อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 357 พิธีแต่งงาน
ตอนที่ 357 พิธีแต่งงาน
พี่เฉิน วิชาพี่นี่ช่างสูงส่งเสียจริง ๆ หลังจากที่เขาแต่งงานก็ไม่ต้องการเพื่อนเจ้าบ่าวที่เลอะเทอะและวุ่นวายแบบนั้น
ฉีเซิ่งเทียนในเวลานี้กลับคาดไม่ถึง งานแต่งในอนาคตของเขาจะไม่เรียบง่ายแบบนี้แน่!
ชายทั้งสองกำลังสนทนากัน ส่วนคนอื่น ๆ ก็กำลังวุ่นกับเรื่องของตัวเอง ดูเป็นฉากที่กลมกลืนกันดีจริง ๆ
อันหยาพั่นที่นั่งอยู่ด้านหน้าหน่วนหน่วนมองไปที่จิ่งเป่ยเฉินเป็นครั้งคราวและยิ้มขึ้นมาบนใบหน้า
อันโหรวเอียงศีรษะไปสบตากับจิ่งเป่ยเฉิน ก่อนจะหัวเราะออกมาโดยไม่ได้พูดอะไร
เมื่อถึงตอนเที่ยง ฉีเซิ่งเทียนก็อยู่กินข้าวด้วยกันที่นี่
ปกติแล้วกินข้าวกันสี่คนก็คึกคักอยู่แล้ว วันนี้มีเพิ่มมาอีกสองคนก็ยิ่งคึกคักเป็นพิเศษ
“พี่เฉิน ขอถามหน่อยนะว่าอนุญาตให้แกล้งเจ้าสาวได้ไหม?” ฉีเซิ่งเทียนที่ดื่มไปสองแก้วบนโต๊ะกินข้าวก็เกิดกล้าหาญขึ้นมา
“ไม่อนุญาต”
“ไม่สนุกเลย พี่เป็นคนแรกในกลุ่มที่แต่งงานก่อนนะ พี่ไม่อนุญาต งั้นพวกเราก็….” เขาเห็นแววตาที่จ้องมา “ไม่แกล้งก็ได้!”
บนโลกใบนี้ไม่มีอะไรสำคัญเท่าอารมณ์ของพี่เฉินแล้ว พวกเขาไม่กล้าสร้างปัญหาในงานแต่งงานของเขาแน่ ๆ
ต้องรู้ไว้ว่างานแต่งนี้ได้วางแผนมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ในช่วงเวลานี้ได้เปลี่ยนจากการพิธีแบบตะวันตกเป็นพิธีแบบจีนสมัยราชวงศ์ฮั่น
แต่ว่าทั้งหมดนี้อันโหรวไม่รู้เรื่อง
เมื่ออันโหรวได้ยินเรื่องแกล้งวันส่งตัวเข้าหอจากพวกเขา ภายในใจของเธอก็ต่อต้านขึ้นมาทันที เธอไม่ต้องการแบบนั้น!
คืนนั้นที่แต่งงานกัน จิ่งเป่ยเฉินทำกับเธอมาเกินพอแล้วจึงไม่อยากจะมาเล่นเกมไร้สาระกับพวกเขาอีก
ปฏิกิริยาของจิ่งเป่ยเฉินที่โต้ตอบไปเมื่อครู่เหมือนกำลังลังเล
ทั้งอันหยาพั่นและฉีเซิ่งเทียนต่างค้างคืนที่นี่หนึ่งคืนถึงกลับไป และอันโหรวที่บอกว่าจะไม่เจอหน้ากันก่อนแต่งงาน กฎทั้งหมดนั้นถูกละทิ้งไปโดยสิ้นเชิง
ในชั่วพริบตาก็มาถึงวันจันทร์ อันโหรวที่เพิ่งเข้าบริษัทก็เห็นหลินจือเซี๋ยว
เธอรีบพุ่งตัวเข้ามาหาเธอและหลบไปที่ด้านหลังของเธอทันที ตรงข้ามพวกเขาเป็นฉีเซิ่งเทียนที่เดินเข้ามาอย่างสบายใจ
“พี่เฉิน พี่สะใภ้!” เขาทักทายอย่างมีมารยาท ก่อนจะจ้องมองไปที่หลินจือเซี๋ยวที่อยู่ด้านหลังพวกเขา
สำหรับเรื่องนี้จิ่งเป่ยเฉินไม่ต้องการมีส่วนร่วม เพราะงั้นจึงได้เดินออกไปอย่างไม่เกรงใจ
“โหรวโหรว เธอต้องช่วยฉันนะ!” หลินจือเซี๋ยวจับไปที่เอวของเธอ เสียงภาวนาของเธอดังเข้ามาในหูของเธอ “โหรวโหรว ผู้จัดการฉีจะฆ่าฉัน!”
“เธออย่าโง่ไปหน่อยเลย อย่างมากก็แค่กินเธอเท่านั้นเอง” เขาจะมาฆ่าเธอได้ยังไง ทำไม่ลงหรอก
“พี่สะใภ้รู้งานจริง ๆ ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงไม่เข้าใจกันนะ!” ฉีเซิ่งเทียนหัวเราะและเดินเข้ามา
หลินจือเซี๋ยวลากตัวของอันโหรวเข้ามาและค่อย ๆ หมุนตัว “ผู้จัดการฉี ถ้าไม่ถือสาช่วยปล่อยฉันไปเถอะ! ได้ไหม?”
“ฉันจะทำอะไรเธอ? ฉันต้องการให้เธอส่งเอกสารมาให้ฉัน เธอจะวิ่งหนีไปเร็วแบบนั้นทำไมกัน?” ไม่คิดว่าสิ่งที่น่ารำคาญยิ่งกว่าคือการที่เธอวิ่งไปหลบอยู่ข้างหลังพี่สะใภ้ แบบนี้จงใจเกินไปหรือเปล่า!
“คุณจะเอาเอกสาร รวมถึงสำเนาทะเบียนบ้านฉันด้วยหรือเปล่า?” หยุดล้อเล่นได้แล้ว คิดว่าเธอไม่รู้เหรอว่านั่นคืออะไร?
สำเนาทะเบียนบ้าน?
อันโหรวยิ้มมุมปากสมกับเป็นพี่น้องกันจริง ๆ! ใช้วิธีเดียวกัน ที่แท้คนใกล้ชาดติดสีแดง คนใกล้หมึกติดสีดำ?[1]
เคล็ดลับนี้ตอนที่ฉีเซิ่งเทียนไปบ้านของพวกเขาเมื่อวันก่อนนั้นเป็นจิ่งเป่ยเฉินที่สอนเขา!
ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าช่วงหลังนี้มีความเป็นไปได้อย่างมากกันนะ!
“ฉันแค่จะมาขอดูเอกสารของเลขาหน่อยไม่ได้เหรอ? ถ้าหากเธอไม่อนุญาตก็ได้ ฉันจะไปขอ….คุณลุงคุณป้าเอง” ฉีเซิ่งเทียนมองเธอด้วยรอยยิ้ม
ความจริงแล้วเขาแค่ต้องการหยอกล้อก็เท่านั้น ใครจะไปคิดว่าจะทำให้เธอตกใจจนวิ่งไปเร็วแบบนั้น หลังจากนี้จะไม่ล้อเล่นเรื่องแบบนี้อีกแล้ว
ถ้าหากทำให้เธอตกใจจริง ๆ ต่อไปก็หมดสนุกแล้ว!
“ผู้จัดการฉี ฉันเพิ่งรู้ว่าคุณมันคนต่ำทราม!” หลินจือเซี๋ยวที่หลบอยู่ด้านหลังอันโหรวเอ่ยขึ้น
“เห็นด้วย” อันโหรวต้องช่วยเพื่อนรักของเธออยู่แล้ว
“พวกเธอรวมหัวกันคบคิดใส่ร้ายป้ายสีและดูถูกชื่อเสียงของฉัน!” ฉีเซิ่งเทียนยืนอยู่ที่เดิมโดยไม่ขยับไปไหน ก่อนจะส่ายหน้าและมองไปที่ทั้งสองคน
“คุณมีชื่อเสียงด้วยงั้นเหรอ?” หลินจือเซี๋ยวยังคงพูดอยู่ด้านหลังของอันโหรว
“หลินจือเซี๋ยว เธอมานี่เดี๋ยวนี้นะ ฉันสัญญาว่าจะไม่ตีเธอจนตาย!” ชื่อเสียงของเขาเสียหายไปตั้งแต่ตอนไหนกันเล่า?
“พอได้แล้ว” อันโหรวเหลือบไปมองฉีเซิ่งเทียน “อยากจะทะเลาะกันก็ไปปิดประตูก่อน อย่ามาทะเลาะกันอยู่ตรงนี้
หลินจือเซี๋ยวเบ้ปาก “โหรวโหรว พวกเราเข้าไปกันเถอะ!”
เธอไม่อยากจะมาพัวพันอยู่ที่นี่กับฉีเซิ่งเทียน ครั้งแรกของเธอ! ไม่มีความประทับใจอะไรในครั้งแรกทั้งนั้น!
เมื่อเห็นใบหน้าของหลินจือเซี๋ยวที่เกรี้ยวโกรธ ฉีเซิ่งเทียนก็เดินออกไปอย่างพอใจ วันนี้ปล่อยเธอไปก่อนก็แล้วกัน
รอให้พี่สะใภ้กับพี่เฉินแต่งงานกันก่อน ก็คงจะไม่ยุ่งแบบนี้แล้ว พวกเขามีเวลาอยู่แล้ว
ฉีเซิ่งเทียนไม่ได้มีปัญหา หลินจือเซี๋ยวรู้สึกแปลกใจอยู่เล็กน้อย แต่ก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก เพียงแค่ต่อจากนี้พวกเราเป็นแบบนี้ก็พอ
ไม่นานก็เป็นวันพุธ
วันนี้อากาศแจ่มใสมีแดดและลม เป็นอากาศดีที่หาได้ยาก และยิ่งไปกว่านั้นก็เป็นพิธีแต่งงานของจิ่งเป่ยเฉินกับอันโหรว
กล่าวได้ว่าเป็นที่ได้รับความสนใจอย่างมาก ใช้เวลากว่าสามชั่วโมงเพื่อต้อนรับแขกที่เข้ามาในงาน รถยนต์ที่หรูหรานั้นจอดอยู่ด้านนอก
แต่ว่าภายในงานแต่งงานนั้นนักข่าวต่างไม่ได้รับเชิญ เพราะอันโหรวไม่อยากคิดว่าถ้าหากแม่ของเธอปรากฏตัวขึ้นมาขัดขวางพิธีแต่งงานของเธอจริง ๆ เธอไม่อยากให้เกิดฉากแบบนั้นเผยแพร่ออกไปให้คนทั้งโลกได้เห็น
ตอนนี้เธอนั่งพักอยู่ภายในห้องรับรองเพียงลำพัง เธอสวมมงกุฎหงส์สีแดงสง่าและคลุมด้วยม่านลูกปัดอย่างน่าเบื่อ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ปฏิบัติตามธรรมเนียมประเพณีเหมือนงานแต่งคนอื่น ๆ แต่ว่าวันนี้เธอกลับบอกจิ่งเป่ยเฉินไว้แล้วว่าไม่อนุญาตให้เขามาเจอเธอ
คนโบราณเขาว่ากันว่าเจอกันก่อนพิธีงานแต่งนั้นไม่เป็นมงคล
เธอไม่ได้เป็นคนเชื่อเรื่องโชคลาง เพียงแค่ต้องการให้พวกเขามีความสุขแบบเรียบง่ายและสามารถจัดงานแต่งงานได้อย่างราบรื่น
ทันใดนั้นประตูก็ถูกเปิดออกจากด้านนอก เธอหันไปมองอย่างไม่รู้ตัว ก็เห็นว่าเป็นจิ่งเป่ยเฉินที่เข้ามา
ความโกรธบนใบหน้าสวยงามของเธอนั้นก็ปรากฏขึ้น “เกิดอะไรขึ้น บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่าเพิ่งมาเจอ?”
“ฉันคิดถึงเธอ” เขาล็อกประตูห้องและค่อย ๆ เดินเข้ามาหาเธอ
เธอนั่งลงบนเตียงอย่างเงียบสงบ ใบหน้าของเธอที่ปกติมักแต่งเติมด้วยสีนู้ดหรือไม่ได้แต่งหน้านั้น วันนี้กลับแต่งเต็มด้วยเมกอัพอันละเอียดอ่อน ริมฝีปากสีชมพูของเธอนั้นเป็นสีแดงเล็กน้อย เขาอดใจไม่ไหวที่อยากจะกัด
เพราะงั้นหลังจากที่เขาเข้ามา เรื่องที่ทำเป็นอย่างแรกก็คือก้มหน้าลงไปจูบที่ริมฝีปากของเธอด้วยความคิดถึง
“อือ ๆ ๆ …..”
เขากำลังทำอะไรอยู่?
เครื่องสำอางบนหน้าของเธอหายไปหมดแล้ว!
เธอเตะขาเขาด้วยแรงเล็กน้อย จิ่งเป่ยเฉินปล่อยตัวเธอออกอย่างไม่เต็มใจ ริมฝีปากสีชมพูอ่อนของเขานั้นเต็มไปด้วยรอยลิปสติกสีแดง
เธออดหัวเราะออกมาไม่ได้
เขาที่สวมชุดแต่งงานสีแดง ด้านบนปักเป็นรูปมังกรสีทองที่มีกรงเล็บกำลังเต้นรำ มันดูไม่เหมาะสมกับอารมณ์และท่าทางของเขาสักเท่าไร แต่ว่ากลับดูสง่างามและสูงส่งเมื่ออยู่บนตัวเขา
สิ่งที่เธอเสียดายก็คือทำไมเขาถึงไม่ยอมใส่หมวกมา เธอจำได้ว่าต้องมีหมวกมาด้วย
ขณะที่อันโหรวกำลังมองเขาอยู่นั้น จิ่งเป่ยเฉินเองก็มองมาที่เธอ สีแดงนั้นดูเหมาะกับเธออย่างมาก ช่วยทำให้ผิวสีขาวและใบหน้าอมชมพูของเธอดูสวยงามมากยิ่งขึ้น
“งดงามมาก” เขาพูดขึ้น
[1] คบคนพาล พาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล