อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 372 นี่บิ๊กบอสจะทำอะไร!
ตอนที่ 372 นี่บิ๊กบอสจะทำอะไร!
เขารู้แล้วงั้นเหรอว่าเธอเป็นคนหยิบไป?
ไม่อย่างนั้นจะบอกให้เธอยืนอยู่ตรงข้ามทำไม และหลังจากที่เธอยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม เขาก็ไม่ได้เงยหน้ามองเธอเลยสักนิด
ขณะที่เธอกําลังจะเอ่ยปากถาม เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นจากด้านนอกห้องทํางาน มีคนสี่คนเดินเข้ามาจากด้านนอก รวมถึงผู้หญิงในชุดทําความสะอาด และอีกคนหนึ่งที่เธอคุ้นเคยคือหลินจือเซี๋ยว
“ยืนอยู่ตรงนั่นแหละ” จิ่งเป่ยเฉินยังคงพูดประโยคเดิม
นอกจากตัวเขาแล้ว ตอนนี้มีผู้หญิงสี่คนรวมตัวของหลินจือเซี๋ยวที่กำลังยืนอยู่ตรงข้ามกับเขาด้วย ทุกคนต่างกำลังมองไปที่จิ่งเป่ยเฉินด้วยความสงสัย
“ประธานจิ่ง นอกจากผู้จัดการฉีกับเลขาอันแล้ว คนอื่น ๆ ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับห้องทำงานของคุณมากันครบแล้วค่ะ” หลินจือเซี๋ยวพูดขึ้น
จิ่งเป่ยเฉินมองไปที่พวกเขา นัยน์ตาสีดำกำลังมองกวาดบนตัวของพวกเธอ นอกจากหลินจือเซี๋ยวที่เขาจำได้เพราะเธอสวมป้ายที่เขารู้จัก คนอื่น ๆ เขาก็จำไม่ได้ว่าเป็นใคร
“หลินจือเซี๋ยว เธอมานี่ที”
หลินจือเซี๋ยวตกใจ นี่บิ๊กบอสจะทำอะไร!
ถึงแม้ว่าตัวเธอจะประหม่า แต่เมื่อเธอเดินเข้าไป เธอก็หยุดอยู่ตรงหน้ากองเอกสารอย่างระมัดระวังราวกับว่าของตรงหน้าล้วนสำคัญ
บิ๊กบอสโยนของพวกนี้โยนออกมา ไม่ใช่ว่าจะให้เธอเก็บหรอกใช่ไหม
“พวกคุณ…..” จิ่งเป่ยเฉินเดินผ่านพวกเธอไป ก่อนจะหยุดอยู่กับที่และพูดขึ้น “ใครเอาของในลิ้นชักผมไป?”
“ไม่มีนะคะ! ประธานจิ่ง!”
พวกเขาทั้งหมดสั่นศีรษะไปมา รวมถึงอันหยาพั่นด้วย
หลินจือเซี๋ยวมองไปยังอันหยาพั่นด้วยท่าทีที่สงสัย เธอเข้ามาที่นี่ได้ยังไงกัน?
ไม่ใช่สิ ประธานจิ่งอาจจะจำไม่ได้ว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้านั้นเป็นใคร เลยสั่งให้เธอยืนอยู่ตรงข้ามใช่ไหม?
ประธานจิ่งเรียกเธอเข้ามาแบบนี้คงไม่ใช่เพราะจะให้ช่วยเรียกชื่อเธอหรอกใช่ไหม?
คำตอบของพวกเธอที่ตอบกลับจิ่งเป่ยเฉินไปนั้น ทำให้ตัวของเขาเผยอารมณ์ที่เย็นชาขึ้นกว่าเดิม
“ประธานจิ่ง ตรงข้ามคุณมีคุณอันอยู่ เป็นลูกพี่ลูกน้องของโหรวโหรวค่ะ” หลินจือเซี๋ยวพูดด้วยเสียงต่ำ ๆ เตือนเขา
เมื่อเธอพูดแบบนี้ จิ่งเป่ยเฉินก็ได้เดินผ่านตัวพวกเธอ ก่อนจะไปหยุดอยู่ตรงหน้าอันหยาพั่น
โดยเฉพาะชุดที่เธอสวมใส่ อีกทั้งในมือยังถือกระติกน้ำร้อนก็พิสูจน์ได้ว่าเธอคนนี้ไม่ใช่เลขาของเขาด้วยซ้ำไป น่าจะเป็นอันหยาพั่นจริง ๆ
ด้วยเสียงที่หลินจือเซี๋ยวพูดออกมาเบาๆ แม้ว่าจิ่งเป่ยเฉินจะได้ยินชัดเจน แต่ภายในห้องทำงานคนอื่น ๆ ก็ล้วนแล้วแต่ได้ยินอย่างชัดเจนเช่นกัน
ตอนนี้อันหยาพั่นกำลังสับสนและงุนงง สิ่งที่เธอพูดหมายความว่ายังไงกันแน่?
พี่เขยจำเธอไม่ได้อย่างนั้นเหรอ?
เมื่อคิดว่าเขาน่าจะบาดเจ็บร้ายแรง หัวใจของเธอก็เศร้าตามไปด้วย หลายวันผ่านไปแบบนี้ ทำไมตอนนี้เขาถึงดูเป็นปกติแบบนี้!
แสดงว่าก่อนหน้านั้นที่เขาบาดเจ็บเป็นเรื่องที่โกหก!
แต่คนที่เขาโกหกน่าจะไม่ใช่ตัวเธอแน่ ๆ แต่กลับเพื่อหลอกลูกพี่ลูกน้องของเธอ น่าเสียดายที่ลูกพี่ลูกน้องของเธอกลับไม่ปรากฏตัวขึ้น
สถานการณ์แบบนี้ถ้าหากเปลี่ยนเป็นเธอคงเป็นบ้าไปแล้วแน่ ๆ และเป็นไปไม่ได้ที่จะยกโทษให้กับจิ่งเป่ยเฉิน!
ลูกพี่ลูกน้องของเธอก็คงทำแบบนั้นแน่นอน!
“คนอื่น ๆ ออกไปให้หมด!” นัยน์ตาสีดำของจิ่งเป่ยเฉินมองไปที่อันหยาพั่น เผยท่าทีที่ไม่ได้สนใจตัวเธอมากเท่าไร ราวกับเหม่อมองไปที่ไกล ๆ ให้อารมณ์ที่คล้ายราวกับเย็นชาอย่างไรอย่างงั้น
ด้วยสายตาแบบนั้นมันแทบจะทำให้เธอรู้สึกขนลุก ผู้ชายที่เธอชอบกลับมีท่าทางที่ไม่เหมือนใคร ๆ
มันเลยทำให้เธอกลัว ยิ่งรักมากขึ้นเท่าไรก็ดูเหมือนเขายิ่งเหินห่างมากขึ้นเท่านั้น เธอเริ่มรู้สึกตื่นเต้น รู้สึกเหมือนกำลังถูกท้าทาย เธอชอบความรู้สึกนี้จริง ๆ
คนอื่น ๆ ออกไปตามคำสั่งของจิ่งเป่ยเฉิน
หลินจือเซี๋ยวมองอันหยาพั่นด้วยความกังวล ดูเหมือนเธอจะสังเกตเห็นดวงตาของเธอที่บ่งบอกถึงความสุขและตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกออกมา
จิ่งเป่ยเฉินเป็นพี่เขยของเธอนะ เธอคงไม่ได้คิดอะไรผิดปกติไปใช่ไหม?
โหรวโหรวเธอต้องรีบกลับมาแล้วนะ!
สามีของเธอกำลังจะถูกคนอื่นฉกฉวยไปแล้ว!
เมื่อภายในห้องเหลือเพียงพวกเขาแค่สองคน ความเงียบเกิดขึ้นหลายนาที ไม่นานจิ่งเป่ยเฉินก็เคลื่อนไหว
ตัวของเขาที่สูงยาวกำลังเดินไปรอบ ๆ โต๊ะทำงานที่อยู่ตรงข้ามกับเธอ
แรงกดดันมหาศาลที่ส่งออกมาทำให้ตัวเธอนั้นรู้สึกประหม่า หัวใจเต้นรัวและแรงราวกับกำลังบ้าคลั่ง
มือทั้งสองของเธอจับไปที่กระติกน้ำร้อนอย่างแน่น เธอไม่รู้ว่าทำไมตัวเขานั้นถึงจำเธอไม่ได้ เขาในตอนนี้เดินไปมาอยู่ตรงข้ามกับเธอ ก่อนจะมองเชิดสูงด้วยท่าทีที่ราวกับมองอะไรบางอย่างอย่างเหม่อลอย
นัยน์ตาสีดำของเขานั้นสะท้อนตัวเธอออกมา ใบหน้าเล็ก ๆ ของเธอค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีแดง ริมฝีปากที่อมชมพูของเธอค่อย ๆ ขยุกขยิกไปมา ทำท่าทางราวกับเก้อเขินอาย
เธอเป็นถึงคุณหนูลูกผู้ดี ทำไมถึงได้กลายเป็นแบบนี้เพราะแค่ถูกผู้ชายมองกันนะ!
แบบนี้ไม่ดีเลย!
ทั้งสองคนมองหน้ากันและกัน เธอสังเกตเห็นว่าดวงตาของจิ่งเป่ยเฉินยังคงมองเธอด้วยท่าทีที่เฉยเมย
ริมฝีปากที่เย็นชาของเขาค่อย ๆ เอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า “ของที่อยู่ในลิ้นชัก เธอเอาไปหรือเปล่า?”
“เปล่าค่ะ ฉันไม่รู้เลยว่าพี่เขยกำลังพูดถึงของอะไรอยู่กันแน่” จะให้เธอยอมรับตรง ๆ ได้ยังไงกัน
จิ่งเป่ยเฉินเป็นคนฉลาด ถ้าหากเธอยอมรับ มีหรือเขาจะไม่คิดอะไรบ้างเลย
“อันหยาพั่น! เธอพูดความจริงดีกว่านะ!” น้ำเสียงของจิ่งเป่ยเฉินเริ่มดุดันมากขึ้น
คนพวกนั้นทำงานที่บริษัทจิ่งมานาน จะมีก็เพียงแต่อันหยาพั่นที่เพิ่งเข้ามาทำงานที่บริษัท และยังมีโอกาสได้เข้ามาที่ห้องทำงานของเขาด้วย
เป็นไปได้ว่าวันนั้นตอนเธอเข้ามาในห้องทำงานของเขา แล้วยังเอาจี้หยกออกไปด้วย
จี้หยกนั่น…..
ภายในหัวเขานึกถึงสิ่งที่โหรวโหรวเคยถามเขาเรื่องจี้หยก หรือว่าจี้หยกนั้นจะมีอะไรเกี่ยวข้องกันแน่?
อันหยาพั่นยังไม่ตอบคำถาม จิ่งเป่ยเฉินจึงเอ่ยประโยคหนึ่งขึ้นมาอีกครั้ง “จี้หยกนั่นไม่ใช่ของเธอด้วย!”
“พี่เขย พี่พูดเรื่องอะไรอยู่! จี้หยกนั่นมันเป็นของฉันนะ! ลุงของฉันให้ฉันกับมือเอง ถึงแม้มันจะคล้ายกับของพี่สาวก็เถอะ เพราะงั้นคุณเลยคิดว่านั่นเป็นของเธอสินะ แต่จี้หยกนั่นเป็นของฉันนะ!” ให้ตายยังไงเธอก็ไม่มีทางยอมรับแน่ ๆ
เพียงแต่ว่าจี้หยกของอันโหรวนั้นหายไปหลายปีแล้ว อีกทั้งยังอยู่ในมือของจิ่งเป่ยเฉินตลอดเวลา นี่ก็เป็นการพิสูจน์ได้แล้วว่าอันโหรวไม่ได้พูดถึงจี้หยกนั้นเลยสักครั้ง และไม่เคยถามด้วยว่าหยกนั้นคืออะไร
เพียงแต่ที่จริงแล้วจี้หยกของอันโหรวอยู่ในมือเธอตลอด อีกทั้งยังมีเด็กคนนั้นอีก ไม่ว่ายังไงเธอก็ตกอยู่ในหลุมพรางของจิ่งเป่ยเฉินอย่างแน่นอน
“อึก…….”
ทันใดนั้นเองคอของอันหยาพั่นก็ถูกเขาบีบ ตัวเธอนั้นเอนไปที่ด้านหลัง มือที่จับกระติกน้ำร้อนอยู่ปล่อยมันหล่นลงทันที
“พี่เขย…พี่ปล่อยฉันนะ! ปล่อยฉัน!” เธอเอื้อมมือออกไปตบแขนของเขาด้วยความพยายามอย่างสุดฤทธิ์
“พูดมาซะ! เธอเอาของของฉันออกไปจากลิ้นชักใช่ไหม?” เขาเดินเข้ามาใกล้ สายตามองไปที่เธอด้วยความโกรธ
“ไม่ใช่นะ ฉันไม่รู้ว่าพี่เขยกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่กันแน่” เธอพยายามก้าวถอยหลังอย่างช้า ๆ ในที่สุดก็เดินมาชนกับหน้าต่าง
ที่ด้านหลังของเธอคือตึกสูง ๆ ถึงแม้ว่าแผ่นหลังจะชนกับกระจกหน้าต่าง แต่ตัวเธอก็ยังรู้สึกประหม่าไม่ใช่น้อย กลัวว่าตัวเธออาจจะพลัดตกตึกไปก็ได้
ถ้าหากตกไปร่างก็คงได้แหลกเป็นชิ้น ๆ แน่
“อันหยาพั่น!”
“ฉันอยู่นี่ พี่เขย ช่วย……. แค่กแค่กแค่ก ปล่อยฉันที!” เธอส่ายหน้าไปมา มือทั้งสองข้างยังคงจับแขนของเขาเอาไว้
ตอนนี้ตัวของเขานั้นดูน่ากลัวกว่าเดิม
“พี่เขย พี่ทำอะไรหาย ฉันจะช่วยพี่หาเอง พี่ช่วยปละ….ปล่อยฉันที!” เธอไม่คิดอยากจะมาตายอยู่ในมือของเขาแบบนี้หรอกนะ
จิ่งเป่ยเฉินมองไปที่ตัวเธอ มือทั้งสองข้างของเธอเคลื่อนไหวราวกับไม่มีแรง
เมื่อคิดถึงวันที่โหรวโหรวจากไปและถูกแทนที่ด้วยผู้หญิงที่ไม่รู้จัก ไม่คุ้นเคยแบบนี้ ความโกรธที่อยู่ในใจของเขาก็ปะทุขึ้นมา
อยากจะทำให้ตัวเธอนั้นหายไปตอนนี้จริง ๆ
แต่โหรวโหรวกับเธอนั้นน่าจะมีความสัมพันธ์ที่ดี…..
“พี่เขย ปล่อยฉันเถอะ! ปล่อยฉัน!”
“พี่เฉิน……” ฉีเซิ่งเทียนที่เปิดเข้ามาในห้องทำงานได้ยินเสียงของอันหยาพั่น ดวงตาของเขามองเห็นทั้งสองคนกำลังกดทับกันราวกับเป็นคนคนเดียว ก่อนจะถูกดันไปที่หน้าต่าง
“พวกคุณทำต่อเถอะ!” ฉีเซิ่งเทียนรีบปิดประตู แม้จะยังคงงุนงงว่าเมื่อครู่นี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เมื่อกี้เขาเห็นอะไรกันแน่?
************
//รำคาญ อันหยาพั่นนนนนนนนนนนน (อีฟ่าน)