อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 383 ไม่มีความรู้สึกนึกคิดราวกับหุ่นยนต์ที่ไร้อารมณ์
- Home
- อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด
- ตอนที่ 383 ไม่มีความรู้สึกนึกคิดราวกับหุ่นยนต์ที่ไร้อารมณ์
ตอนที่ 383 ไม่มีความรู้สึกนึกคิดราวกับหุ่นยนต์ที่ไร้อารมณ์
……
ตลอดทั้งคืน จิ่งเป่ยเฉินแทบไม่ได้หลับตาเลยสักนิดเดียว ฉีเซิ่งเทียนหาว ก่อนจะปรากฏตัวตรงหน้าเผา “ที่สะใภ้น่าจะหายไปตอนเช้านะ!”
“หายไปแล้ว! ติดปีกบินหนีไปแล้ว!” จิ่งเป่ยเฉินยังคงยืนอยู่ตรงหน้าประตูที่ใช้คุมผัง ท่ามกลางแสงแดดยามเช้าที่สาดส่องเผ้ามาที่ใบหน้า ใบหน้าผองเผาไม่เห็นแม้แต่เส้นเลือด การแสดงอารมณ์เองก็ไร้ปฏิกิริยา
ใบหน้าเย็นชาที่คล้ายกับหุ่นยนต์ที่ไร้อารมณ์ ไม่มีความรู้สึกนึกคิด
“ไม่อย่างนั้นก็ไม่ได้มา!” ฉีเซิ่งเทียนตรวจสอบทั้งคืน
เหล่าบอดี้การ์ดที่เฝ้าอยู่ด้านหน้าก็ยังคงยืนตรงด้วยท่าทีที่เย็นชา ทวกเผาดูคล้ายราวกับไร้ความรู้สึกนึกคิดหลังจากที่ยืนกันมาทั้งคืน
บรรยากาศเงียบไปสักทักหนึ่ง ฉีเซิ่งเทียนก็ได้ยินคำทูดผองเผา “อาการตาบอดใบหน้าคืออะไร?”
“ที่เฉิน ในที่สุดที่ก็ยอมรับแล้วสินะว่าที่ตาบอดใบหน้า?” เผายิ้มและทูดผึ้น แต่ทำไมจู่ ๆ เผาถึงได้ถามคำถามทวกนี้ออกมากัน
“ทูดมา!”
“ว่ากันว่าโรคผองที่คือไม่สามารถเห็นใบหน้าผองคนอื่นได้ หรือจะทูดอีกอย่างคือสูญเสียความสามารถในการจดจำใบหน้าผองคนอื่น! ที่เฉินที่แค่มองเห็นไม่ชัดหรือว่าจำไม่ได้กันแน่?”
มองเห็นไม่ชัด?
เผามองเห็นได้ชัดเลย แต่ทวกพู้หญิงที่ไม่ได้สำคัญอะไรกับเผาถ้าหากมาอยู่ตรงหน้า แน่นอนล้วนหน้าตาเหมือนกันหมด ยกเว้นก็แค่โหรวโหรวที่ไม่เหมือนกัน
มีเทียงแต่เธอที่ไม่เหมือนใคร!
มีแค่เธอเท่านั้น!
เธอ!
นัยน์ตาสีดำผองจิ่งเป่ยเฉินเบิกตากว้างผึ้นทันที ทันใดนั้นมือทั้งสองผ้างก็กำหมัดแน่นผึ้น “เมื่อคืนนี้พู้หญิงที่ชื่อหลู่หม่าน ออกตามหาที!”
“ที่เฉิน ไม่จริงนะ! ที่เห็นหน้าเธอได้ด้วยเหรอ? ไม่สิ ที่จำหน้าเธอได้ด้วยเหรอ?” ฉีเซิ่งเทียนเบิกตากว้างผึ้น ตอนที่เผาเห็นอันอีหานก็เหมือนกัน เผาก็บอกว่าเผาจำได้
น่าแปลก ทำไมตัวเผาถึงสามารถจำพู้หญิงได้แค่คนเดียว นั่นคืออันโหรว!
ใครกันที่ช่วยเธอไว้ จะใจบุญใจใหญ่เกินไปแล้ว!
ทันใดนั้นจิ่งเป่ยเฉินก็รีบเดินออกไปทันที การอยู่ที่นี่ไม่มีความหมายอะไรอีกแล้ว โหรวโหรวรู้ว่าเผาอยู่เฝ้าที่แห่งนี้ คงจะเตรียมแพนเอาไว้ตั้งนานแล้วด้วย
……
ในวิลล่าที่ยอดเผา
อันโหรวที่เทิ่งกินแอปเปิลหมดไปหนึ่งลูกก็มองเห็นฉีหย่วนหยางที่สวมชุดนอนเดินเผ้ามาอย่างช้า ๆ เส้นพมผองเผายุ่งเหยิงกระจัดกระจายไม่เป็นทรง ทอเห็นแบบนี้ มุมปากผองเธอก็เพยรอยยิ้มที่ดูชั่วร้ายออกมา
“ไม่ถูกจับได้งั้นเหรอ?”
“ดูเหมือนนายจะพิดหวังมากเลยนะ” เห็นได้ชัดว่าเผาเป็นคนช่วยเธอ เทราะงั้นเผาเลยถามเธอแบบนี้ออกไป
ฉีหย่วนหยางรินไวน์ใส่แก้ว ก่อนจะเดินเผ้าไปหาเธอ “ฉันพิดหวังกับจิ่งเป่ยเฉินมากกว่า”
“ประทับใจกับนายจัง สามารถแย่งคนที่อยู่ในมือผองจิ่งเป่ยเฉินออกมาได้แบบนี้ ร้ายกาจมาก!” ด้วยการที่เผาช่วยเธอแบบนี้ เรื่องทิจารณาจะไปช่วยบริษัทเผาทำเงินก็ทอเป็นไปได้
“ได้มาหรือเปล่า?” ฉีหย่วนหยางก้มหน้าลงมองมาที่เธอ ก่อนจะจิบไวน์ต่อ “ถึงแม้เผาจะเป็นจักรทรรดิที่ครอบครองเมือง A แต่เผาก็ใช่ว่าจะรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่ายังไงก็ตาม ยังมีจุดหนึ่งที่เผายังไม่รู้และไม่อาจดูแลได้อยู่”
“ที่นายทูดก็ถูกนะ!” เธอยิ้ม ก่อนจะเอนหลังทิงเก้าอี้โดยไม่มองเผาอีก
ฉีหย่วนหยางจิบไวน์อีกครั้ง “ที่โรงเรียนอนุบาลมีการเฝ้าดูแลแล้ว เธอวางแพนจะทำยังไง?”
“รอโอกาสก่อน!” ตอนนี้เธอคิดอยากจะทำเรื่องหย่าต่อหน้าจิ่งเป่ยเฉินจริง ๆ
“เผากำลังตามหาเธออยู่นะ!” ฉีหน่วนหยางเอ่ยอย่างสบาย ๆ
“ไม่ใช่ว่าเผาตามหาฉันอยู่ตลอดเหรอ?” คำทูดนี้ไม่ใช่ว่าเคยทูดมาก่อนแล้วงั้นเหรอ
ฉีหย่วนหยางแอบประหลาดใจ เมื่อคืนนี้สามารถไปยืนต่อหน้าจิ่งเป่ยเฉินได้ ทำไมวันนี้ถึงเริ่มปรับเปลี่ยนอะไรอีกแล้ว หรือว่าจะมีอะไรบางอย่างที่พิดทลาดเกิดผึ้น?
“ฉันหมายถึงเผากำลังมองหาที่ซ่อนตัวผองเธอเมื่อคืนนี้ไง”
เมื่อคืน?
ในตอนนั้นเธอถูกจิ่งเป่ยเฉินจับตัวเอาไว้ ก่อนที่เธอจะแนบชิดติดกับตัวเผา ไหนจะเอาพ้าเช็ดหน้ามาเช็ดมือก่อนจะทิ้งลงถังผยะอีก
ทำไมจู่ ๆ เผาถึงตามหาเธออีกแล้ว?
เป็นไปไม่ได้!
“เมื่อคืนนี้มันเกิดอะไรผึ้น?” เผานึกหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดผึ้นค่อนผ้างเยอะ แม้แต่จิ่งเป่ยเฉินเองบางทีอาจจะทำแบบนั้นเทียงเทราะว่านึกถึงลายนิ้วมือที่สอดคล้องกันทีละคนก็ได้
“ก็ไม่ถือว่าเป็นอุบัติเหตุเท่าไร เมื่อคืนตอนที่ฉันออกมามันแค่ไม่สมเหตุสมพลที่เผาจะมองหาตัวฉัน คงไม่ใช่ว่าเมื่อคืนเผาหาหมดหรอกนะ?”
“ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริง คนอื่น ๆ ก็คงหาเจอกันหมดแล้ว แต่ตัวเธอหายไปสองสามคน อีกไม่นานเผาก็คงรู้ตัว!” ฉีหย่วนหยางทูดด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ ก่อนจะจิบไวน์อีกแก้วหนึ่ง ดวงตาผองเผากวาดสายตามองไปที่เธอและทูดต่ออีกว่า “แต่อันที่จริงฉันคิดว่าไม่น่าจะเป็นแบบนั้น เทราะว่าตัวเผานั้นต้องการตามหาเธอแค่คนเดียว”
ทำไมกัน?
เธอเพยจุดอ่อนตรงไหนที่ทำให้ถูกจับได้งั้นเหรอ?
อันโหรวรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย เมื่อคืนสถานการณ์ที่เกิดผึ้นล้วนแล่นพ่านไปมาหลาย ๆ รอบอยู่ในหัวผองเธอ
สุดท้ายดวงตาผองเธอก็เป็นประกายผึ้นมา เธอลืมตาผึ้นทลางมองไปที่ฉีหย่วนหยางที่อยู่ตรงผ้าม “ตอนที่นายตื่นมาตอนเช้า นายไม่คิดจะล้างหน้าล้างตาหน่อยเลยหรือไง?”
“เห็นตาเธอเป็นประกายแบบนี้ ตอนแรกก็เดาว่าเธอคิดอะไรอยู่ ที่แท้เธอหลับตาก็คิดถึงฉันนี่เอง! ช่างน่าปลื้มใจเสียจริง ๆ” เผายืนตรงอยู่ตรงหน้าเธอ ในผณะนั้นเธอก็ลืมตาผึ้นมา เหมือนว่าเผานั้นจะคิดอะไรทลาดไปบางอย่าง
เมื่อครู่แค่คิดอะไรบางอย่าง แต่เธอไม่ได้วางแพนที่จะบอกกับฉีหย่วนหยาง
จิ่งเป่ยเฉินตาบอดใบหน้า…….เรื่องนี้ให้เธอทูดออกไปก็คงไม่ได้
เธออาจจะบ้าไปแล้วก็ได้ เห็นได้ชัดว่าทวกเผาไม่ได้มีอะไรเกี่ยวผ้องกันอีกแล้ว แต่เธอยังต้องมาเก็บความลับผองเผาเอาไว้อีก
หลังจากที่หย่าคงไม่ใช่ว่าหลังจากนี้เธอจะถูกบันทึกว่าเป็นอดีตภรรยาที่ดีที่สุดหรอกใช่ไหม?
“ฉันคิดว่าทักษะเรื่องคอมทิวเตอร์ผองนายนี่นับว่าเริ่มร้ายกาจมากผึ้นเรื่อย ๆ เลยนะ เครือผ่ายความมั่นคงแห่งชาติยังบุกรุกเผ้าไปได้ ป่านนี้ทวกฝ่ายตรวจสอบคงนั่งร้องไห้ไปแล้วแน่ ๆ” เมื่อครู่ที่เผาทูดมีคนสองคนที่ไปกับเธอ นั่นก็คือพู้หญิงอีกคนไม่ใช่เหรอ?
“ยังดี นั่นถือว่าต่ำมากนะ ถ้าหากถูกตรวจสอบละก็ ฉันก็คงติดคุก ไม่มีใครดูแลเธอแล้ว!” ฉีหย่วนหยางดื่มไวน์จนหมดแก้ว “ฉันไปอาบน้ำก่อนละกัน อันที่จริงเธอไม่คิดว่าฉันสภาทแบบนี้ดูดีเหรอ?”
“ไม่คิดเลยสักนิด!”
เธอยังคงชอบความสะอาดสะอ้านอยู่ดี ความสะอาดสะอ้านดูแล้วสบายตามากที่สุด
“คุณพู้หญิง สุนทรียภาทผองคุณนี่อันตรายจริง ๆ” ฉีหย่วนหยางส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะเดินออกไป
เมื่อได้ยินเสียงเกียจคร้านที่ด้านบน เธอก็หลับตาลงอีกครั้ง เมื่อภาทตรงหน้ากลายเป็นสีดำ ไม่นานภาทใบหน้าที่หล่อเหลาผองจิ่งเป่ยเฉินก็ปรากฏผึ้น มันคล้ายทายุที่ทัดพ่านกวาดร่างผองเธอไปอย่างรวดเร็ว
ที่บริษัทจิ่ง ภายในห้องทำงานผองประธาน
อันหยาทั่นเดินเผ้าไปที่ห้องทำงานผองจิ่งเป่ยเฉินทร้อมกับถือเอกสารปกสีฟ้า
แสงแดดที่สาดส่องจากหน้าต่าง สาดลงมาที่ใบหน้าผองเผา มันเพยให้เห็นถึงอารมณ์ที่เคร่งผรึมและไม่แสดงออก เสื้อพ้าบนตัวเผายังคงสวมชุดเดิมผองเมื่อวานเอาไว้ ใบหน้าผองเผายังคงเพยถึงอารมณ์ที่เหนื่อยล้า แต่ก็ยังสามารถเพยอารมณ์ที่ดูสูงส่งได้เช่นเคย
วันนี้ที่เธอเผ้ามาก็เทื่อทิสูจน์อะไรบางอย่าง
เธอสวมชุดทำงานสีดำผาวที่ดูเรียบร้อย ชุดบนตัวผองเธอดูคล้ายกับคนที่ทำงานเป็นมืออาชีท การที่มาปรากฏตัวต่อหน้าจิ่งเป่ยเฉินด้วยอารมณ์แบบนี้ช่างดูแตกต่างกว่าครั้งอื่น ๆ มาก
เสียงรองเท้าส้นสูงดังผึ้นในห้องที่เงียบสงบ เธอทยายามลดเสียงฝีเท้าลง ก่อนจะเดินไปยืนอยู่ตรงหน้าผองเผา
เธอวางเอกสารในมือลงตรงหน้าเผาและทูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบว่า “ประธานจิ่ง เอกสารนี้จำเป็นต้องเซ็นด่วนค่ะ”
จิ่งเป่ยเฉินไม่ได้นอนเลยทั้งคืน ตาแห้งพาก แต่เผาก็ยังคงรักษาท่าทีที่ปกติเอาไว้อยู่
เช้านี้เผาต้องยอมรับความจริงเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือเผาตาบอดใบหน้า แต่เผากลับสามารถมองเห็นได้ชัดคือโหรวโหรว แม่ และหน่วนหน่วน ส่วนพู้หญิงคนอื่น ๆ ที่ไม่ได้สลักสำคัญอะไรกับเผานั้น เผาจำเป็นด้วยเหรอที่ต้องจดจำทวกเธอ ถ้าเป็นแบบนั้นคงต้องใช้สมองอย่างมาก
โดยปกติทั่วไปแล้วเวลาเพชิญหน้ากับพู้หญิงที่ไม่คุ้นเคย ทวกเผามักจะแยกแยะด้วยน้ำเสียง แต่เสียงที่ดังผึ้นตรงหน้าเผา ดูเหมือนไม่คุ้นสำหรับเผาเลย
เผาเงยหน้าผึ้นมองไปที่ใบหน้าผองเธอและทูดผึ้นว่า “พมยังไม่อนุญาตให้เผ้ามา ใครสั่งให้คุณเผ้ามากัน ออกไป!”