อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 388 เรื่องแบบนั้นเธออยากจะพูดอะไรกันแน่
ตอนที่ 388 เรื่องแบบนั้นเธออยากจะพูดอะไรกันแน่
“เขา…..บางทีอาจจะก็ได้!” เขามีครอบครัวของตัวเองที่ต้องกังวล แล้วยังต้องกังวลอีกด้วยว่าเธอจะทำอะไร!
“แม่จ๋า พวกเราหลังจากนี้จะไม่ได้เจอหน้าพ่อจ๋าแล้วเหรอคะ?” เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างหน่วนหน่วน หัวใจของเธอนั้นยังคงชอบพ่อของเธออยู่ เมื่อคิดว่าหลังจากนี้จะไม่มีโอกาสได้เจอหน้าเขาอีก หัวใจของเธอก็รู้สึกเจ็บปวด
ทันใดนั้นหัวใจของอันโหรวเองก็เจ็บปวดมากเช่นนั้น เรื่องแบบนั้นเธออยากจะพูดอะไรกันแน่!
เธอย่อตัวลง ก่อนจะมองไปที่ใบหน้าเล็ก ๆ ของพวกเขา “หยางหยาง หน่วนหน่วน แม่จ๋าเป็นผู้หญิงที่เห็นแก่ตัว แม่เป็นแม่ที่ใจเล็กนิดเดียว ใจเล็ก ๆ ที่มีแต่พวกลูกเท่านั้น มีเรื่องบางอย่างที่แม่จ๋าไม่สามารถบอกพวกลูกได้ แต่แม่ก็หวังว่าพวกลูกจะใช้ชีวิตกันอย่างความสุข”
ดังนั้นเธอจึงไม่คิดอยากจะอยู่กับจิ่งเป่ยเฉิน ผู้ชายที่มีผู้หญิงคนอื่นแบบนั้น เธอไม่มีทางยอมรับได้หรอก
“แม่จ๋า พวกเรารู้แล้ว การได้อยู่กับแม่ก็มีความสุขมากแล้วค่ะ!” หน่วนหน่วนตัวเล็ก ๆ มุดเข้ามาในอ้อมแขน ก่อนจะพูดด้วยเสียงหวาน “แม่จ๋า หอมจัง!”
อันโหรวไม่ได้กินข้าวกับพวกเขานานมากแล้ว เมื่อมองดูใบหน้าเล็ก ๆ ของพวกเขา เธอก็รู้สึกว่าอยากจะกินอาหารตรงหน้ามากจริง ๆ อีกทั้งคืนนั้นก็ได้นอนหลับกับพวกเขาด้วย
ที่บ้านพักในยอดเขาตอนนี้ทุกอย่างล้วนเงียบสงบ ทุกสิ่งทุกอย่างดูกลมกลืนกันไปหมด แต่ทว่าภายในเมือง A ราวกับกำลังจะพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินไปมา ในตอนนี้ที่ด้านนอกมีผู้คนที่สวมชุดสีดำมีตราตระกูลจิ่งเดินป้วนเปี้ยนซึ่งสามารถมองเห็นได้ทุกที ตรวจสอบรถทุกคนที่ขับผ่านไปมา
ชายชุดดำต่างก็เดินเตร็ดเตร่ตรวจรถตรงเส้นทางถนนทางหลวง ตลอดจนตามจุดที่มีไฟ มีบ้านผู้คนอาศัยเปิดไฟอยู่ไม่ไกลเท่าไรในตอนนี้ และกลุ่มคนอย่างพวกเขากำลังมุ่งหน้าตรงไปทางนั้น
จิ่งเป่ยเฉินเอนหลังพิงเบาะ ทั่วทั้งตัวเขาเผยลมหายใจที่เย็นชาออกมา นัยน์ตาสีดำดูคล้ายราวกับมองไปยังแสงไฟที่อยู่ด้านนอกสองสามดวง ดูแทบไม่เห็นอะไรเลย เหมือนกับไม่มีสิ่งใดที่เข้ามาอยู่ภายในสายตาของเขาได้
จนเวลาล่วงเลยไปถึงตีสอง บนท้องถนนตอนนี้เงียบมาก ไม่มีแม้แต่รถที่จะขับผ่านเลยสักคัน
มันเงียบและดูน่ากลัว บรรยากาศแบบนี้กับอากาศแบบนี้ว่าน่ากลัวแล้ว แต่อารมณ์และใบหน้าของจิ่งเป่ยเฉินนั้นน่ากลัวยิ่งกว่า มันดูเหมือนกับห่างเหินมาก ๆ
บิ๊กบอสกำลังจะกลายเป็นบ้าแล้วจริง ๆ
กึก กึก กึก
มีเสียงเคาะกระจกรถเป็นจังหวะ ใบหน้าที่เย็นชาและเฉยเมยของจิ่งเป่ยเฉินค่อย ๆ กวาดสายตามองไปที่ด้านนอก ก็ดูราวกับไม่มีอะไรเคลื่อนไหว
ถึงแม้นี่จะเป็นเดือนหก แต่ช่วงกลางคืนก็ยังมีลมเย็น ๆ พัดผ่านอยู่บ้าง อันหยาพั่นตอนนี้ยืนอยู่ที่ข้างรถ เธอสวมชุดเดรสกระโปรงลายดอกไม้ธรรมดา ลมหนาวที่พัดผ่านตัวเธอนั้นทำให้เส้นผมพลิ้วไหว เผยให้เห็นร่างเล็ก ๆ ที่ดูผอมเพรียวสั่นเล็กน้อย
จิ่งเป่ยเฉินยังไม่เปิดประตู แต่ทว่าประตูรถกลับไม่ได้ล็อก เมื่ออันหยาพั่นเอื้อมมือไปเปิดประตู เธอแค่จะลองดูสักเล็กน้อย แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจะเปิดได้จริง ๆ
“พี่เขย พี่อยากกินอะไรหน่อยไหม?” เธอรู้สึกว่าตั้งแต่ตอนเช้าเขาก็แทบไม่ได้กินอะไรเลย เธอเลยรู้สึกเศร้าแทน
“ไสหัวไป!” จิ่งเป่ยเฉินเผยใบหน้าที่เย็นชา น้ำเสียงที่ดังออกมาดูขุ่นเคืองเล็กน้อย
เขาเกือบจะแน่ใจแล้วว่าเป็นตัวเธอที่เข้ามาในห้องทำงานของเขาและเอาเส้นผมไป แต่ทว่าการเอาเส้นผมไปนั้นมีประโยชน์อะไรกันแน่?
เพื่อเช็กว่าหน่วนหน่วนกับเขาเป็นพ่อลูกกันจริง ๆ หรือเปล่างั้นเหรอ?
ผู้หญิงคนนี้น่าเบื่อเกินไปหรือเปล่า?
“พี่เขย ถ้าทำแบบนี้ต่อไปสุขภาพจะแย่เอาได้ ถ้าหากลูกพี่ลูกน้องของฉันเอาหยางหยางกับหน่วนหน่วนไป ตอนนี้พวกเขาก็คงสบายดี พี่ไม่ต้องกังวลหรอก ถ้าหากพี่สาวทิ้งพี่ไป พี่ก็ควรตั้งสติได้แล้วนะ!” เธอจับกระติกน้ำร้อนในมือแน่น มองดูชายที่เย็นชาเผยอารมณ์ที่ดุดันออกมา หัวใจของเธอปวดร้าวราวกับถูกเข็มทิ่มแทง
จิ่งเป่ยเฉินไม่ได้พูดอะไร ราวกับว่าเสียงที่เธอตะโกนพูดเมื่อครู่เป็นเพียงลมที่พัดผ่านจนตอนนี้แทบไม่มีอะไรหลงเหลือ
“พี่เขย ลูกพี่ลูกน้องไปแล้ว พี่สาวทิ้งพี่ไปแล้ว พี่ยังไม่เข้าใจอีกงั้นเหรอ? พี่สาวไม่ได้ชอบพี่แล้วนะ ถึงขนาดเอาหยางหยางและหน่วนหน่วนไปแบบนี้ ดูเหมือนพี่สาวไม่ลังเลที่จะทำเหมือนวันแต่งงานเลย มีผู้คนจำนวนมากขนาดนั้นยังทิ้งพี่ไปได้!”
คำพูดพวกนี้เดิมทีเธอก็ไม่คิดอยากจะพูดเท่าไร แต่เธอแค่ต้องการให้ลูกพี่ลูกน้องของตัวเองไปจากเขาเท่านั้น แต่ไม่คิดเลยว่าจะเห็นเขาหดหู่แบบนี้
ถ้าในดวงตาของเขามองไม่เห็นใครคนอื่นเลย เธอก็ไม่มีทางที่จะเข้าไปในหัวใจของเขาได้ตลอดชีวิต
“เธอเป็นแค่ผู้หญิง เธอจะทำอะไรได้ถ้าอยู่เมือง A การที่พี่สาวหายตัวไปเงียบ ๆ แบบนี้ เป็นไปได้ว่าต้องมีคนช่วยเธอแน่ ๆ พี่เขยดูแลทั่วเมือง A อยู่แบบนี้ เป็นไปได้ว่าเธออาจจะมีชายคนอื่นอยู่ในใจแล้วก็ได้นะ!” อันหยาพั่นมองไปที่ชายตรงข้ามที่ดูแข็งทื่อไม่เคลื่อนไหวใด ๆ แม้ว่าผู้คนจะตะโกนแค่ไหนก็ตาม
ดวงตาของจิ่งเป่ยเฉินขยับเล็กน้อย แต่ไม่ได้ตอบกลับคำพูดของเธอแต่อย่างใด
คนค่อย ๆ เดินหายไปเรื่อย ๆ ไม่นานฉีเซิ่งเทียนก็เดินมาที่รถ เขาส่ายหน้าให้พลางเหลือบสายตามองไปที่อันหยาพั่นและพูดขึ้นว่า “คุณอัน นี่ก็ดึกมากแล้ว กลับไปพักผ่อนเถอะ ผู้หญิงสวย ๆ การนอนหลับพักผ่อนคือสิ่งสำคัญนะ”
ใบหน้าที่งดงามของอันหยาพั่นภายใต้แสงจันทร์ที่สาดส่องลงมา เผยให้เห็นตัวเล็ก ๆ ที่ดูบอบบาง ถ้าหากมีสายลมพัดผ่านมา ก็คล้ายกับว่าตัวเธอสามารถปลิวตามแรงลมไปได้เลย
“ในเมื่อคุณอันไม่คิดอยากจะไป ชอบดูทิวทัศน์ที่นี่ ก็เดินเล่นอยู่ที่นี่ รับลมรับวิวไปเถอะ พวกเราต้องขอตัวก่อน!” ฉีเซิ่งเทียนเดินผ่านหน้าของเธอ ก่อนจะเข้าไปนั่งในรถ
ประตูรถปิดลงตรงหน้าเธอทันที ก่อนที่รถสีดำจะขับออกไป เธอก้าวถอยหลังเล็กน้อยพลางมองดูรถตรงหน้าที่พ่นไอควันออกมาและหายวับไปต่อหน้าเธอ
ไม่เพียงแค่นั้น รถคันอื่น ๆ ของเขาก็ขับออกไปด้วยเช่นกัน ขับผ่านหน้าเธอไปทันที
ตอนที่เธอคิดจะออกมาหาจิ่งเป่ยเฉินนั้น เธอไม่ได้ขับรถมา แต่กลับเรียกรถแท็กซี่มาแทน
แต่ตอนนี้พวกเขากลับไปจนหมด ทิ้งเธอไว้คนเดียวตามลำพังในที่แห่งนี้
หัวใจของจิ่งเป่ยเฉินจะโหดร้ายขนาดไหนกัน?
ถูกเขาไม่ชายตามองแบบนี้ พี่สาวก็ทิ้งเขาไปแล้ว แต่เขาก็ยังออกตามหา แบบนี้ก็คงตามหายากหน่อยแล้ว!
เธอเดินไปตามถนนอย่างช้า ๆ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาดู เวลาแบบนี้ถ้าเรียกรถคงดูไม่ปลอดภัยแน่ ๆ แต่การที่เธอเดินบนถนนคนเดียวแบบนี้ก็ดูไม่ปลอดภัยเหมือนกัน
ทันใดนั้นรถยี่ห้อแอสตันมาร์ตินสีน้ำเงินก็ได้ขับมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเธอ กระจกฝั่งคนขับค่อย ๆ เลื่อนลง คนขับรถมองมาที่ตัวเธอและพูดขึ้นว่า “คุณหนู อยู่คนเดียวดึก ๆ แบบนี้ไม่ปลอดภัยนะ จะให้ผมไปส่งคุณไหม?”
“นี่คุณ…….” อันหยาพั่นมองดูรถตรงหน้าเธอ รถลิมิเต็ดที่ดูสวยหรูแบบนี้ ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปที่จะขับแน่ ๆ
“ผมไม่ได้หมายความแบบนั้นนะ แต่เป็นความหมายของคุณผู้ชายแทน” คนขับรถลงจากรถ ก่อนจะเปิดประตูเบาะหลังรถอย่างรวดเร็ว และพูดด้วยน้ำเสียงที่นอบน้อมเคารพว่า “เชิญ”
อันหยาพั่นมองไปที่ชายที่นั่งอยู่ในรถ ใบหน้าของเขาดูหล่อเหลาและดูสูงส่ง นาฬิกาสีน้ำเงินดูส่องประกายภายใต้แสงจันทร์
เธอค่อย ๆ คลี่ยิ้มออกมา “รบกวนคุณผู้ชายแล้ว”
เธอโค้งตัวลง ก่อนจะเข้าไปนั่งในรถ คนขับรถจึงขับออกไปทันที รถสีน้ำเงินตอนนี้ขับออกไปภายใต้แสงจันทร์ที่ส่องลงมา
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ฉีเซิ่งเทียนก็ดันให้จิ่งเป่ยเฉินไปกินข้าวที่ห้องพักโรงแรมนั่วเทียน ตอนนี้ตรงหน้าทั้งสองคนมีอาหารจานใหญ่ถูกจัดมาวางไว้
จิ่งเป่ยเฉินมองดูอาหารที่เลิศรสตรงหน้า เขาแทบไม่คิดอยากจะกินเลยสักนิด
“พี่เฉิน การไม่มีข่าวใด ๆ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุดนะ หยางหยางกับหน่วนหน่วนต้องอยู่กับพี่สะใภ้แน่ ๆ” พี่สะใภ้คนนี่ร้ายกาจมากจริง ๆ
เมื่อรู้ว่าหยางหยางอยู่ ๆ ก็ไม่สบาย จู่ ๆ ก็มีรถพยาบาลปลอม ๆ มารับไป และพาหยางหยางกับหน่วนหน่วนออกไปโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัวแบบนี้
ครูที่อยู่โรงเรียนอนุบาลอธิบายว่าพวกเธอถูกฟาดจนสลบ จากนั้นก็ไม่เห็นอะไรเลย และรถก็ขับออกไป
ตอนนี้ไม่มีเบาะแสใด ๆ ที่มีประโยชน์เลยสักนิด
“พี่เฉิน พี่ต้องการขยายพื้นที่ตามหารถพยาบาลหน่อยไหม?” ถัดจากตรงข้ามจะเป็นทางแยกของเมือง A ซึ่งก็คือเมืองอื่น อีกทั้งยังมีเทือกเขามากมายรายล้อมอีก ต่อจากนี้คงไม่ง่ายต่อการตรวจสอบค้นหาแล้ว
ฉีเซิ่งเทียนมองไปที่จิ่งเป่ยเฉินที่แทบไม่ขยับตะเกียบเลยสักนิด เขาเองก็ไม่ขยับตามเช่นกัน ถึงแม้ว่าตอนนี้จะรู้สึกหิวแค่ไหนก็ตาม
เมื่อจิ่งเป่ยเฉินได้ยินที่เขาพูด ในที่สุดก็ได้เอ่ยปากพูดว่า “ไม่ต้อง ฉันมีวิธีที่ดีกว่านั้น”