อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 358 สวัสดีคุณนายหมู
ตอนที่ 358 สวัสดีคุณนายหมู
“นายเองก็ดูดีเหมือนกัน เพราะงั้นตอนนี้รีบออกไปได้แล้ว! อย่าลืมเช็ดลิปสติกสีแดงที่ปากด้วย!” ไม่อย่างนั้นถ้าเขาออกไปคนอื่น ๆ ได้รู้แน่ว่าพวกเขาทำอะไรกัน
“หยางหยางกับหน่วนหน่วนอยู่ไหน?” ตอนนี้อันโหรวคิดถึงพวกเขามาก
“ลูก ๆ รออยู่ด้านนอกกับถังซั่ว”
“งั้นฉันก็สบายใจแล้ว” เธอพูดโดยไม่รู้ตัว
จิ่งเป่ยเฉินหรี่ตาลงและโน้มตัวมาหาเธอ “คุณนายอันที่รัก รู้ไหมว่าวันนี้จะแต่งงานกับใคร?”
“หมู!”
“สวัสดีคุณนายหมู!”
“นายก็รู้ว่าฉันกับถังซั่วไม่ได้มีอะไรกัน ไม่จำเป็นต้องมาถามคำถามนี้กับฉันเลย ออกไปได้แล้ว! พิธีแต่งงานกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว เดี๋ยวพวกเราจะได้เจอกัน!” เธอผลักเขาออกไป
คำร้องขอของเธอทำให้จิ่งเป่ยเฉินออกไปจากห้องของเธอ
หลังจากที่เขาเดินออกไป อันโหรวก็ขยับคอเล็กน้อย เพราะมงกุฎบนหัวของเธอนั้นหนักมาก ก่อนหน้านี้เธอยังค้นพบว่าแค่เธอเงยหน้าคุยกับจิ่งเป่ยเฉินก็รู้สึกหนักขึ้นมาทันที
ประตูห้องถูกเปิดออกอีกครั้ง เธอคิดว่าจะเป็นวิเวียนเพราะวิเวียนจะเป็นคนพาเธอออกไป
แต่กลับไม่คิดเลยว่าคนที่เดินเข้ามากลับเป็นเด็กน้อยผมสีทองดวงตาสีฟ้าที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เธอโตมาได้น่ารักมาก
ไม่รู้ว่าเป็นลูกของบ้านไหน แต่ทำไมถึงเดินเข้ามาในนี้ได้?
“พี่สาวคะ พี่สวยมากเลย!” เด็กน้อยมองเธอพลางเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มและเอียงศีรษะ “พี่สาวเป็นเจ้าสาวใช่ไหมคะ?”
“ใช่จ้ะ!” เธอคิดว่าเพราะเธอมีหยางหยางกับหน่วนหน่วนเลยชอบเด็กมากเป็นพิเศษ ไม่ได้มีพิษภัยหรือต่อต้าน
เด็กน้อยที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ดวงตาสีฟ้ากะพริบมองหน้าเธอ “พี่สาวสวยกว่าแม่ของหนูอีก!”
“ขอบคุณนะ แต่ชมเกินไปแล้ว ว่าแต่หนูควรเรียกพี่ว่าน้านะ” เธอก้มลงมองเด็กน้อย เธอที่ปรากฏตัวที่นี่พ่อแม่ของเธออาจจะกำลังหาตัวเธออยู่!
ถึงยังไงเธอก็ใกล้จะออกไปแล้ว และคงไม่สามารถทิ้งเธอไว้คนเดียวได้
“แม่ของหนูคือใครจ๊ะ? เดี๋ยวพี่สาวจะไปเรียกคนมารับดีไหม?” เธอถามอย่างจริงจัง
เธอลุกขึ้นมาหยิบลูกกวาดที่อยู่ในมือเธอให้กับเด็กน้อย “น้าให้แล้วบอกน้ามานะว่าแม่ของหนูคือใคร ดีไหม? หนูมาอยู่ตรงนี้ แม่หนูคงกังวลแน่ ๆ”
เธอเอียงศีรษะพลางส่ายหน้า “แม่ไม่บอกว่าแม่คือใคร”
“งั้นพ่อของหนู?” อันโหรวไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูด
อะไรก็พูดไม่ได้!
“พ่อ……” เธอส่ายหน้า “แม่บอกว่าหนูไม่มีพ่อ”
ไม่มีพ่อ?
ทำไงดี?
คงต้องส่งให้พี่เลี้ยงดูแลไปก่อน รอให้แม่ของเธอมารับไป
“เสี่ยวอวี๋!”
เสียงตะโกนจากหน้าประตูดังขึ้น
และเสียงนั้นเป็นเสียงที่คุ้นเคย อันโหรวเงยหน้าขึ้นมองไปที่หน้าประตูที่ตอนนี้กำลังถูกเปิดออก อันหยาพั่นมีสีหน้าเป็นกังวลพลางเดินเข้ามา
เด็กน้อยเสี่ยวอวี๋รีบวิ่งเข้าไปหา “แม่…..คุณน้าให้หนู”
แม้ว่าจะเป็นคำคำเดียวว่า ‘แม่’ ที่พูดออกมาอย่างรวดเร็ว แต่อันโหรวก็ได้ยินอย่างชัดเจน
“พั่นพั่น เธอเป็นลูกของเธอเหรอ?” อันโหรวมองไปที่พวกเขา
ตอนนี้อันหยาพั่นอุ้มเสี่ยวอวี๋ขึ้นมา เธอหลบหลีกใบหน้าของเธอและหันตัวออกไป
“พั่นพั่น!” เธอตะโกนเรียกอีกครั้ง อันหยาพั่นที่กำลังเดินไปก็หยุดชะงัก
อันโหรวมองไปที่เสี่ยวอวี๋ เด็กน้อยผมสีทองที่หน้าตาน่ารัก เมื่อมองดูเหมือนลูกครึ่ง เหมือนว่าจะอายุสี่ห้าขวบ ถ้าหากเป็นลูกของเธอจริง ๆ
นานขนาดนี้ทำไมถึงไม่ยอมพูด หรือว่าเธอจะเป็นเหมือนเธอที่ตั้งท้องก่อนแต่ง?
พ่อของเด็กคือใคร?
ทำไมเสี่ยวอวี๋ไม่มีพ่อ?
คำถามมากมายในหัวของเธอตอนนี้ค้างคาอยู่ในใจ
“พี่คะ ยินดีกับงานแต่งงาน ขอให้พี่มีความสุขและอยู่ด้วยกันนาน ๆ ความจริงน่าจะแนะนำน้องของหยางหยางกับหน่วนหน่วนให้รู้จักก่อนหน้านี้!” เมื่อเธอพูดจบก็เดินออกไป แต่กลับถูกอันโหรวดึงมือของเธอไว้
“เธอพาลูกมาเมือง A เพราะเธอหรือเปล่า? พ่อของเด็กคือใคร? อยู่ไหน? ไม่สนใจพวกเธองั้นเหรอ? พั่นพั่น ฉันเป็นลูกพี่ลูกน้องเธอ เธอมีอะไรก็บอกฉันได้เสมอ เลี้ยงลูกคนเดียวมันลำบากนะ” ในตอนนั้นต้องยอมรับว่ามันหนักหนาที่ต้องรับผิดชอบ แต่ว่าเธอก็มีความสุข
“พี่คะ ฉันพูดไม่ได้” อันหยาพั่นส่ายหน้าและมองเธออย่างขอร้อง
เสี่ยวอวี๋ที่อยู่ในอ้อมกอดเธอนั้นยิ้มหวานอย่างน่ารัก มองแล้วทำให้นึกถึงหน่วนหน่วน ภายในใจของเธอก็พลันรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา
อันโหรวงุนงงกับคำพูดของเธอ ไม่พูดก็ต้องพูด!
“ไม่มีอะไรที่พูดไม่ได้ พูดมา” ภายในใจของเธอจู่ ๆ ก็เต้นแรงขึ้นมา ความหมายที่ว่าเธอไม่สามารถพูดได้นั้นคงไม่ใช่ว่าพ่อของเด็กคือคนที่รู้จักหรอกนะ?
เธออยู่เมืองนอกมาห้าปี รู้จักคนต่างชาติมามากมาย เธอนึกไม่ออกเลยว่าเด็กคนนี้หน้าคล้ายใคร
“พี่คะ พี่อย่าบังคับฉันเลย!” สีหน้าของอันหยาพั่นเริ่มดูแย่ขึ้น “เสี่ยวอวี๋ พวกเราไปกันเถอะ!”
ยิ่งเธอพูดแบบนี้ อันโหรวยิ่งอยากจะรู้ความจริงมากขึ้นเท่านั้น
“วางใจเถอะ เสี่ยวอวี๋เป็นหลานของฉัน ฉันแค่อยากรู้ว่าพ่อเด็กคือใคร เธอกับเขาจะสามารถอยู่ด้วยกันได้หรือเปล่า!” ตอนนี้เธอเข้าใจว่าบางครั้งหน้าที่ในฐานะพ่อ แม่เองก็ไม่สามารถทำหรือทดแทนกันได้
อย่างหยางหยางกับจิ่งเป่ยเฉินที่ไปยิมศิลปะต่อสู้ด้วยกัน สถานที่แบบนั้นเธอไม่สามารถไปแทนได้
อันหยาพั่นกอดเสี่ยวอวี๋และปิดประตูห้อง ก่อนจะวางตัวเธอลงและจูงมือไว้แทน “พี่คะ พี่แน่ใจเหรอว่าอยากจะรู้จริง ๆ”
“แน่ใจสิ” มีอะไรที่เธอจะไม่แน่ใจ?
อันหยาพั่นก้มหน้าลง ก่อนจะค่อย ๆ หยิบกระดาษที่พับอยู่ในกระเป๋าออกมาแล้วยื่นให้เธอ หลังจากนั้นก็ก้มลงไปมองเสี่ยวอวี๋
“ลูกกวาดนี้ลูกจะกินตอนนี้ไหม?”
“กินค่ะ!” เสี่ยวอวี๋ยิ้มตอบ
อันหยาพั่นฉีกซองลูกกวาดออกมา ส่วนอันโหรวก็กำลังเปิดกระดาษแผ่นนั้นออกอย่างไม่สบายใจ เมื่อเห็นลายเซ็นที่อยู่หัวกระดาษก็รู้สึกบีบหัวใจ
แต่เมื่อเห็นชื่อบนกระดาษนั้น ร่างกายของเธอก็แทบจะทรุดลงไปกับพื้น เธอค่อย ๆ เลื่อนสายตาลงมาด้านล่าง อัตราความคล้ายนั้นมากถึงเก้าสิบเก้าจุดเก้าเปอร์เซ็นต์
ผลการประเมิน: ยืนยันความสัมพันธ์แบบพ่อลูก
สายตาของเธอเลื่อนขึ้นไปดูชื่อด้านบน จิ่งเป่ยเฉิน!
เป็นเขาไปได้ยังไง!
ทำไมถึงเป็นเขา!
เสียงและคำพูดที่ได้คุยกันกับเธอในห้อง วันนี้เป็นงานแต่งงานของเธอ และตอนนี้กลับเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
ไม่คิดเลยว่าเขาจะมีลูกคนอื่นอยู่ข้างนอก หนำซ้ำผู้หญิงคนนั้นก็เป็นลูกพี่ลูกน้องของเธอ!
หัวใจของเธอแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ รู้สึกว่าภายในห้องนั้นอึดอัดจนเธอเริ่มหายใจไม่ออก
“พี่คะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ…….” อันหยาพั่นมองไปที่ใบหน้าขาว ๆ ของเธอที่กำลังร้องไห้ออกมา
อันโหรวเดินโซเซไปมา อันหยาพั่นเอื้อมมือไปดึงเธอไว้ แต่กลับถูกสะบัดออก เธอค่อย ๆ ก้าวถอยหลังไปและล้มลงบนเตียง
มองดูลายเซ็นที่อยู่บนกระดาษ เธอเริ่มเข้าใจเรื่องบางอย่างเกี่ยวกับตัวเธอแล้ว
ครั้งแรกที่อันหยาพั่นมาหาพวกเธอ จิ่งเป่ยเฉินเป็นคนยังไง แม้ว่าจะเย็นชาเฉยเมยและดูเหินห่าง แต่ว่าก็มีมารยาทพอ ทำไมถึงไม่ยอมให้อันหยาพั่นเข้าบ้านและให้เธอรออยู่ในรถ
ครั้งที่สองที่เข้ามาก็อยากให้อันหยาพั่นออกไป เพราะกลัวว่าเธอจะรู้เรื่อง?
แม้กระทั่งเอาจี้หยกให้กับอันหยาพั่นอีก เมื่อรวบรวมเรื่องราวแล้วเธอเกือบจะเชื่อมันทั้งหมด