอเขาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและลงมาด้านล่าง เมื่อครู่ที่เพิ่งทำความสะอาดเก็บกวาดของบนโต๊ะกินข้าว ตอนนี้หลินจือเซี๋ยวก็ไม่ได้อยู่ห้องนั่งเล่นแล้ว
หรือว่าเธอหนีไปแล้ว?
ฉีเซิ่งเทียนเดินไปที่สวนหลังบ้าน ดอกไม้ไห่ถังกำลังเบ่งบานอย่างสวยงาม แต่ว่าในสวนนี้กลับไม่มีแม้แต่เงาของหลินจือเซี๋ยว
ทันใดนั้นเขาก็นึกอะไรบางอย่างออก เขารีบวิ่งออกไปที่ห้องนั่งเล่นทันที ด้านนอกประตูนั้นไม่มีรถสีแดงจอดอยู่แล้ว
“แม่ง! หลินจือเซี๋ยว เธอมันกล้ามาก!”
เขาปล่อยให้เธอหลุดมือไปโดยไม่ตรวจดูให้ดีก่อน!
ตอนนี้หลินจือเซี๋ยวได้ขับรถออกไปแล้ว ความจริงแล้วเธอรู้สึกกังวล แต่เธอไม่สามารถที่จะอยู่ที่บ้านของฉีเซิ่งเทียนได้นานแบบนี้
สุดสัปดาห์นี้!
เวลาสองวันเพียงพอที่จะให้ฉีเซิ่งเทียนได้กินเธออีก เธอไม่ได้โง่นะ!
เพราะงั้นรีบออกมาจากที่นั่นถือเป็นเรื่องที่ควรทำ
เพียงแต่ว่าตอนนี้บนตัวของเธอนั้นสวมใส่เสื้อเชิ้ตและกางเกงของเขาอยู่ รู้สึกอายที่จะขับรถเป็นอย่างมาก
การแต่งตัวแบบนี้ไม่ใช่เพราะศตวรรษใหม่ จากนี้เธอจะไม่แต่งตัวแบบนี้อีก ฉีเซิ่งเทียนสมควรตาย!
น่ารังเกียจ น่ารังเกียจ!
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น หลินจือเซี๋ยวตัวสั่นขึ้นมาทันที เธอไม่กล้าแม้แต่จะรับโทรศัพท์ เพราะตอนนี้เธอกำลังขับรถอยู่ เธอต้องเป็นพลเมืองดี ทำตามกฎระเบียบจราจร ห้ามรับโทรศัพท์ตอนขับรถ
ถ้าหากเป็นอันโหรวจะทำยังไง?
เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูและพบว่าเป็นฉีเซิ่งเทียน เธอรีบโยนโทรศัพท์นั้นไปที่เบาะข้างคนขับทันที
หลังจากที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอยู่สองสามครั้งก็หยุดไป แต่ว่าภายในใจของเธอนั้นกลับประหม่ามากขึ้น
ฉีเซิ่งเทียนคงไม่ได้ขับรถตามเธอออกมาหรอกใช่ไหม!
แต่ความเป็นไปได้นั้นสูงมาก!
สี่แยกไฟจราจรด้านหน้า จู่ ๆ เธอก็ขับรถไปอีกฝั่ง ไม่สนใจแล้ว ต้องหาโรงแรมพักก่อนสักสองคืน!
ท้องฟ้าและสถานที่ที่กว้างใหญ่ต้องมีที่ให้เธอซ่อนตัว
สภาพเธอแบบนี้ รู้สึกอายที่จะไปหาโหรวโหรว
ที่สวนซิวหยวน
อันหยาพั่นกำลังวาดรูปอยู่กับหน่วนหน่วน ส่วนอันโหรวนั่งอยู่ตรงข้ามหยางหยางเพื่อเล่นหมากรุกด้วยกันและยังเป็นหมากรุกระดับประเทศ
“พี่คะ ฉันอิจฉาพี่จริง ๆ เลย หยางหยางกับหน่วนหน่วนน่ารักมากเลย!” เธอลูบไปที่ผมของหน่วนหน่วน “ทำไมลูกครึ่งถึงได้น่ารักแบบนี้นะ!”
“เธอก็หาชาวต่างชาติมาสักคนแล้วให้กำเนิดลูกครึ่งสิ” หน่วนหน่วนเป็นยีนด้อย
ไม่อย่างนั้นเธอก็ไม่รู้หรอกว่าจิ่งเป่ยเฉินเองก็เป็นลูกครึ่ง
“ค่อยคุยเรื่องนี้กันวันหลังเถอะ! ฉันชอบคนชาติเดียวกัน การสื่อสารกับคนต่างชาติมันเป็นอุปสรรค” อันหยาพั่นหัวเราะออกมาและก้มลงไปมองที่หน่วนหน่วนอย่างจริงจัง
อันโหรวมองไปที่พวกเขาทั้งสอง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
เธอหันกลับมามองกระดานที่กำลังเล่นอยู่ เธอกลับรู้สึกประหลาดใจเพราะเธอกำลังจะแพ้ให้กับหยางหยาง
“ลูกจ๊ะ ลูกเก่งมากเลย อันสีครามนั่นกลั่นมาจากต้นคราม แต่สีสันแก่เข้มยิ่งกว่าต้นคราม[1] ต่อไปนี้ให้พ่อมาเป็นคู่ซ้อมของลูกดีกว่า!” เธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหยางหยางแล้ว
“พ่อจ๋างานยุ่ง” หยางหยางหยิบตัวหมากรุกออกและพูดอย่างจริงจัง
“ถึงเขายุ่งก็มีเวลามาเล่นหมากรุกกับลูกนะ” เหมือนกับที่เขาฝึกซ้อมออกกำลังกายกับลูกไปด้วย
นี่เป็นหน้าที่ของเขาในฐานะพ่อ
“แม่จ๋า ถึงตาแม่จ๋าแล้ว”
เธอก้มลงไปมองตรงกระดานหมากรุกและตอบอย่างจริงจัง “ลูกจ๊ะ แม่ยังมีโอกาสเปลี่ยนจากความพ่ายแพ้เป็นชนะได้ไหม?
“มี”
“งั้นบอกแม่หน่อยสิว่าวางตรงไหน?”
“ตรงนี้ครับ”
“เก่งมากลูกรัก!”
เมื่อฉีเซิ่งเทียนเดินเข้ามาก็ได้ยินเสียงของพวกเขาที่อยู่ด้วยกัน เขาจึงอดหัวเราะออกมาไม่ได้
“พี่สะใภ้ พี่ทำแบบนี้ไม่ได้นะ!” เขามองไปที่อันโหรวและมองไปที่หยางหยางที่อยู่ตรงข้าม
นี่เป็นหลานชายที่เก่งมากของเขา สืบทอดยีนกรรมพันธุ์ของพี่เฉิน!
อันโหรวหันไปมองเขา ก่อนจะชะเง้อมองไปด้านหลังของเขาอีกครั้ง เมื่อไม่เห็นหลินจือเซี๋ยวจึงเอ่ยปากถาม “นายมายังไง?”
ความจริงแล้วเธออยากถามว่าเมื่อคืนนายเอาหลินจือเซี๋ยวไปไว้ที่ไหน!
“แค่แวะมาดูว่าวันหยุดสุดสัปดาห์ของพวกคุณ!” ฉีเซิ่งเทียนกวาดตามองไปรอบ ๆ ความจริงแล้วเขาไม่เห็นรถคันสีแดงที่หลินจือเซี๋ยวขับออกมาก็รู้แล้วว่าเธอไม่ได้มาที่นี่
แต่ในเมื่อเขามาแล้วจะรีบขับออกไปเลยก็จะดูไม่ดี
“คุณลุงฉี! ดูหนูวาดภาพนี้สิคะ!” หน่วนหน่วนชูภาพวาดในมือขึ้นมาให้ฉีเซิ่งเทียนดูอย่างกระตือรือร้น
ฉีเซิ่งเทียนรีบเข้าไปอุ้มหน่วนหน่วนขึ้นมาและชมภาพวาดที่อยู่ในมือของเธอ “วาดได้สวยงามมากจริง ๆ”
“ใช่ไหมคะ? หนูก็ว่ามันสวยมาก!” หน่วนหน่วนรู้สึกพอใจอย่างมากกับภาพวาดในมือของเธอ
การสนทนาของพวกเขาทั้งสองนั้นดึงดูดความสนใจจากอันโหรวได้เป็นอย่างมาก เธอบอกให้หยางหยางรอก่อนแล้วจะกลับมาดู
ภาพวาดของหน่วนหน่วนนั้นคือภาพเธอและหยางหยางที่กำลังเล่นหมากรุกด้วยกัน แต่ว่าในภาพนั้นวาดได้ไม่เหมือนเท่าไร น่าจะเป็นนามธรรมมากกว่า แต่สำหรับเด็กห้าขวบนั้นถือว่าเก่งมากจริง ๆ
เธอยกนิ้วโป้งให้กำลังใจ “หน่วนหน่วนวาดภาพเก่งมากเลย!”
“ขอบคุณค่ะแม่จ๋า!” หน่วนหน่วนนั่งอยู่ในอ้อมแขนของฉีเซิ่งเทียนพลางแกว่งไปแกว่งมาเหมือนว่ากำลังนั่งอยู่ในเปล
ผ่านไปไม่กี่นาที จิ่งเป่ยเฉินก็ลงมาจากชั้นบน
ฉีเซิ่งเทียนวางหน่วนหน่วนลงและเดินเข้าไปหาเขาอย่างมีความสุข “พี่เฉิน!”
ในมือของจิ่งเป่ยเฉินถือแก้วอยู่และมองมาที่เขาอย่างเย็นชา “มีอะไร?”
“ไม่มีเรื่องก็มาหาไม่ได้อย่างนั้นเหรอ? พี่ที่โสด ไม่สิ เป็นสัปดาห์สุดท้ายก่อนจะแต่งงานแล้ว!” เขาที่เป็นพี่น้องกันไม่ชอบที่จะอยู่ด้วยกันในช่วงสัปดาห์สุดท้าย
ส่วนหลินจือเซี๋ยวนั้นจงใจจะซ่อนตัวจากเขา
หลบซ่อนในช่วงวันหยุด ไม่เชื่อว่าเธอจะหลบหน้าไปถึงวันจันทร์ เขายังมีเวลาเล่นกับเธอช้า ๆ
“ฉันแต่งงานมานานแล้ว” เมื่อจิ่งเป่ยเฉินพูดจบก็ดื่มน้ำและมองไปที่โหรวโหรวด้วยสายตาที่เย็นชาและนุ่มนวล
“ฉันรู้ แต่มันไม่เหมือนกัน! พิธีแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่นะ!” แต่ว่าพิธีแต่งงานใหญ่โตแบบนั้น ไม่คิดเลยว่าจะไม่มีเพื่อนเจ้าบ่าว
เขาเตรียมเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวแล้ว ถ้าเป็นแบบนั้นเขาก็ไม่ต้องจ่ายตังค์ของตัวเอง!
[1] ศิษย์เก่งกว่าครู คนรุ่นหลังเหนือกว่าคนรุ่นก่อน