อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 389 สายตาที่เป็นประกาย
ตอนที่ 389 สายตาที่เป็นประกาย
สายตาของฉีเซิ่งเทียนเป็นประกายทันที พี่เฉินพูดอะไรแบบนั้น แน่นอนมันต้องเป็นความคิดที่ดีแน่ ๆ ในที่สุดก็ได้ เห็นรอยเลือดบนใบหน้าของเขาสักที เขากลับมามีชีวิตชีวาแล้ว
ถ้ามีวิธีที่ดีแบบนั้นก็น่าจะเอามาใช้ตั้งแต่แรก!
ตอนนี้คนในครอบครัวไม่อยู่ ทิ้งให้เขาอยู่แค่คนเดียว
“พี่เฉิน ถ้าอย่างนั้นพี่ก็ควรกินอะไรก่อน ถ้าพี่มีวิธีที่ดีแบบนั้น หลังกินเสร็จพวกเราค่อยมาเริ่มกัน!” ฉีเซ ซิ่งเทียนเหลือบมองแก้วไวน์ที่อยู่ข้าง ๆ เขา
เมื่อคิดว่าถ้าหากพี่เฉินกินไปละก็ มีหวังไม่สบายแน่ ๆ เพราะงั้นก็ไม่ควรให้เขากิน
จิ่งเป่ยเฉินแทบไม่มีอารมณ์อยากจะกินข้าวสักเท่าไร แต่เขานั้นก็ไม่สามารถที่จะล้มลงก่อนได้จริง ๆ
“พี่เฉิน กินอะไรเบา ๆ ก่อนเถอะ!” ฉีเซิ่งเทียนคิดอยากจะป้อนยานอนหลับให้เขาเหลือเกิน เพื่อหวังว่าจะแอบได้ตรวจ จสุขภาพร่างกายของเขาด้วย
ตอนนี้ท่าทางของเขานั้นดูอ่อนแอมากจริง ๆ
ถ้าป่วยแบบนี้มีหวังได้ลำบากแน่ ๆ
พี่สะใภ้เองก็ยังหาไม่เจอ!
แต่เขาก็คงไม่มีโอกาสที่จะได้ทำแบบนั้นแน่นอน!
……
หยางหยางกับหน่วนหน่วนตอนนี้อยู่ข้าง ๆ ตัวเธอ ไม่รู้ว่าจิ่งเป่ยเฉินจะมีสภาพเป็นยังไง แต่เขาก็คงไม่ได้มาสนใจ เรื่องพวกนี้มากเท่าไรนัก
เธอค่อย ๆ เอื้อมมือไปแตะที่หน้าท้องน้อย ๆ ของตัวเอง ดูคล้ายกับว่าตอนนี้ไม่รู้สึกถึงชีวิตน้อย ๆ ที่อยู่ในท้อง งของเธอเลย
หยางหยางกับหน่วนหน่วนกำลังเล่นอยู่ไม่ไกลเท่าไรนัก เธอยืนอยู่ตรงนี้พลางมองดูพวกเขา ก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าท ที่ด้านหลังของเธอ พร้อมกับกลิ่นของแอลกอฮอล์จาง ๆ ที่ลอยมา
“ฉันคิดจะไปที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจสุขภาพหน่อย” เธอรู้สึกว่ามันน่าจะเสี่ยงอันตรายน่าดู แต่นี่ก็ผ่านมาได้เดือน กว่า ๆ แล้ว ถ้าไม่ตรวจละก็ เธอคงไม่สบายใจแน่ ๆ
จำเป็นต้องรีบตรวจให้เร็วที่สุด
“ถ้าเป็นแบบนั้นอาจจะถูกจิ่งเป่ยเฉินรู้เข้าก็ได้” ฉีหย่วนหยางไม่ได้ส่งแก้วไวน์ให้เธออีก
แต่ชีวิตน้อย ๆ นี้มีความสำคัญมากกว่าจะถูกจิ่งเป่ยเฉินล่วงรู้เข้าเสียอีก
“เขายังคงตามหาหยางหยางกับหน่วนหน่วนอยู่ ตอนนี้เริ่มเข้มงวดมากขึ้นด้วย อีกไม่กี่วันคงไม่ได้ตรวจสอบเข้มเท่าไร รแล้ว ไว้ตอนนั้นค่อยไปละกัน” การที่ไม่สามารถพาหยางหยางและหน่วนหน่วนออกจากข้าง ๆ ตัวเขาได้ เธอก็ได้แต่ปิดป ประตูทำแบบนี้เท่านั้น
อย่างไรก็ตามสิ่งที่เธอคิดไม่ถึงก็คือ สุดท้ายนี้ก็ทำได้จริง ๆ
หยางหยางกับหน่วนหน่วนอยู่ที่นี่มาแล้วสามวัน ข่าวทั่วเมือง A ก็กระจายไปทั่วว่าคุณหญิงของตระกูลอันกลับมาแล้ว ตอนนี้กำลังถูกจิ่งเป่ยเฉินปกป้องอยู่
แม้ว่าจิ่งเป่ยเฉินกับอันโหรวจะแต่งงานไม่ได้ราบรื่นเท่าไรนัก แต่พวกเขาก็ถือว่าแต่งงานกันเรียบร้อยแล้วท่ามกลาง งสายตาของคนอื่น ๆ ท่าทีของจิ่งเป่ยเฉินหากคิดแล้วทำคงไม่มีใครหยุดได้ทั้งสิ้น
แม่………
อันโหรวเมื่อได้ยินข่าวพวกนี้เข้า ตอนที่กำลังวาดภาพหน่วนหน่วน เธอก็รีบออกจากห้องวาดภาพทันที ก่อนจะพิงไปที่ กำแพงและยืนอยู่ตรงข้ามฉีหย่วนหยางด้วยท่าทางที่ดูขี้เกียจ ดวงตาสีน้ำตาลของเขาตอนนี้เหมือนกับว่ากำลังยิ้มให ห้เธอ
“บางทีอาจเป็นข่าวปลอมก็ได้” ฉีหย่วนหยางพูดขึ้นเบา ๆ
“ฉันรู้ แต่ฉันก็คิดอยากจะไปดู!” ถ้าหากมันเป็นจริงขึ้นมาจะทำยังไง!
ถ้าหากว่าแม่ของเธอกลับมาจริง ๆ ละก็
การแต่งงานของเธอ แม่ก็ไม่ได้มาร่วมด้วย อีกอย่างตอนนี้เธอก็หนีจากงานแต่ง เพราะงั้นบางทีแม่ของเธออาจจะกลับม มาแล้วจริง ๆ ก็ได้
แม่คิดอยากจะรู้ว่าตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้างแน่ ๆ ภายในใจของเธอไม่สามารถปล่อยวางตัวเองได้ หลายร้อยคำถาม เหตุผล ต่าง ๆ แม่ของเธอคงคิดจะพูดว่าทำไมไม่ยอมฟังคำพูดของเธอ ทำไมถึงได้คิดอยากจะแต่งงานกับจิ่งเป่ยเฉินแน่ ๆ เลย
“เธอพร้อมที่จะถูกเขาจับได้แล้วงั้นเหรอ?” ฉีหย่วนหยางถามอย่างเฉยเมย
“ไม่ แต่ไม่ว่ายังไงฉันก็ต้องไปที่นั่น” เธอคิดอยากจะเอาเอกสารการหย่าไปฟาดหน้าเขาด้วย
เขามองแววตาของเธอที่เป็นประกายด้วยความประหลาดใจ แต่ไม่นานเท่าไรมันก็หายวับไปทันที
“ถ้าเธอตัดสินใจแล้วก็ดี เรื่องหยางหยางกับหน่วนหน่วนก็ไม่ต้องกังวล ฉันจะดูแลพวกเขาให้ดี ๆ เอง” เขารู้ดีว่าต ตอนนี้เธอเป็นห่วงเด็ก ๆ สองคนนี้มากแค่ไหน
“อืม!” เธอตอบกลับเบา ๆ ก่อนจะเหลือบมองไปที่นาฬิกาในมือถือของตัวเอง ตอนนี้เป็นเวลาทุ่มหนึ่งแล้ว
ไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่เธอไป ด้วยเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจว่าจะไปวันพรุ่งนี้แทน คืนวันนี้เธอต้องอยู่ กับหยางหยางและหน่วนหน่วน เธอไม่มีทางคิดอยากจะแยกกับพวกเขาแน่ ๆ
ในคืนนั้นอันโหรวนอนกับพวกเขาอีกครั้ง มันเลยเป็นวันที่ทำให้ตัวเธอนั้นรู้สึกสบายใจ สิ่งที่เธอต้องการก็คือ อชีวิตที่สงบสุขและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้เต็มที่ แทนที่จะกลายเป็นนกน้อยในกรงทองของจิ่งเป่ยเฉิน
จะว่าไปแล้วบางทีจิ่งเป่ยเฉินอาจจะเป็นผู้ชายที่เอาใจใส่ผู้หญิง ไม่เพียงแค่อันหยาพั่น แต่ยังรวมถึงผู้หญิงคนอื่ น ๆ ของเขาด้วย ไม่แน่ว่าบางทีเขาอาจจะมีเด็ก ๆ วิ่งเล่นอยู่รอบตัวแล้วก็ได้
ในวันรุ่งขึ้นอันโหรวบอกว่าจะไปซื้อของให้หยางหยางกับหน่วนหน่วน บอกให้พวกเขาอยู่ที่นี่และเชื่อฟังคำพูดของล ลุงฉี ก่อนที่จะขับรถออกไป นับตั้งแต่ที่เธออยู่ที่นี่ก็เป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้ว
ว่ากันว่าตอนนี้จิ่งเป่ยเฉินอยู่ที่บ้านตระกูลอัน โดยมีคนของจิ่งเป่ยเฉินคอยเฝ้าดูแลอยู่ แต่พวกเขาลืมไปหนึ่งอ อย่างว่าที่บ้านตระกูลอันมีคนที่อาศัยอยู่นอกจากจิ่งเป่ยเฉิน
นั่นก็คืออันหยาพั่น
อันโหรวขับรถมาตลอดทางก็คิดว่าเธอควรจะไปที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกายก่อน แต่ในใจของเธอนั้นก็คิดอยากจะเจอ แม่มากกว่า
ถึงแม้รู้ว่าอาจจะต้องเจอกับจิ่งเป่ยเฉินในที่แห่งนั้นก็ตาม!
ที่บ้านตระกูลอันตั้งอยู่ท่ามกลางแสงแดดที่สดใส มีต้นแปะก๊วยที่เขียวขจีปลูกไว้ทั่วบริเวณ เมื่อลมพัดผ่านก็พลิ วไหวไปตามสายลม
ที่บ้านตอนนี้มีบอดี้การ์ดสองคนยืนอยู่ด้านหน้าด้วยท่าทีที่เคร่งเครียด มองเพียงครั้งเดียวก็รู้ได้ว่าเป็นคน ของจิ่งเป่ยเฉิน
เธอลงจากรถเพื่อที่จะเข้าไปในประตูบ้าน ทั้งสองคนก็ไม่ได้มีท่าทีที่จะหยุดเลยสักนิด กลับปล่อยให้เธอเข้าไปได ด้ง่าย ๆ
เมื่อเธอที่คิดจะเข้าไปทันใดนั้นก็คิดอยากถอยออกมาทันที บางทีจิ่งเป่ยเฉินอาจจะเจอแม่ของเธอจริง ๆ ก็ได้ เพราะ งั้นไม่ว่าเขาจะอยู่ที่นี่หรือไม่ ตราบใดที่เธอสามารถเจอแม่เธอได้ เธอก็พร้อมที่จะเสี่ยงอยู่ดี
แต่ถ้าหากไม่อยู่ แล้วที่บ้านทำไมต้องมีคนเฝ้าขนาดนั้นด้วย ไม่มีจิ่งเป่ยเฉินหรือแม้แต่อันหยาพั่น ที่แห่งนี้ ก็ยังเห็นผู้คนคอยคุ้มกันได้ทุกที่
หรือว่าวันนี้พวกเขาจะไม่อยู่ที่นี่กัน?
ครั้งสุดท้ายที่เธอมากับจิ่งเป่ยเฉินเป็นช่วงฤดูหนาว พวกเขาไม่ได้เข้าไปในบ้านเลยสักนิด เมื่อเห็นตัวบ้านพวกเขาก ก็ออกไปทันที หลังจากนั้นก็ส่งอันหยาพั่นให้เข้ามาอยู่ที่นี่ แล้วพวกเขาก็ไม่คิดจะเข้ามาที่นี่อีกเลย
เมื่อเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น ของตกแต่งภายในห้องก็ดูคล้ายกับเมื่อหกปีก่อน มีเครื่องหยกอยู่เต็มไปหมด ทั้งหมด นี้ล้วนเป็นสิ่งที่พ่อของเธอชื่นชอบ
ครั้งที่แล้วตอนนั้นเธอได้ยกแผ่นป้ายประมูลซื้อของที่พ่อของเธอชอบมา ดูเหมือนว่าที่นี่ยังดูคล้ายกับเมื่อหก ปีก่อนจริง ๆ ตอนนี้เธอยืนอยู่ภายในห้องนั่งเล่น ภาพเมื่อหกปีก่อนของครอบครัวได้แวบกลับมาอีกครั้ง ในช่วงเวลานั นเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากจริง ๆ
แม่ของเธอนั่งเขี่ยเมล็ดแตงโมวางไว้บนโต๊ะ ส่วนพ่อของเธอก็กำลังดูสิ่งของที่ประมูลอยู่ รวมถึงตรวจเช็กของพ พวกนั้นด้วยท่าทีที่ระวัง ส่วนตัวเธอก็นั่งอยู่ข้าง ๆ ช่วยปอกแอปเปิลและยื่นมันให้แม่ของเธอกิน
ครอบครัวของพวกเขาในตอนนั้นดูมีความสุขมากจริง ๆ ถ้าหากไม่ได้เกิดเหตุการณ์นั้นเมื่อหกปีก่อน พ่อของเธออาจจะยั งมีชีวิตอยู่ ส่วนแม่ของเธอก็คงไม่หายไปแบบนี้ การที่เธอได้พบกับโอวหยางลี่ที่เป็นคนไม่ดี แค่นี้ก็เกินพอ อแล้วสำหรับชีวิตของเธอ และคงไม่มีทางที่จะได้อยู่กับจิ่งเป่ยเฉินแน่ ๆ คนเลวสองคนนี้ เธอต้องมาพบเจอถึงสองหน น
เมื่อชั้นหนึ่งดูแล้วไม่มีใครอยู่ เธอจึงค่อย ๆ เดินขึ้นไปที่ชั้นสองอย่างช้า ๆ ภายในห้องตอนนี้ดูเหมือนจะถูกปรับ บปรุงใหม่ มันเหมือนกับเป็นที่ที่อันหยาพั่นพักอาศัยอยู่ สถานที่ที่นกน้อยในกรงทองอาศัยอยู่แบบนี้จะไม่ตกแต่งใ ให้สวยงามได้ยังไง
แต่นี่กลับให้เธออยู่ในบ้านของเธอแบบนี้ ซุกมือที่สามเอาไว้ เขาไม่รู้สึกสำนึกผิดชอบชั่วดีบ้างเลยหรือไง?
ยังมีแม่ของเธออยู่ ตอนนี้จิตใจของเขาเป็นแบบไหนกันแน่ถึงได้ให้แม่ของเธอมาอยู่ที่นี่และคอยดูแลแบบนั้น?
ที่ชั้นสองตอนนี้เงียบสงบ เธอค่อย ๆ เดินออกจากห้องที่เธอเคยอยู่ เมื่อเธอกำลังจะปิดประตูก็รู้สึกได้ถึงอารมณ์ ที่เย็นชาของคนที่กำลังเข้ามาใกล้ ๆ
ทันใดนั้นเธอก็ถอยออกมาโดยไม่รู้ตัว แต่ก็ถูกเขาดึงเอาไว้อย่างรุนแรง ก่อนจะเซเข้าไปในอ้อมแขนของเขา เอวของเธ ธอถูกเขารัดเอาไว้แน่น กลิ่นอายบนตัวเขาตอนนี้มีกลิ่นของพวกบุหรี่ล่องลอยมา
นี่เขาสูบบุหรี่ด้วยเหรอ?
“จิ่งเป่ยเฉิน ปล่อยฉันนะ!” เธอกรีดร้องออกมา ร่างกายที่เล็ก ๆ ของเธอกำลังดีดดิ้นไปมาอยู่ในอ้อมแขนของเขา
“อันโหรว เธอคิดจะทำอะไรกันแน่!” ในที่สุดเขาก็รอจนกระทั่งได้เจอเธอ รอให้เธอกลับมาอยู่ข้างกายเขา ให้ปล่ อยเธองั้นเหรอ? ชาติหน้าเถอะแบบนั้น!