อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 371 อันโหรวเองก็คล้ายกับแม่ของเธอที่หายตัวไปจากโลกใบนี้
- Home
- อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด
- ตอนที่ 371 อันโหรวเองก็คล้ายกับแม่ของเธอที่หายตัวไปจากโลกใบนี้
ตอนที่ 371 อันโหรวเองก็คล้ายกับแม่ของเธอที่หายตัวไปจากโลกใบนี้
อันโหรวเองก็คล้ายกับแม่ของเธอที่หายตัวไปจากโลกใบนี้
คนตระกูลอันพวกเขาชอบเล่นเกมซ่อนหากันจริง ๆ
ในขณะนั้นเอง
จิ่งเป่ยเฉินที่กำลังยืนอยู่ตรงระเบียงของบ้านพักริมทะเล ลมทะเลค่อย ๆ พัดเส้นผมของเขาให้เปิดขึ้น ไหลผ่านเข้าสู่ซอกคอเสื้อที่เปิดอยู่ แต่ทว่าเขากลับไม่รู้สึกหนาวเลยสักนิดเดียว
ดวงตาสีดำที่เยือกเย็นยังคงมองไปที่ไกล ๆ เห็นผู้คนมากมายต่างก็เล่นอยู่ริมทะเลโดยไม่มีอะไรกีดกั้น ท่ามกลางคนมากมายเหล่านั้นเขากลับไม่เห็นแม้แต่เงาแผ่นหลังของโหรวโหรวเลยสักนิดเดียว
ราวกับว่าตัวเธอนั้นหายไปจากโลกใบนี้ หายไปอย่างไร้ร่องรอย…
ที่ด้านหลังเขามีเสียงฝีเท้าที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ เขาไม่ได้หันกลับไปดู
เพียงสักพักหนึ่งก็มีแก้วไวน์ปรากฏขึ้นตรงหน้า ก่อนจะเอื้อมไปหยิบมัน เขาไม่มีท่าทีที่แม้แต่จะดื่มมัน ทำแค่ถือเอาไว้เท่านั้น
หลายวันมานี้เขาคิดถึงเหตุผลมากมาย แต่ก็ไม่มีสักเหตุผลเดียวที่เพียงพอจะทําให้เขารู้สึกว่าโหรวโหรวนั้นจะทิ้งเขาไป
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมเธอถึงไม่ยอมพูดจาอะไรเลย แต่กลับทิ้งเขาไว้ท่ามกลางงานแต่งแบบนั้น?
ฉีเซิ่งเทียนจิบไวน์สองสามอึกพลางมองไปยังชายหญิงที่อยู่บนริมชายหาด ก่อนจะพูดขึ้นว่า “พี่เฉิน พี่ไปหาสักชุดสองชุดหน่อยไหม? ที่นี่มองยังไงก็แจ่มอยู่นะ ดูสิ พี่สามารถเห็นผู้หญิงสวย ๆ ที่มีผมสีบลอนด์ท่ามกลางชุดว่ายน้ำบิกินี่สีน้ำเงินแบบนี้ได้เลยนะ ไม่เลวจริง ๆ สนใจไปด้วยกันไหม?!”
จิ่งเป่ยเฉินกวาดสายตามองไปที่เขาอย่างเย็นชาและพูดขึ้นว่า “นายไปเถอะ”
“ผมไม่ไป! ตอนนี้ผมนั้นเป็นคนดี ทำทุกอย่างเพื่อปกป้องสิ่งล้ำค่าให้เซี๋ยวเซี๋ยว!” แต่ทว่าผู้หญิงคนนั้นกลับไม่รู้อะไรเลยสักนิดเดียว
ทุก ๆ วันต่างก็รู้ดีว่าเหตุการณ์พวกนี้กำลังขวางทางเขาอยู่ คงจะมีสักวันหนึ่งที่เธอคงจะสามารถรู้และเข้าใจได้ว่าอะไรคือตื่นมาแล้วใช้ชีวิตด้วยกัน ประสบการณ์พวกนั้นแน่นอนว่าดีกว่าหลาย ๆ อย่างที่เธอรู้มานับหมื่นเท่า!
“ฮะแฮ่ม พี่เฉิน ผมไม่ได้หมายความอย่างอื่นนะ แน่นอนคงไม่ใช่แสดงความรักต่อหน้าพี่หรอก เพราะเธอไม่ได้รักผมเลยสักนิด!” เมื่อครู่เขาเป็นอะไรไป ก็เห็นได้ชัดว่าตอนนี้พี่เฉินกำลังอารมณ์ไม่ดีอยู่
พี่สะใภ้นะพี่สะใภ้ ถ้าพี่ไม่พอใจอะไรพี่เฉินทำไมไม่ยอมพูดจาออกมา ปล่อยให้เขาเป็นแบบนี้ได้ยังไง!
จู่ ๆ ก็ทิ้งและหายตัวไปแบบนี้!
มันโหดร้ายยิ่งกว่าคนไม่พูดไม่จาสักคำอีกนะ!
แม้ว่าฉีเซิ่งเทียนจะพูดอะไรแบบนี้ แต่จิ่งเป่ยเฉินก็ไม่ได้ตอบอะไรสักคำ เขากำลังคิดว่าโหรวโหรวนั้นไปอยู่ที่ไหนกันแน่
ห้าปีก่อนหน้าที่พวกเขาจะได้พบกันอีกครั้ง เธอไม่ได้พูดจาอะไรที่เป็นสถานที่ที่พิเศษเลยสักคำว่าเธอจะไปที่ไหน
มันเลยทำให้เขาคิดไม่ออกว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหนกันแน่
หัวใจของเขาจู่ ๆ ก็เจ็บแปลบขึ้นมาทันที เมื่อคิดว่าหลังจากนี้อนาคตของเขาจะไม่มีเธออยู่แล้ว หัวใจของเขาก็เจ็บปวดจนพูดอะไรไม่ออก มันคล้ายเหมือนกับถูกพิษทิ่มแทงและค่อย ๆ กัดกร่อนชีวิตเขาไปเรื่อย ๆ
เขาหยิบแก้วไวน์ขึ้นมา เมื่อกำลังคิดจะดื่ม ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของฉีเซิ่งเทียนก็ดังขึ้น
“พี่เฉิน ดื่มต่อเถอะ ไม่ต้องสนใจหรอก!” อะไรกันเนี่ย ทำไมจู่ ๆ โทรศัพท์ถึงมาดังขึ้นตอนนี้!
เขารับโทรศัพท์แบบเงียบ ๆ ก่อนจะเดินออกไป
จิ่งเป่ยเฉินในที่สุดก็ได้ดื่มไวน์เข้าปากของตัวเอง หลายวันมานี้เขาไม่ได้ดื่มเลยสักนิดเดียว แต่ถ้าหากไม่ดื่มตัวเขานั้นจะนอนไม่หลับ
เพราะเมื่อหลับไปความฝันก็ปรากฏตอนที่พวกเขาแยกจากกัน
อีกอย่างในงานแต่งวันนั้น อันโหรวกลับเอาชุดแต่งงานที่เขาเตรียมไว้ไปให้คนอื่นใส่ ใบหน้าสวย ๆ ที่เขาอยากเห็นกลับไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ มันทำให้เขาโกรธจริง ๆ
ตัดสินใจเดินหันหลังออกไปแบบนั้น และทิ้งเขาไว้คนเดียวแบบนี้…
“พี่เฉิน เกิดเรื่องแล้ว!” เสียงของฉีเซิ่งเทียนจู่ ๆ ก็ดังขึ้น
ในวันเดียวกันนั้น พวกเขานั่งเครื่องบินกลับประเทศทันที
ที่บริษัทจิ่งชุดหยกผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัท พวกเขายังไม่ทันได้นำวางขายในตลาด ก็ถูกกลุ่มโอวหยางชิงเปิดตัวเสียก่อน
เป็นไปได้ที่ภายในบริษัทจิ่งนั้นมีสายลับอยู่
จิ่งเป่ยเฉินตอนนี้กำลังนั่งอยู่ในห้องทำงานของตัวเอง ในโน้ตบุ๊กเต็มไปด้วยรายงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
ผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับฤดูร้อน หลายวันที่ผ่านมานี้เพราะต้องไปตามหาโหรวโหรว เลยทำให้เขาไม่ได้สนใจเรื่องของบริษัทมากเท่าไร ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นจนได้
“พี่เฉิน ไม่ต้องห่วง ต่อให้เปิดตัวก่อนก็ช่าง แต่ไม่เป็นไร เราจะใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ฟ้องกลุ่มโอวหยางกรุ๊ปให้ล้มละลายไปเลย! ส่วนใครที่ปล่อยข่าวพวกนี้ออกไป ภายในวันสองวันผมจะตรวจสอบให้เอง!” ตอนนี้ในที่สุดก็ไม่ต้องไปที่ด้านนอกเพื่อตามหาพี่สะใภ้อีกแล้ว
ถึงแม้เขาอยากจะให้จิ่งเป่ยเฉินมีความสุข แต่ทว่าครั้งนี้เป็นเธอที่เดินออกไปเอง มันก็เลยทำให้เขาสงสัยว่าอันโหรวนี่ชอบพี่เฉินของเขาจริงหรือเปล่า
ถ้าหากเธอชอบพี่เฉินจริง ๆ เธอจะต้องกลับมาเองอย่างแน่นอน
ทางที่ดีพวกเขารอให้เธอกลับมาด้วยตัวเองน่าจะดีที่สุด
จิ่งเป่ยเฉินลืมตามองไปยังตัวเขา ก่อนจะพูดขึ้นว่า “‘งั้นฝากนายจัดการที”
“วางใจได้เลย! ผมจะจัดการให้เอง!” ฉีเซิ่งเทียนพูดจบก็เดินออกไป
ตอนนี้ภายในห้องทำงานเหลือแค่เขาเพียงคนเดียว เขาเอนหลังพิงเก้าอี้ ก่อนจะมองไปที่ฝั่งตรงข้าม ราวกับเห็นอันโหรวกำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขา เธอที่สวมใส่ชุดขาวดำที่ดูเหมือนกับเป็นเลขา ยืนรอให้เขาเซ็นเอกสาร
‘โหรวโหรว เข้ามานี่สิ’
เมื่อนึกถึงประโยคเหล่านี้ มันคงจะดีไม่ใช่น้อยถ้าหากตอนนี้เธอมายืนอยู่ตรงหน้าเขาจริง ๆ
หลังจากที่นึกถึงเรื่องเหล่านี้อยู่สักพักหนึ่ง เขาก็ยืดตัวขึ้นนั่งตัวตรง ก่อนจะเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานและมองหาอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นเขาก็หยุดชะงักไป จากนั้นก็มองไปข้างในลิ้นชัก
วินาทีต่อมา ของที่อยู่ในลิ้นชักก็ถูกโยนทิ้งไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว
ของของเขาหายไปไหนแล้ว?
เขากดโทรศัพท์ สักพักหนึ่งหลินจือเซี๋ยวก็ได้เดินเข้ามา
ตั้งแต่ที่อันโหรวจากไป หลินจือเซี๋ยวก็ไม่กล้าเผชิญหน้ากับบิ๊กบอสเท่าไร เพราะกลัวว่าบิ๊กบอสจะคิดว่าตัวเธอนั้นกำลังซ่อนโหรวโหรวไว้
คงจะมีแต่พระเจ้าเท่านั้นแหละที่รู้ว่าตัวเธอนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยจริง ๆ
ตอนนี้แม้แต่ตัวเธอเองก็เป็นกังวลเรื่องโหรวโหรว เพราะไม่รู้ว่าตอนนี้เธอไปอยู่ที่ไหน
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรตัวเธอถึงหายออกไปเองแบบนั้น หรือจะเป็นเหมือนครั้งที่แล้วที่ถูกลักพาตัวไป?
“ประธานจิ่ง คุณตามหาฉันมีธุระอะไรเหรอคะ?” เธอเหลือบสายตามองไปที่จิ่งเป่ยเฉิน ใบหน้าที่เคร่งขรึมของเขาในตอนนี้มองเห็นได้ชัดว่าตัวเขากำลังโกรธ
ตอนนี้มีเอกสารมากมายกองอยู่ที่พื้น รวมถึงของบางอย่างที่ถูกโยนไปมา
ลิ้นชักของเขาเปิดกว้าง ข้างในตอนนี้ล้วนว่างเปล่า
บิ๊กบอสโกรธแล้วเปลี่ยนเป็นแบบนี้อย่างนั้นเหรอ?
การที่โหรวโหรวหายไปแบบนี้ บิ๊กบอสเองก็เปลี่ยนไปมากเช่นกัน
“คุณได้ย้ายของในลิ้นชักของผมหรือเปล่า?” จิ่งเป่ยเฉินเผยใบหน้าที่เย็นชา ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบสงบ ดวงตาของเขาตอนนี้มองไปแบบไม่แยแสใด ๆ ราวกับกำลังโกรธคนตรงหน้า
“ไม่นะคะ!”
เธอจะกล้ามายุ่งกับลิ้นชักเขาได้ยังไง แม้กระทั่งโต๊ะทำงานของเขายังไม่กล้าจะยุ่งเลย อย่าไปพูดถึงลิ้นชักเชียว
“ประธานจิ่ง คุณกำลังมองหาอะไรอยู่เหรอคะ?” ตอนนี้เขาดูเหมือนกำลังมองหาอะไรบางอย่าง!
ใครมันกล้าแตะต้องของของบิ๊กบอสแบบนี้ ไม่รักชีวิตตัวเองแล้วหรือไง!
ถ้าจะยุ่งแบบนี้ก็ควรทิ้งชื่อไว้หน่อยก็ดีนะ
ไม่อย่างนั้นเธอคงทนไม่ไหวแน่ถ้าหากบิ๊กบอสมาโกรธเธอแบบนี้!
“เรียกคนที่เกี่ยวข้องกับห้องทำงานผมมาให้หมดเดี๋ยวนี้!” จิ่งเป่ยเฉินพูดด้วยท่าทีที่เย็นชา
“ค่ะ!” หลินจือเซี๋ยวเดินหันหลังออกจากห้องทำงานทันที
นัยน์ตาสีดำของจิ่งเป่ยเฉินยังมองไปยังจุดหนึ่ง นั่นคือลิ้นชักที่ว่างเปล่าตรงหน้าเขา
เห็นได้ชัดว่าตอนนั้นเขาวางเส้นผมของหน่วนหน่วนไว้ที่นี่ ทั้งไม่ได้ย้ายไปไหนนานแล้วด้วย ตอนนี้ทำไมกลับหาไม่เจอ?
ต่อให้เป็นโหรวโหรวก็คงไม่กล้าที่จะมายุ่งกับลิ้นชักของเขาแน่นอน
ในห้องทำงานของเขาแทบไม่มีการเฝ้าระวัง เพราะงั้นเลยทำได้เพียงถามเท่านั้น
ด้วยความรวดเร็ว ภายในห้องทำงานของเขาก็เต็มไปด้วยเสียงฝีเท้าและเสียงรองเท้าส้นสูงที่เดินมาจากที่ไกล ๆ
อันหยาพั่นเดินเข้ามาพร้อมกับกระติกน้ำร้อนในมือ เมื่อเธอกำลังจะตะโกนพูดก็ได้ยินจิ่งเป่ยเฉินพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “ยืนอยู่ตรงนั้น!”
เธอมองไปที่จิ่งเป่ยเฉินด้วยความสงสัย ตอนนี้เขากำลังยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงาน พร้อมกับก้มลงมองไปที่ลิ้นชักที่ว่างเปล่า ข้าวของต่าง ๆ ล้วนกระจัดกระจายไปทั่ว
สีหน้าของเขาไม่ค่อยดีแบบนี้ เขากำลังมองหาอะไรอยู่อย่างนั้นเหรอ?
คงไม่ใช่ว่ากำลังมองหาของบางอย่างที่เธอแอบหยิบไปหรอกใช่ไหม?