อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 384 วันนี้เธอต้องได้รับคำตอบ
ตอนที่ 384 วันนี้เธอต้องได้รับคำตอบ
“ประธานจิ่ง เอกสารต้องเซ็นด่วนค่ะ” อันหยาพั่นพูดต่ออย่างใจเย็น
วันนี้เธอต้องหาคำตอบให้ได้ เมื่อครู่เสียงที่ดูดุดันของเขาไม่ได้บอกว่าเธอเป็นลูกน้องหรือเป็นตัวเธอกันแน่
แต่ก่อนหน้านั้นไม่นาน เธอก็เกือบถูกบีบคอจนตาย
จิ่งเป่ยเฉินกวาดสายตามองเอกสารอย่างเย็นชา ก่อนจะเลื่อนมือไปที่ด้านหน้า มือค่อย ๆ เปิดเอกสารตรงหน้าอย่างรวดเร็ว
เขามองดูแล้วก็แค่ต้องลงลายเซ็น แต่ก็ดูไม่ใช่เอกสารเร่งด่วนอะไร
เขาเหลือบมองเธออย่างเย็นชาและพูดว่า “ออกไป!”
“ประธานจิ่ง เสียเวลาคุณสักสองสามวินาทีและช่วยเซ็นให้ทีค่ะ! เดี๋ยวฉันจะไปเอาชาร้อน ๆ มาให้คุณเอง” เธอพูดจบก็เดินไปหยิบแก้วบนโต๊ะของจิ่งเป่ยเฉิน
จิ่งเป่ยเฉินมองดูท่าทีของเธอ ใบหน้าของเขาเผยอารมณ์ที่เย็นชาอีกครั้งหนึ่ง
ผู้หญิงคนนี้เป็นเลขาของเขาหรือไง?
ถ้าเป็นแบบนี้ก็ควรถูกไล่ออก!
เขาไม่สนใจอะไรเธอ ก่อนจะกดหมายเลขโทรศัพท์ภายในและพูดขึ้น “เข้ามา!”
หลินจือเซี๋ยวเดินเข้ามาจากด้านนอกด้วยความรวดเร็ว เมื่อเดินเข้ามาก็เห็นอันหยาพั่นกำลังเทน้ำร้อนใส่แก้วพลางมองประธานจิ่งด้วยสายตาที่อ่อนโยน
นี่มันสถานการณ์อะไรกันเนี่ย?
ลูกพี่ลูกน้องของโหรวโหรวกำลังเล่นลูกไม้อะไรกัน?
ไม่ใช่ว่ากำลังเข้าประตูหลังบ้านคนอื่นหรอกนะ?
โหรวโหรวเธอรีบกลับมาเร็ว ๆ เถอะ!
“เลขาหลิน ช่วยพาเธอออกไปที แล้วก็สั่งสอนเรื่องกฎและมารยาทด้วย!” จิ่งเป่ยเฉินเหลือบมองไปที่หลินจือเซี๋ยวสักพักหนึ่ง ก่อนจะก้มลงทำงานต่อ
ส่วนเอกสารที่อันหยาพั่นเพิ่งเอามาวางไว้ให้นั้นก็ถูกจิ่งเป่ยเฉินจับโยนไปอีกทางทันที โดยไม่สนใจแม้แต่จะมองมัน
เธอถูกเรียกให้มาสั่งสอนเรื่องกฎงั้นเหรอ?
“ค่ะ!”
หลินจือเซี๋ยวมองดูอันหยาพั่นและก็พูดขึ้นว่า “เชิญทางนี้ค่ะ คุณอัน!”
อันหยาพั่นมองหลินจือเซี๋ยวก่อนจะเดินตามไป ถึงแม้ว่าจิ่งเป่ยเฉินจะปล่อยให้เธอไป ทั้งยังไม่ได้ถามว่าเธอเป็นใคร แต่การแสดงออกนั้นก็พอจะคาดเดาเรื่องที่เธอคิดก่อนหน้านั้นได้
จิ่งเป่ยเฉินอาจจะจำใบหน้าของผู้คนไม่ได้
เธอเหลือบมองไปที่หลินจือเซี๋ยว ก่อนจะเห็นแผ่นป้ายประจำตัว รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอจึงค่อย ๆ ปรากฏขึ้น
แต่เดิมเธอไม่เคยคิดเลยว่าจิ่งเป่ยเฉินจะตาบอดใบหน้าแบบนี้ แล้วเขาไปรู้จักกับลูกพี่ลูกน้องของตนได้ยังไงกัน?
หรือว่าพวกเขามีอะไรบางอย่างที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะงั้นเหรอ มันคืออะไรกันแน่?
จู่ ๆ เธอก็รู้สึกเสียใจหน่อย ๆ ที่ก่อนหน้านั้นมีเวลาตั้งเยอะแต่กลับไม่ได้อยู่กับลูกพี่ลูกน้องให้ดี ๆ ไม่อย่างนั้นคงจะได้รู้เรื่องของพวกเขาสองคนมากกว่านี้แน่ ๆ และอาจจะรู้เบาะแสอะไรบางอย่างก็ได้
เช้าวันนั้นที่เธอไปที่บ้าน ก็เห็นว่าจิ่งเป่ยเฉินขอให้เธอช่วยชงชาให้ เธอก็แอบสงสัย คิดว่าเขาคงรู้สึกว่าตัวเองน่าจะชงชาได้ดี ที่แท้ก็มีความลับแบบนี้นี่เอง
ทั้งสองคนเดินออกมาจากห้องทำงานของจิ่งเป่ยเฉิน หลินจือเซี๋ยวมองดูเธอด้วยสีหน้าที่ปกติ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “คุณอัน ถ้าหากมีเอกสารอะไรที่ต้องเซ็นละก็ รบกวนครั้งหน้าช่วยส่งไปที่ห้องทำงานเลขานะคะ อย่าเข้ามาด้วยตัวเองแบบนี้ ประธานจิ่งไม่ชอบให้คนแปลกหน้าเข้าไปที่ห้องทำงานของเขาค่ะ”
“เลขาหลิน ดูเหมือนคุณจะพูดอะไรผิดไปอยู่นะ ฉันไม่ใช่คนแปลกหน้าเสียหน่อย อย่างน้อยประธานจิ่งก็เป็นพี่เขยของฉัน” ถึงแม้ว่าพวกเขาจะแต่งงานกันลับ ๆ แต่หลินจือเซี๋ยวก็รู้ดี และฉีเซิ่งเทียนเองก็ทราบเช่นกัน
ไม่มีใครในชั้นนี้กล้ามาขวางเธอหรอก
การเข้าประตูหลังง่าย ๆ แบบนี้เป็นความสามารถที่ดี!
ต้องยอมรับว่าเธอเลือกทางเข้าได้ดี
“ประธานจิ่งเห็นแก่หน้าของโหรวโหรวค่ะ เพราะงั้นครั้งนี้เลยไม่ได้อะไรกับคุณมาก ถ้าหากคุณไม่ใช่ลูกพี่ลูกน้องของโหรวโหรว ตอนนี้คุณคงถูกไล่ออกไปแล้ว!” หลินจือเซี๋ยวเอ่ยทบทวนความจำให้เธอ และหวังว่าเธอจะไม่ทำอะไรแบบนี้ที่บริษัทจิ่งอีก เพราะทุกอย่างนั้นคือของโหรวโหรว
ดีที่สุดถ้าหากไม่ไปยุ่งกับบิ๊กบอส บิ๊กบอสคือของโหรวโหรว ต่อให้ตอนนี้พวกเขามีเรื่องเข้าใจผิดกันก็ตาม แต่ความเข้าใจผิดนี้ก็สามารถทำให้เข้าใจกันได้
ตราบใดที่พวกเขาสามารถตามหาโหรวโหรวเจอ!
“เลขาหลิน คุณพูดกับฉันแบบนี้ พี่เขยรู้บ้างไหม? เมื่อครู่นี้เขาไม่ได้สั่งให้คุณพูดแบบนี้นี่” แค่เข้าไปในห้องทำงานของเขาถึงกับถูกไล่ออกเลยเหรอ จิ่งเป่ยเฉินเป็นคนไร้เหตุผลขนาดนั้นเลย?
ตอนนี้เมื่อคิดถึงก่อนหน้านั้นที่พวกเขาได้เจอกัน ปกติแล้วเธอมักจะเรียกเขาว่าพี่เขยเป็นประจำ
หรือเพราะการเรียกชื่อแบบนี้ที่ทำให้เขารู้ว่าเธอเป็นใคร?
ต้องเป็นแบบนั้นแน่ ๆ
“คุณเป็นผู้หญิง แยกแยะไม่ได้เหรอว่าอะไรควร อะไรไม่ควร? เซี๋ยวเซี๋ยวพูดแบบนั้นหมายถึงอะไร ตอนนี้คุณยังมาอยู่ที่นี่ ทั้งยังส่งเสียงร้องไปมาเพื่ออะไร? ไม่ทำงานงั้นเหรอ? ต่อให้คุณเป็นญาติของพี่สะใภ้ ซึ่งเรื่องนี้พวกเราก็ทราบกันดี แต่อย่าลืมว่าคุณเป็นพนักงานของบริษัทจิ่ง เพราะฉะนั้นตำแหน่งหน้าที่ในระดับของคุณนั้นไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะมาปรากฏตัวที่นี่ ออกไปซะ!” ฉีเซิ่งเทียนเดินเข้ามาที่ด้านหลังของหลินจือเซี๋ยว ใบหน้าที่ปกติมักจะยิ้ม ตอนนี้กลายเป็นเย็นชาและพูดออกมาโดยไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ
อันหยาพั่นมองหน้าของฉีเซิ่งเทียน ก่อนจะมองไปที่หลินจือเซี๋ยว ไม่นานเธอก็เข้าใจว่าทำไมฉีเซิ่งเทียนถึงได้ปกป้องหลินจือเซี๋ยวขนาดนี้
ตอนนี้เธอไม่อยากจะมาทะเลาะกับพวกเขา หลังจากนี้คงได้มีโอกาสจัดการปัญหานี้แน่
“ฉันขอตัวก่อนละกัน!” อันหยาพั่นหันหลังเดินเหยียดรองเท้าส้นสูงก้าวออกไปอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่อันหยาพั่นเดินออกไป จู่ ๆ หลินจือเซี๋ยวก็รู้สึกถึงน้ำหนักตรงไหล่ด้านซ้าย มันแทบจะทำให้เธอทรุดทันที “ผู้จัดการฉี คุณทำอะไร?”
“เซี๋ยวเซี๋ยว ฉันง่วงมากเลย! อยากนอน” ฉีเซิ่งเทียนเอาคางมาวางไว้ตรงไหล่ของเธอ ก่อนจะเอามือมาโอบที่เอวของเธอพร้อมกับทำท่าหาว ราวกับว่าตอนนี้เขามองเธอเป็นเก้าอี้
“คุณง่วงก็ไปนอนสิ ไม่เห็นจำเป็นต้องมากอดเกาะฉันเลย!” ทำไมพวกเขาถึงต้องมายืนทำอะไรแบบนี้ที่ห้องทำงานของบิ๊กบอสด้วยนะ
เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครั้งนั้นยังจำได้ชัดเจน เธอไม่คิดอยากจะถูกผลักไปชนกับกำแพงอีกแล้ว
“ฉันคิดอยากนอนกอดเธอไง เซี๋ยวเซี๋ยว ตอนนี้เธอไม่ว่างงั้นเหรอ?” ถึงแม้ว่าจะยุ่งแค่ไหน แต่การได้มาเกาะตัวเธอแบบนี้ การได้กลิ่นหอม ๆ จากตัวเธอแบบนี้ มันดีมากจริง ๆ
มันทั้งนุ่ม กอดแล้วรู้สึกสบายจริง ๆ
“ฉันยุ่งจะตายอยู่แล้ว!”
“ทุกวันเธอก็ชอบบอกว่ายุ่งจะตายทุกที แต่ทำไมไม่เห็นเธอจะตายสักที” ก็เห็นได้ชัดว่าเธอยังสบายดี
“ผู้จัดการฉี คนขี้เกียจแบบคุณจะเข้าใจอะไร” ตอนนี้เธอรู้สึกเจ็บปวดจะแย่อยู่แล้ว!
โหรวโหรวไม่อยู่ คนหายไปหนึ่งคน บิ๊กบอสตอนนี้ก็ไม่คิดจะหาเลขาคนอื่น มีหลายสิ่งหลายอย่างในบริษัทที่เกิดขึ้นค่อนข้างเยอะ แถมตอนนี้บิ๊กบอสเองก็ไม่ค่อยอยู่ประจำด้วย
มันเลยมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เธอต้องทำ!
เพราะตอนนี้พวกเขากำลังตามหาโหรวโหรว
“ผู้จัดการฉี คุณไม่เรี่ยวแรงแล้วงั้นเหรอ ตอนนี้ถึงได้ตามหาโหรวโหรวไม่เจอสักที!” ทันใดนั้นเธอก็พูดถึงโหรวโหรวขึ้นมา
มือที่จับเอวเธออยู่นั้นบีบแน่นขึ้นมาทันที เขากอดเอวเธอด้วยแรงทั้งหมด “เซี๋ยวเซี๋ยว พี่สาวตัวน้อยของเธอเจ้าเล่ห์เกินไปแล้วนะ”
“แน่นอนต้องฉลาดสิ” หลินจือเซี๋ยวพูดอย่างรู้ดี!
“แต่โชคดีที่เธอโง่นะ”
“……”
เมื่อไหร่กันที่เธอโง่?
เห็นได้ชัดว่าเธอฉลาดไม่ใช่เหรอ?
“ผู้จัดการฉี เอวของฉันจะหักอยู่แล้ว!” ถ้าหากเขาไม่ปล่อยเธอไปละก็ มีหวังได้เกิดขึ้นจริง ๆ แน่
ฉีเซิ่งเทียนค่อย ๆ คลายมือออก แต่เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น
“เมื่อคืนฉันนอนไม่หลับ จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้พักสายตาเลย” เขาหาวอีกครั้ง ก่อนจะพูดต่อว่า “ฉันนอนที่บริษัทไม่ได้ เธอพาฉันไปส่งที่บ้านทีสิ ฉันขับรถไม่ไหวแล้ว!”
“เดี๋ยวฉันจะช่วยเรียกคนขับรถให้”
“หลินจือเซี๋ยว เธอลองดูสิ” เขาพูดจบก็เข้าไปงับที่ติ่งหูของเธอเบา ๆ พลางผ่อนคลายเรี่ยวแรงมือที่จับอยู่ตรงเอวเธอออกเล็กน้อย ก่อนจะกระซิบว่า “ฉันต้องการให้เธอไปส่ง”
ตัวของเธอสั่นสะท้านเล็กน้อย ผู้ชายคนนี้จู่ ๆ ก็เปลี่ยนเป็นอะไรไปเนี่ย?
มากัดเธอแบบนี้เฉยเลย!
ตัวของเธอยืนแข็งทื่อ “ความจริงแล้ว คุณเข้าไปนอนในห้องทำงานก็ได้ไม่ใช่เหรอ คุณเองก็มีเตียงใหญ่ ๆ อยู่ในห้องของตัวเองนี่”
เขายิ้มอย่างเลศนัย สายตาที่มองเธออยู่นั้นจู่ ๆ ก็พลันเปลี่ยนไป “เซี๋ยวเซี๋ยว ดูเหมือนว่าเธอจะรู้จักห้องทำงานของฉันดีเลยนะ พูดความจริงเลยดีกว่า เธออยากได้เตียงของฉันมานานแล้วใช่หรือเปล่า?”
เธอแทบอยากจะเป็นบ้า เธออยากจะได้เตียงในห้องทำงานของเขาเมื่อไหร่กัน?