อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 370 อันโหรวอาจจะอยู่ที่ไหนสักที่ของโลก
ตอนที่ 370 อันโหรวอาจจะอยู่ที่ไหนสักที่ของโลก
สำหรับเรื่องนั้นฉีหย่วนหยางสามารถที่จะปลอมแปลงสร้างบัตรประชาชนของเธอขึ้นมาใหม่เพื่อที่จะเข้าออกนอกประเทศได้ ตอนนี้อันโหรวอาจจะอยู่ที่ไหนสักที่ของโลก
“พี่เฉิน…..” เขาวิ่งเข้ามา
จิ่งเป่ยเฉินยืนอยู่ท่ามกลางลมหนาวด้วยใบหน้าที่มืดมน สายตายังคงจับจ้องไปที่ฉีหย่วนหยางที่จากไป
รู้สึกว่าการหายไปของอันโหรวนั้นต้องเกี่ยวข้องกับเขา
“อึก……”
“ลิซ่า จิตใจของเธอช่างโหดร้ายเหลือเกิน ฉันดีกับเธอขนาดนี้ อึก………”
ทันใดนั้นชายขี้เมาจู่ ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นด้านข้างจิ่งเป่ยเฉิน ฉีเซิ่งเทียนรีบเดินเข้าไปสองสามก้าวอย่างทันที
ชายขี้เมานั้นต้องอยู่ให้ห่าง โดยเฉพาะถ้าจะอ้วกออกมา
จิ่งเป่ยเฉินเหลือบตามองเขาด้วยสายตาที่เย็นชาแวบหนึ่ง ดวงตาของเขาเย็นชาราวกับน้ำแข็ง
“เอาเขาไป!”
หลังจากที่พูดจบเขาก็เดินออกไปทันที
“……”
ฉีเซิ่งเทียนมองไม่เห็นแม้แต่เงาของจิ่งเป่ยเฉินที่กลับมาพร้อมท่าทางแปลก ๆ ก่อนจะเหลือบไปมองชายผมบลอนด์ขี้เมาที่อยู่ด้านข้างที่พูดจาไร้สาระอยู่
พี่เฉินถูกกระตุ้นอะไรมา?
เขาต้องเริ่มเก็บผู้ชายคนนี้ไปก่อน แม้จะต้องเก็บก็อยากจะให้เป็นผู้หญิงมากกว่า!
ไม่มีความจำเป็นเลยที่อันโหรวจะหนีงานแต่งงาน แล้วนิสัยของเขาจะเปลี่ยนไปขนาดนี้!
การตามหาคนทำให้เขาเปลี่ยนไปขนาดนี้ ภายในใจของฉีเซิ่งเทียนเริ่มอึดอัดขึ้นมา
แต่คำพูดของจิ่งเป่ยเฉินแน่นอนว่าเขาจะต้องเชื่อฟังอย่างช่วยไม่ได้ เขาใช้มือฟาดไปที่ชายที่อาเจียนแล้วลากเขาออกไป
……
รถของฉีหย่วนหยางขับออกไปและเบรกหยุดอยู่บนถนนอย่างกะทันหัน ผู้หญิงทั้งสองคนที่อยู่ข้างฉีหย่วนหยางนั้นตกใจเล็กน้อย ก่อนจะเอนตัวไปอยู่ในอ้อมแขนของเขา
“ลงจากรถ!”
“ประธานฉี ที่นี่?” ผู้หญิงหนึ่งในนั้นมองออกไปด้านนอก ที่นี่เป็นชานเมือง ไม่มีแม้แต่เงาคน พวกเธอจะลงจากรถไปได้ยังไง
“ด้านหลังมีรถมารับพวกเธอแล้ว เชื่อฟังแล้วลงไปจากรถ” ฉีหย่วนหยางพูดอย่างอ่อนโยน
สาวงามตาโตและหน้าอกโตพูดอย่างคร่ำครวญ “ประธานฉีไม่อยากให้พวกเราไปด้วยจริง ๆ เหรอ?”
“ฉันยังมีเรื่องที่ต้องจัดการ” ดวงตาสีพีชของเขาหันไปมองพวกเธอ “เชื่อฟังกันดี ๆ ……”
ถ้ายังไม่ฟังเขาอาจจะระเบิดออกมา
พวกเธอเองก็เหมือนจะรู้ว่าฉีหย่วนหยางอารมณ์ไม่ดี เสียงเครื่องยนต์รถที่อยู่ด้านหลังดังขึ้น ดูเหมือนว่าคำพูดของเขาไม่ได้ผิด มีรถมารับพวกเธอจริง ๆ
เขาไม่ได้วางแผนให้พวกเธอทั้งสองกลับไปกับเขาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
ทันทีที่ลงจากรถอย่างเชื่อฟัง รถสีแดงก็ถูกขับออกไปด้วยความรวดเร็ว
ในรถที่ไม่กลิ่นของผู้หญิงทั้งสองคนนั้นช่างสบายและกว้างขวาง
เขาเอนหลังพิงเบาะและหลับตาลง
“บอสครับไปที่สนามบินหรือว่ากลับบ้านครับ?”
“บ้าน”
“ครับ!”
……
ท้องฟ้าค่อย ๆ สว่าง ผู้ชายที่ดื่มจนเมานอนอยู่บนเตียงก็ตื่นขึ้นมา
ฉีเซิ่งเทียนที่เพิ่งเดินเข้ามาก็เห็นว่าเขานั้นลืมตาแล้ว และกำลังมองไปรอบ ๆ ห้อง “ไงสหาย ยังอยากจะอ้วกอยู่ไหม?”
ม่านหนิงมองมาที่เขาอย่างงุนงง ก่อนจะมองไปรอบ ๆ ห้องที่ดูเหมือนจะไม่ใช่บ้านของเขา
เขาจำได้ว่าเมื่อวานอยู่ในงานเลี้ยงแล้วถูกบอกเลิก หลังจากนั้นก็ดื่มจนเมา แล้วก็……….
หลังจากนั้นเขาจำอะไรไม่ได้เลย!
“นายเป็นใคร!”
“ฉันต่างหากที่ต้องถามว่านายเป็นใคร! นายเป็นคนที่บิ๊กบอสสั่งให้ฉันเก็บนายมา” ฉีเซิ่งเทียนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องพาเขากลับมาด้วย
“บิ๊กบอสของนายเป็นใคร? ปล่อยฉันไป!” ม่านหนิงลุกขึ้นจากเตียงโดยที่รู้สึกว่าร่างกายของตัวเองนั้นไม่สบายตัวเท่าไรนัก
เขายกเสื้อผ้าขึ้นดูไม่นึกเลยว่าจะมีรอยเลือดอยู่บนตัว ไปคลุกตัวที่ไหนมา?
สีหน้าของม่านหนิงเปลี่ยนไปในทันที ก่อนจะหันมามองเขาอย่างจริงจัง “พวกนายทำอะไรฉัน?”
“ใจเย็นก่อนสหาย คิดมากเกินไปแล้ว ฉันเป็นคนตรง ๆ ไม่ได้คิดร้ายอะไรกับนาย บาดแผลบนตัวนั้นก็ไม่ใช่การทารุณแต่อย่างใด เพียงแค่ตอนที่ฉันลากนายขึ้นรถ นายคลุกไปกับพื้นเฉย ๆ ถ้าหากว่านายมีความเห็นอื่นละก็ ไปแก้แค้นส่วนตัวเอาเอง” ฉีเซิ่งเทียนกล่าวด้วยใบหน้าที่เฉยเมย
เสียงฝีเท้าจากด้านหลังดังขึ้น เขาจึงขยับตัวออกเล็กน้อยและหันไปมองจิ่งเป่ยเฉินที่เดินเข้ามา
เมื่อวานดูเหมือนว่าเขาไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ในดวงตาของเขานั้นเผยเส้นเลือดสีแดงขึ้นและดูเหมือนว่าขอบตาจะคล้ำมากขึ้นด้วย
ความรักเป็นสิ่งที่ทำให้เจ็บปวดจริง ๆ …….
“นายเป็นใคร! ฉันรู้จักงั้นเหรอ?” ม่านหนิงมองไปที่จิ่งเป่ยเฉินที่เดินเข้ามาและตะโกนใส่
จิ่งเป่ยเฉินมองไปที่เขาอย่างเย็นชา ดูแล้วเหมือนไม่มีอะไรพิเศษ แต่เขากลับประทับใจอย่างมาก ตอนแรกที่โหรวโหรวปลอมตัวเป็นอันอีหาน เธอบอกว่าเธออยู่ก่อนแต่ง บอกว่าสามีของเธอจะมาดูงาน และผู้ชายในคลิปวิดีโอตอนนั้นก็คือเขา
“นายรู้จักอันโหรว?”
“คุณอัน? รู้จักสิ! ทำไม? พวกนายเป็นอะไรกับเธอ?” ม่านหนิงมองไปที่เขาทั้งสอง แต่ว่าเขากลับจ้องมองไปที่จิ่งเป่ยเฉินที่ยืนอยู่ด้านหลัง “ตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ที่นี่ เธอกลับประเทศไปแล้ว ถ้าพวกนายจะตามหาเธอ ฉันคงช่วยไม่ได้หรอก”
“เธอกลับมาแล้ว” จิ่งเป่ยเฉินตอบ
“กลับมาแล้ว?” ม่านหนิงมองตาเป็นประกาย ใบหน้าที่คมกริบนั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “งั้นพวกนายจะมาหาเธอหรือว่ามาหาฉันกันแน่ ไม่ใช่ว่าที่พวกนายมาหาฉันมีเป้าหมายอื่นแอบแฝงหรอกนะ! ฉันยังต้องการไปหาลิซ่าอยู่นะ!”
“พี่เฉิน ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้เสแสร้งเลย หรือว่าเขาจะไม่รู้เรื่องจริง ๆ” ตอนนี้ฉีเซิ่งเทียนรู้แล้วว่าทำไมจิ่งเป่ยเฉินถึงได้ให้เก็บเขามา
อันโหรวอยู่ต่างประเทศหลายปี คนที่รู้จักต้องมีมากมาย พี่เฉินคงไม่ตามล่าหาทุกคนที่รู้จักเธอมาหรอกใช่ไหม?
วันนี้จิ่งเป่ยเฉินสังเกตเห็นได้ชัด
ดังนั้นเขาจึงหันตัวเดินออกไปจากห้อง
ฉีเซิ่งเทียนรีบเดินตามเขาออกไป เหลือไว้เพียงม่านหนิงที่ยังคงงุนงงอยู่ ใครก็ได้บอกเขาทีว่านี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?
“พี่ต้องพักผ่อนบ้างนะ! นอนพักอีกสักงีบก็ยังดี!” ฉีเซิ่งเทียนเดินไปที่หน้าประตูและพูดออกมา ก่อนจะช่วยเขาปิดประตู
ตรงทางเดินด้านนอกโรงแรมตอนนี้นั้นเงียบสงัด แสงไฟสลัว ๆ ส่องมาที่ตัวของจิ่งเป่ยเฉิน ฉีเซิ่งเทียนมองเงาของเขาที่ยังดูตรงอย่างเห็นได้ชัด แต่กลับรู้สึกไม่เหมือนเมื่อก่อน
เผยความเฉยเมย ความเหงา และความห่างเหินมากเกินไป
ครั้งนี้อันโหรวควรจะมีเหตุผลให้เขามากกว่านี้ก่อนจะหนีหายไปจากพี่เฉิน
ไม่อย่างนั้นเรื่องหนีงานแต่ง เรื่องใหญ่แบบนั้นเขาคงไม่ให้อภัยเธอ!
แต่พี่เฉิน……….
ถ้าหากว่าตอนนี้อันโหรวปรากฏตัวต่อหน้าเขา ความหยิ่งผยองนั้นอาจจะหายไปและรีบไปหาเธอทันที
เรื่องสมมตินี้ให้อันโหรวปรากฏตัวทีเถอะ!
ผู้หญิงคนนี้ช่างโหดร้ายเสียจริง!
กลับไปคงต้องฝึกหลินจือเซี๋ยวไว้ให้ดี ๆ เรื่องหนีออกจากบ้าน ห้ามทำเป็นเด็กไม่ดีเป็นอันขาด
แต่ดูเหมือนว่าเรื่องนี้หลินจือเซี๋ยวจะทำไปแล้ว ตอนที่อยู่ในบ้านของเขาก็ฉวยโอกาสหนีไปโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว
ผู้หญิงชอบทำเรื่องแบบนี้งั้นเหรอ?
เรื่องตามหาคนบางครั้งก็ง่าย บางครั้งก็ยากเย็นเหลือเกิน
อย่างเช่นตอนนี้พวกเขาออกนอกประเทศมาหลายวันแล้วก็ยังไม่มีข่าวของอันโหรว แน่นอนว่าข่าวในประเทศก็ไม่มีเช่นกัน
โดยเฉพาะการสะกดรอยตามฉีหย่วนหยางมาสักพักก็ยังคงเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยน ไปบริษัท พบลูกค้า กินข้าว แล้วก็เข้านอน ทุกอย่างดูปกติดี เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
และก็ไปหาเกาเซิน เขายิ่งประหลาดใจกว่าเดิม บนเครื่องบินนั้นไม่มีแม้แต่เงาของอันโหรว
สิ่งที่เขานั้นพูดก็เป็นความจริง เขาไม่ได้โกหก พวกเขาไม่รู้เรื่อง?