อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 381 ตายใจ
ตอนที่ 381 ตายใจ
“เธอรู้หรือเปล่าว่าเขาจะไปเข้าร่วมงานเลี้ยงอะไร?” เขาเดินเข้าไปหาเธออย่างช้า ๆ พลางมองเธอที่กำลังเอนหลังพิงเก้าอี้และขมวดคิ้วอยู่
“ไม่รู้ แล้วก็ไม่ได้อยากรู้ด้วย” เธอค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมามองไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ดำสนิท “ขอเพียงเขาไม่อยู่ก็พอ”
“เธอคิดอย่างนั้นจริง ๆ เหรอ?” เขาไม่อยู่ยิ่งควรกังวลมากกว่าไหม?
เพราะจิ่งเป่ยเฉินเจตนาแบบนั้น เขามีลางสังหรณ์
จิ่งเป่ยเฉินทำแบบนั้นเพื่อให้เธอตายใจและปรากฏตัวขึ้นเท่านั้นเอง
เธอฉลาดมาตลอด พบเจอเรื่องเกี่ยวกับตระกูลอันและเรื่องของจิ่งเป่ยเฉินทำให้เธอเริ่มรู้สึกสับสนเล็กน้อย
“ฉันจะไปคนเดียว” เธอไม่อยากทำให้เขาลำบาก ไม่ว่าจิ่งเป่ยเฉินจะปรากฏตัวหรือไม่ก็ตาม
“เธอคิดว่าฉันจะสบายใจและปล่อยให้เธอไปคนเดียวงั้นเหรอ?” ฉีหย่วนหยางเดินไปหยุดอยู่ที่โต๊ะคอมพิวเตอร์พลางก้มลงมองเธอ “ตอนนี้ฉันไม่เป็นอะไร”
“ฉันรู้ว่าไม่เป็นอะไร เพราะงั้นบิ๊กบอสฉีต่อจากนี้ไม่ต้องเป็นห่วง เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องกับนาย นายอยู่ที่นี่แล้วฉันจะไปเอง” เธอยืนกรานจะไปคนเดียว ฉีหย่วนหยางเพิ่งจะกลับมา ถ้าหากจิ่งเป่ยเฉินจับได้ขึ้นมาคงไม่ใช่เรื่องดีแน่
แม้ว่าบางคนจะดูเลินเล่อไม่สนใจแบบนั้น
ฉีหย่วนหยางห้ามความดื้อรั้นของเธอไม่ได้ จึงทำได้เพียงประนีประนอม
ในตอนบ่ายเธอแต่งหน้าแบบเดียวกับใบหน้าที่สวยงาม แต่ว่าครั้งนี้ไม่ได้เหมือนครั้งก่อน สีหน้าที่ซีดเซียวถูกแต้มจุดไฝสีดำที่ปลายจมูก ดูแล้วไม่เหมือนว่าจงใจแต่งหน้าปลอมตัวมากเกินไป
ฉีหย่วนหยางได้เตรียมแผนการเอาไว้ทั้งหมด ทันทีที่ขับรถออกไป เธอยังคงยับยั้งความอยากรู้อยากเห็นในใจไม่ได้ จึงถามเขาว่าในคืนนี้จิ่งเป่ยเฉินไปเข้าร่วมงานเลี้ยงอะไร
งานเลี้ยงวันเกิดของพ่อของเขา มันต้องครึกครื้นอย่างแน่นอน จิ่งเป่ยเฉินคงไม่ได้ออกมาแสดงตัวในงานเลี้ยงหรอก และเขาคงไม่ได้ออกจากงานเลี้ยงด้วย
เธอขับรถลงเขาเพียงลำพังพลางเปิดกระจกรถลง สายลมที่หนาวเย็นพัดผ่านใบหน้าของเธอ ไม่คิดเลยว่าจะสบายขนาดนี้
ฉีหย่วนหยางถือแก้วไวน์ในมือพลางยืนอยู่ที่ระเบียง มองรถสีดำธรรมดา ๆ คันนั้นที่ขับออกไป แสงไฟค่อย ๆ เลือนหายออกไปจากสายตาของเขา
ทันใดนั้นเขาก็คิดว่าอันโหรวไปแบบนี้ เธอจะไม่ได้กลับมาอีก
เขาเงยหน้าดื่มไวน์ก็พบว่าไวน์ในแก้วนั้นหมดแล้ว เหลือเพียงก้อนน้ำแข็งเพียงสองสามก้อนเล็ก ๆ
เขาทอดสายตามองออกไปไกล ๆ ก่อนจะหันตัวกลับเข้าห้อง
……
อันโหรวขับรถออกไปหาโอวหยางลี่อย่างราบรื่น เขายังคงยิ้มแบบจอมปลอม เขาสวมใส่เสื้อบอลและผมของเขาถูกโกนเรียบ เมื่อเห็นเธอก็กระตุกมุมปากเล็กน้อย “เธอกลับมาแล้วงั้นเหรอ?”
เธอไม่ได้หายไปจากเมือง A ตั้งแต่แรก เพียงแค่อยู่ในสถานที่ที่ไกลแสนไกลเท่านั้น
“นายยอมถูกจับอย่างเต็มใจงั้นเหรอ?” เธอนั่งลงตรงข้ามเขาโดยมีกระจกกั้นเอาไว้
“ไม่เต็มใจ ไม่ได้เต็มใจเลยสักนิด แต่ว่าไม่มีหนทางอื่น……” ตอนนี้เขาอยากรู้ว่าทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้
ตอนนี้เป็นตอนกลางคืน ไม่ใช่เวลามาเยี่ยมคนในเรือนจำด้วยซ้ำ
หรือว่าเพราะจิ่งเป่ยเฉินวางแผนมาให้แล้ว พวกเขากลับมาคืนดีกันแล้วงั้นเหรอ?
แต่เมื่อตอนเช้า ข้างเขาไม่มีเธออยู่!
เธอคงไม่ได้หลับหูหลับตามาหรอก ในการสัมภาษณ์ประโยคสุดท้ายที่โอวหยางลี่พูดคือขอโทษตระกูลอันและขอโทษเธอ
เพราะงั้นเธอเลยมา
เพียงแค่อยากรู้ความจริง ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้
ไม่ได้อยากจะมาเจอหน้าเขา เมื่อนึกถึงครั้งก่อนที่เขากักขังเธอ หนำซ้ำยังเกือบจะขืนใจเธอ เรื่องนั้นเธอจำมันได้อย่างแม่นยำ
“ในตอนนั้น….”
“โหรวโหรว อย่าพูดอะไรเกี่ยวกับปีนั้นเลย เรื่องของปีนั้นมันผ่านไปแล้ว เธอควรจะมองไปข้างหน้าไม่ใช่เหรอ?” โอวหยางลี่หัวเราะและมองเธออย่างเสแสร้ง เธอรู้ว่าเขากำลังปั่นหัว ไม่คิดว่าจะวิ่งไปเร็วแบบนี้
“นายพูดก็ถูก ควรจะมองไปข้างหน้า แต่ว่าไม่ได้หมายความว่าจะลืมเรื่องในอดีตที่ผ่านมาได้!”
บริษัทตระกูลอันเป็นของโอวหยางกรุ๊ปอยู่แล้ว ไม่มีทางแยกออกจากกัน เธอไม่มีทางรู้ความจริงในปีนั้น หรือว่าหากพูดความจริงไป เธอคงจะเจ็บปวดจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ ความจริงแบบนั้นยังอยากจะรู้อยู่ไหม?”
เจ็บปวดจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ?
ตอนนี้เธอก็เจ็บปวดจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว ยังมีอะไรที่เจ็บปวดมากกว่านี้อีกงั้นเหรอ?
หัวใจของเธอเหมือนถูกมีดทิ่มแทงมาหลายครั้ง ตอนนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกันหรอก
“เกี่ยวข้องกับ……จิ่งเป่ยเฉิน?” เธอรู้ว่าตอนที่พูดออกมา น้ำเสียงของเธอนั้นสั่นแค่ไหน
ไม่อยากเจอแต่หัวใจของเธอก็ยังมีเขาอยู่ เพราะมีเขาอยู่ดังนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นจึงทำให้เธอนั้นโกรธมากขึ้นไปอีก
“โหรวโหรว ถ้าหากว่าไม่ใช่ จนถึงตอนนี้เธอก็ไม่มีแม้แต่เบาะแสเลยเหรอ?”
“ใครบอกว่าไม่มี!”
มีเบาะแส แต่ว่าเบาะแสนั้นแม้แต่ตัวเองก็ยังสงสัย
“โหรวโหรว เธอโกหกฉันก็ไม่เป็นไร แต่โกหกแม้กระทั่งตัวเองเนี่ยนะ? เธอต้องคิดพิจารณาดี ๆ ว่าสุดท้ายแล้วเพราะอะไร” ไม่ได้ให้เธอกลับไปคิดเอง เธออาจจะคิดจินตนาการได้น่ากลัวกว่าที่เขาพูด
ทันใดนั้นผู้หญิงที่สวมชุดผู้คุมขังก็เดินเข้ามาด้านข้างอันโหรว “คุณควรไปได้แล้ว!”
“ฉันยังพูดไม่จบเลยนะ!” เธอยังไม่ทันจะได้ถามอะไร ทำไมถึงให้ออกไปเร็วขนาดนี้?
ด้วยพละกำลังมหาศาล อันโหรวถูกเธอลากตัวออกไปอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อเดินเข้ามาอีกห้องด้านข้าง ผู้หญิงคนนั้นที่สวมชุดผู้คุมขังก็เดินมาจากไหนไม่รู้ “เปลี่ยนเสื้อ! เร็วเข้า! ฉันเป็นคนของฉีหย่วนหยาง!”
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่ก้าวมาจากด้านนอก อันโหรวก็รีบเปลี่ยนเป็นชุดผู้คุมขังทันที ดูเหมือนว่าจิ่งเป่ยเฉินจะมาที่นี่ ฉีหย่วนหยางคิดแผนการได้รอบคอบจริง ๆ
แม้ว่าใบหน้าของเธอจะแต่งหน้าปลอมตัว แต่จิ่งเป่ยเฉินก็อาจจะสังเกตได้
เธอใส่ชุดผู้คุมขังนั้น แต่ถ้าหากทิ้งเสื้อผ้าที่เปลี่ยนไว้จะต้องถูกจับได้อย่างแน่นอน
พวกเขาสลับเปลี่ยนเสื้อกันก่อนออกไป อันโหรวยืดตัวตรงเดินตามเธอออกไป
ทันใดนั้นฝีเท้าของทั้งสองก็หยุดลงพร้อมก้มศีรษะลงมาชิดผนัง เสียงฝีเท้าที่หยุดนิ่ง
อันโหรวหายใจอย่างระมัดระวัง ไม่แม้แต่จะกล้าขยับตัว เธอกลัวว่าตัวเองจะสบตากับจิ่งเป่ยเฉินอย่างไม่รู้ตัว
ลมหายใจนั้นค่อย ๆ เข้ามาใกล้อย่างคุ้นเคย เพราะเธอก้มศีรษะอยู่ เธอจึงทำได้เพียงมองรองเท้าหนังสีดำของเขา ขาเรียวยาวทั้งสองข้างก้าวไปอย่างกระตือรือร้น
เธอถึงได้รู้ว่าคนที่อยู่ด้านนอกเมื่อครู่นั้นคือหน่วยก่อนหน้านี้ และจิ่งเป่ยเฉินเพิ่งมาถึง
ลมหายใจที่เย็นเฉียบเข้ามาใกล้จนแทบจะหายใจไม่ออก ชัดเจนว่าเขาเป็นคนที่นอกใจและมีลูกกับผู้หญิงคนอื่น ทำไมเธอถึงต้องมาระมัดระวังตัวแบบนี้กัน
จู่ ๆ เธอก็รู้สึกว่ามีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องมาที่ตัวเธอ เธอประหม่าจนแทบจะหายใจไม่ออก
จิ่งเป่ยเฉินไม่ได้เหล่มองเธอเลย เขารู้ว่าอันโหรวจะกลับมา เขากลัวว่าจะมาช้าเกินไป กลัวเธอหายไปและไม่ได้เจอเธออีก
แต่ว่าฉีเซิ่งเทียนที่อยู่ข้างจิ่งเป่ยเฉินมองเธอ ผู้หญิงทั้งสองก้มหน้าทั้งคู่ เขาเพียงแค่เหลือบสายตามองโดยไม่ได้คิดอะไร ก่อนจะเดินตามจิ่งเป่ยเฉินเข้าไปด้านใน
หลังจากที่พวกเขาเดินออกไปทั้งสองก็ออกมาด้านนอกอย่างไม่โจ่งแจ้งนัก ฝีเท้าของทั้งสองก้าวไม่เร็วมาก เพราะถ้าหากเร็วกว่านี้อาจจะถูกสงสัยเอาได้
แต่ทันทีที่เดินมาถึงหน้าประตู อันโหรวก็ต้องตกใจเมื่อเห็นสถานการณ์ด้านนอก
กล้องวงจรปิดด้านนอกจับภาพรถคันสีดำได้ บอดี้การ์ดสวมใส่ชุดสีดำยืนอยู่ทั้งสี่มุมของรถ ทุกคนยืนเฝ้าอยู่ด้วยท่าทางเคร่งขรึมท่ามกลางลมหนาว ไม่เพียงแค่นี้ยังมีเฮลิคอปเตอร์หลายลำที่บินลอยต่ำอยู่เหนือหัวพวกเขา
ส่วนโดรนก็บินอยู่เหนือบริเวณเรือนจำเป็นครั้งคราว
เธอเชื่อเลยว่าทั้งเรือนจำนี้ได้ถูกล้อมเอาไว้หมดแล้ว แม้แต่ยุงที่น่าสงสัยก็ไม่สามารถบินออกไปได้ นับประสาอะไรกับเธอที่ยังมีชีวิตอยู่แบบนี้