อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 375 ถูกผูกมัด
ตอนที่ 375 ถูกผูกมัด
“โดยเร็วที่สุด” จิ่งเป่ยเฉินไม่ได้กลับมาที่บ้านหลายวันแล้ว
“ครั้งก่อนที่ส่งเอกสารหย่าไปไม่ได้ผลหรอก เธอคิดจะไปแบบนี้ ลืมไปแล้วเหรอสถานะแต่งงานของตัวเองคืออะไร?” หลังจากนี้เธอคิดว่าตัวเองคงถูกผูกมัดไปตลอดชีวิตแน่ ๆ
“นายหมายความว่า……….” ดวงตาที่สวยงามของอันโหรวค่อย ๆ หรี่ลงอย่างช้า ๆ พลางมองไปที่นอกหน้าต่างรถ ก่อนจะพูดเบา ๆ ว่า “ฉันควรถือเอกสารหย่าไปฟาดที่หน้าของเขาอย่างนั้นเหรอ?”
“นั่นไม่ใช่เหรอ…..ทำไม่ได้?” ถ้าหากเธอทำแบบนั้นจริง เขาก็คงยืนอยู่ข้าง ๆ คอยให้กำลังใจเธอ
“ฉันสามารถทำได้นะ แต่ว่าตอนนี้ฉันไม่อยากจะเจอหน้าเขา!” มีเหตุผลอะไรที่ต้องเจอเขากัน?
เพราะไม่มีประโยชน์อะไร เรื่องระหว่างพวกเขาตอนนี้มันได้จบกันไปแล้ว
ฉีหย่วนหยางเหลือบมองเธอผ่านกระจกมองหลัง อาจเป็นเพราะว่าเจ็บลึกที่หนักหนาเลยทำให้ไม่อยากจะเจอหน้ากัน แล้วเป็นไปได้ไหมที่ตอนได้เจอหน้ากันอาจจะรู้สึกอ่อนไหวขึ้นมา?
“เธอไม่กลัวเหรอว่าที่เธอเป็นอยู่ตอนนี้อาจจะเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด?” ถึงแม้ว่าเขาในตอนนี้จะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจิ่งเป่ยเฉินไปทำอะไรให้เธอโกรธขนาดนี้ก็ตาม
แต่ถ้าหากรีบออกนอกประเทศไปเมื่อไหร่ ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าหัวใจของเขานั้นยังมีเธออยู่
การทดสอบความเป็นพ่อคนจะมีอะไรผิดพลาดได้อีก?
แล้วเด็กผู้หญิงที่ชื่อเสี่ยวอวี๋ที่มาโผล่ต่อหน้าเธอตอนนั้น สิ่งที่เธอเห็นคงไม่ใช่ภาพลวงตาหรอกใช่ไหม
เธอสามารถบอกตัวเองได้หรอกว่าอะไรคือเรื่องจริง อะไรคือเรื่องเท็จ
“ไม่มีทางเข้าใจผิดแน่!” เธอถอนสายตาออกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหลับตาลง ตั้งแต่แรกทำไมพวกเขาถึงออกห่างกันแบบนี้ได้?
หลังจากกลับไปถึงวิลล่าที่ยอดเขา เธอก็เอาแต่ยืนอยู่ตรงระเบียงและมองไปยังเทือกเขาที่ทอดตัวยาวออกไป จู่ ๆ เธอก็หวนคิดว่าเพราะอะไรทำไมเธอถึงไม่กล้าที่จะเจอหน้ากับจิ่งเป่ยเฉิน?
คนที่นอกใจไม่ใช่เธอสักหน่อย ควรจะเป็นเขามากกว่าที่ไม่กล้าเจอหน้าเธอ!
เมื่อเธอยืนตั้งแต่พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าจนถึงช่วงค่ำ ฉีหย่วนหยางก็ได้เรียกเธอให้ไปกินข้าว เธอจึงกลับมาได้สติอีกครั้ง และพรุ่งนี้คงต้องเริ่มคิดว่าจะไปที่ไหนดี ถ้าหากพวกเขาออกจากที่แห่งนี้ไป เห็นทีต้องเริ่มวางแผนให้ดี ๆ ซะแล้ว
ระหว่างมื้ออาหาร ฉีหย่วนหยางมองเธอผ่านแก้วไวน์ในมือ ก่อนจะค่อย ๆ พูดอย่างเป็นกันเองว่า “เธอคิดจะไปที่ไหนละก็ อย่าไปบอกว่าฉันมีส่วนเกี่ยวข้องเชียวนะ ไม่อย่างนั้นถ้าหากจิ่งเป่ยเฉินจับได้ละก็ ฉันคงทนทุกข์ทรมานไม่ไหวแน่ ๆ มีหวังได้ถูกจับก่อนเธอด้วยซ้ำ!”
“ขอบคุณที่เตือนละกัน”
“เตือนอะไรกัน เธอจะไม่พูดจริง ๆ ใช่ไหม? ฉันจะได้ส่งเธอออกไป แต่ตอนนี้เธอยังไม่บอกแม้กระทั่งจุดหมายปลายทาง! นี่ยังไว้หน้ากันอยู่บ้างไหม ยังเห็นฉันเป็นเพื่อนเธออยู่หรือเปล่า?” ฉีหย่วนหยางจิบไวน์แล้วพูดออกมาด้วยท่าทางเกียจคร้าน
อันโหรวมองไปที่ดวงตาของเขาที่สะท้อนกับแสงไฟในห้อง มันดูคล้ายรอยยิ้มอยู่เล็กน้อย
“ไม่หรอก” ความสัมพันธ์ของพวกเขาในอดีตเป็นแค่ลูกน้องกับเจ้านายไม่ใช่หรือไง?
“เธอทำฉันเสียใจนะเนี่ย ฉันคงต้องพิจารณาหน่อยแล้วสิว่าฉันควรส่งเธอออกไปจริง ๆ ไหม ฉันไม่ช่วยอะไรที่ไม่ได้ผลประโยชน์หรอกนะ”
“นายต้องการเงินงั้นเหรอ?” อันโหรวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ตอนนี้เธออาจจะมีเงินเก็บออมไว้ไม่พอแน่ ๆ
“เงินมีเยอะแล้ว เอาไว้รอฉันคิดได้จะถามเธออีกทีละกัน แต่ตอนนี้เธอเป็นหนี้ฉันแล้วนะ” ฉีหย่วนหยางวางแก้วไวน์ในมือลง ก่อนจะหยิบมีดและส้อมมากินอาหารต่อ
“ได้”
อีกด้านหนึ่ง จิ่งเป่ยเฉินกำลังกินข้าวกับหยางหยางและหน่วนหน่วน ก่อนหน้านั้นพวกเขาเคยอยู่ที่ต่างประเทศ วันนี้เมื่อกลับมาพวกเขาก็อยากจะกินอาหารบ้านเกิดกัน
ที่โต๊ะอาหารมีคนน้อยลงไปหนึ่งคน ทำให้ความอยากอาหารที่มีนั้นน้อยลงเสียจนไม่อยากจะกินข้าวอีกต่อไป
แต่ทว่าหยางหยางกับหน่วนหน่วนก็กินเก่งกันได้ไม่เลว เด็ก ๆ สมัยนี้วัยกำลังโต ควรกินเยอะ ๆ นั้นถูกแล้ว
แต่เมื่อไม่มีโหรวโหรวอยู่ที่นี่ พวกเขาไม่รู้สึกเศร้าใจกันบ้างเลยเหรอ?
ไม่เศร้า ไม่เจ็บปวดเลย?
แต่เมื่อมองดูท่าทีของหน่วนหน่วนแล้วก็ดูมีความสุขดี
“หน่วนหน่วน มีความสุขอะไรงั้นเหรอ?” เขาวางตะเกียบในมือลง ก่อนจะมองไปทางพวกเขา
หน่วนหน่วนมองไปที่พี่ชายของตัวเอง เมื่อกี้ท่าทีของเธอดูมีความสุขมากขนาดนั้นเลยเหรอ?
แต่เมื่อเธอคิดถึงวันนี้ที่ได้เจอแม่จ๋า หลังจากนั้นก็คิดว่าจะได้อยู่กับแม่จ๋า หัวใจเธอก็เลยมีความสุขมาก ถึงแม้ว่าแม่จ๋าจะบอกว่าพวกเขาจะไม่ได้สามารถอยู่กับพ่อจ๋าได้ก็ตาม
แม่จ๋าและพ่อจ๋า การเลือกระหว่างทั้งสองคน แน่นอนยังไงก็ต้องเลือกแม่จ๋าอยู่ดี
“วันนี้ในที่สุดพ่อจ๋าก็กลับมา หน่วนหน่วนมีความสุขมากเลยค่ะ!” เธอไม่ได้พูดเกี่ยวกับเรื่องของแม่ เธอไม่กล้าพูดออกไป เพราะนี่คือความลับของพวกเขา
“อืม” เขากลับมาแล้ว แต่โหรวโหรวนั้นยังไม่กลับมา
เขายังคงตามหาเธออยู่
จิ่งเป่ยเฉินไม่ได้หยิบตะเกียบขึ้นมากินต่อ สายตาที่เย็นชาของเขายังคงจับจ้องมองไปที่พวกเขา ไม่กี่วันก่อนไม่ได้เจอหน้า พวกเขาควรจะมีความสุขก็จริงอยู่ แต่จากเหตุการณ์และอะไรหลาย ๆ อย่าง ความสุขพวกนี้มันไม่ง่าย
หลายวันมานี้พวกเขาควรจะวิตกกังวลกันมากกว่า เพราะทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าอะไรก็ล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกับโหรวโหรว
โหรวโหรวโกรธเขาอยู่ และคงไม่มีทางที่จะโกรธหยางหยางกับหน่วนหน่วนแน่ เธอไม่คิดอยากจะเจอพวกเขาเลยเหรอ หรือว่าตัวเธอไม่อยากเจอหยางหยางกับหน่วนหน่วนแล้ว
ทำไมเขาไม่คิดถึงเรื่องนี้เลยสักนิด
วันรุ่งขึ้นจิ่งเป่ยเฉินอาสาไปส่งหยางหยางกับหน่วนหน่วนที่โรงเรียน หลังจากส่งพวกเขาไปที่ห้องเรียนแล้ว เขาก็ไปที่ห้องบันทึกภาพกล้องวงจรปิดทันที
ด้วยคำสั่งที่เขามี ทุกการเฝ้าระวังของโรงเรียนอนุบาลก็ได้ถูกเปิดภาพออกมา
จิ่งเป่ยเฉินมองไปยังภาพหน้าจอที่ถูกเปิดอยู่ตรงหน้า ก่อนจะพูดอย่างเย็นชาว่า “ซูมเข้าไปเร็ว!”
“ครับ!”
ภาพตรงหน้าค่อย ๆ ถูกเลื่อนและซูมเข้าไป ไม่ช้าก็ได้เห็นว่าช่วงเวลาก่อนเลิกเรียน มีผู้หญิงที่สวมชุดคนรับใช้ปรากฏตัวขึ้น ใบหน้าของเธอมีจุดแต้มเต็มไปหมด มีผ้าคลุมสีฟ้าคลุมหัวเอาไว้ด้วย
อันโหรว!
เขาคุ้นเคยกับท่าทางของเธออยู่แล้ว ถึงแม้ว่าเธอจะแต่งตัวแบบไหนก็ตาม แต่การเคลื่อนไหวเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ ไม่มีทางที่จะหลอกเขาได้หรอก
คนที่อยู่ในห้องวงจรปิดเริ่มสัมผัสได้ถึงอารมณ์ของจิ่งเป่ยเฉินที่เปลี่ยนไป อุณภูมิภายในห้องเริ่มรู้สึกคล้ายกับลดลงไปหลายองศา ราวกับว่าสามารถสัมผัสได้ถึงความเย็นเฉียบที่แผ่ออกมา
ตอนแรกพวกเขามองไปที่ภาพผู้หญิงที่อยู่ในกล้องวงจรปิดด้วยความไม่เข้าใจ แต่ดูแบบนี้แล้ว ผู้หญิงคนนี้คงจะเกี่ยวข้องกับเขาแน่ ๆ หรือว่าจะเป็นผู้หญิงที่หนีไปจากงานแต่งของประธานจิ่ง? เขาจึงรู้สึกโกรธเคืองแบบนี้?
ตอนนี้ไม่ชื่นชอบผู้หญิงสวย ๆ แล้วงั้นเหรอ? เขาชอบผู้หญิงที่ขี้เหร่แบบนี้ตั้งแต่ตอนไหนกัน?
เธอที่เพิ่งเปลี่ยนชุดและเปลี่ยนท่าทางกลับกล้าปรากฏตัวขึ้นที่นี่ เธอคิดเหรอว่าจะสามารถหลบหนีรอดจากเงื้อมมือของเขาไปได้
ได้ ในเมื่อคิดอยากจะเจอกับหยางหยางและหน่วนหน่วนแบบนี้ ก็แค่ให้เธอเห็นก็พอแล้ว
จู่ ๆ อุณภูมิภายในห้องวงจรปิดก็กลับมาเป็นปกติ จิ่งเป่ยเฉินดูคล้ายราวกับอารมณ์ดีขึ้นมาเมื่อออกไปจากห้องวงจรปิด พวกเขาถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เมื่อครู่ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากพูดแทรกท่านจักรพรรดิผู้นั้นเลยจริง ๆ
……
ที่บริษัทถังมีเดีย จำกัด
ถังซั่วกำลังจ้องคอมพิวเตอร์ที่อยู่ตรงหน้า สิ่งที่เขากำลังดูอยู่คือกล้องวงจรปิดจากโรงเรียนอนุบาลสายรุ้ง มีผู้หญิงที่ปลอมตัวมา เธอดูคล้ายกับอันโหรวมาก
จากคำบอกเล่าของคนที่อยู่ในห้องวงจรปิด เมื่อจิ่งเป่ยเฉินเห็นเธอ จู่ ๆ อุณภูมิภายในห้องก็ลดลง ทั่วทั้งตัวเขาราวกับเย็นขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ นี่ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าตัวตนของเธอนั้นเป็นใคร
พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมจู่ ๆ เธอถึงได้หนีออกไปแบบนั้น มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?
ภายในห้องทำงาน จู่ ๆ ประตูก็ถูกเปิดออก เขาจึงพูดขึ้นเบา ๆ “ปล่อยเข้ามาสิ”
“พี่ ฉันเอง!” ถังซือเถียนเดินเข้ามาด้วยท่าทีที่เงียบ ๆ ก่อนจะปิดประตูทำงาน ใบหน้าของเธอทำท่าทางลึกลับแปลก ๆ
ถังซั่วได้ยินเสียงของเธอก็เงยหน้าขึ้นไปมอง “ไม่ใช่ว่าให้เธอไปเรียนที่ต่างประเทศแล้วเหรอ? ทำไมจู่ ๆ ถึงกลับมา?”
ย้อนกลับไปปีนั้น ตอนนั้นเขาส่งเธอไปเรียนต่อที่ต่างประเทศโดยตั้งใจ ถึงแม้ว่าตัวเขาจะชอบอันโหรว แต่เขาก็ไม่คิดอยากจะขโมยผู้หญิงจากพี่น้องของตัวเอง อีกอย่างการที่พวกเขาตัดสินใจว่าจะอยู่ด้วยกันแบบนี้ ทางที่ดีไม่ควรปล่อยให้ถังซือเถียนไปรบกวนพวกเขาน่าจะเป็นการดีที่สุด แต่ก็ไม่คิดว่าถังซือเถียนจะคิดเหมือนกัน ถ้าหากว่าเธอไปกวนจนทำให้จิ่งเป่ยเฉินโกรธขึ้นมา ผลที่ตามมาในภายหลังเธอคงรับมันไม่ไหวแน่ ๆ
“พี่ สถานการณ์ตอนนี้เป็นช่วงเวลาเหมาะสมที่ฉันจะกลับมา! อันโหรวหนีออกจากงานแต่งงาน พี่เฉินไม่ได้อยู่คนเดียวนะ! ฉันกลับมาแล้ว เขาเองก็ไม่รู้ว่าคนอื่นจะยังต้องการอะไรจากเขาอีก เมื่อคิดถึงจุดนี้ พี่คะ ครั้งนี้พี่จะไม่สนใจไม่ได้นะ ฉันทำเพื่อความสุขอีกครึ่งชีวิตของฉัน!” ถังซือเถียนเดินไปที่ด้านหน้าของถังซั่วพลางมองเขาด้วยสายตาจริงจัง “พี่คะ พี่ต้องช่วยฉันนะ โอกาสครั้งเดียวในชีวิต!”
“ช่วยอะไร?” เธอควรจะขอบคุณสวรรค์ด้วยซ้ำที่ไม่ได้ทำให้เธอต้องวุ่นวายแบบนั้น ถึงแม้ว่าเธอจะวิ่งกลับมาพูดจาเหลวไหลแบบนี้ก็ตาม