อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 390 กล้องวงจรปิด
ตอนที่ 390 กล้องวงจรปิด
ที่นี่มีกล้องวงจรปิดอยู่เยอะมาก เขาจินตนาการถึงฉากนี้นับครั้งไม่ถ้วนที่เธอเข้ามาที่นี่ แต่กลับไม่คิดเลยว่าเธอจะเข้ามาโดยตรงแบบนี้ เขาจ้องมองไปที่ใบหน้าเล็ก ๆ ที่สวยงามตรงหน้า
ก่อนหน้านั้นเขาเกือบจะแปะหน้าไปที่จอคอมพิวเตอร์ เพียงแค่ต้องการดูอย่างชัดเจน
“ฉันอยากหนีไปจากนาย! ยิ่งไกลเท่าไหร่ยิ่งดี ทั้งชีวิตนี้ไม่ขอเจอนายอีก ฉันหวังว่าความผิดพลาดในคืนนั้นเมื่อหกปีที่แล้วจะไม่เกิดขึ้นอีก!” เธออ่อนแอ ไม่สามารถหนีไปจากอ้อมแขนของเขาได้ ทำได้เพียงร้องตะโกน
“แต่คืนนั้นเธอเป็นคนเริ่มก่อนเอง! เธอมีสิทธิ์อะไรมาพูดแบบนี้! อันโหรวเธอเห็นฉันเป็นอะไร?” จิ่งเป่ยเฉินก้มลงมองเธอ
ไม่มีคำใดเลยที่เขาอยากได้ยิน
เธอปรากฏตัวต่อหน้าเขาเป็นครั้งแรกในเดือนนี้ หรือว่าเธอไม่คิดถึงเขาแล้ว?
แต่ว่าเขานั้นคิดถึงเธอมาก คิดถึงจนแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว ถ้าหากว่าเธอไม่ปรากฏตัว เขาอาจจะบ้าไปแล้วก็ได้
“ฉันไม่สนใจนายเลยสักนิด ในเมื่อนายหลอกฉัน มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ฉันจะไปอยู่ตรงนั้น ฉันต้องหนีออกมา นายปล่อยฉันนะ!” เธอยกขาขึ้นมาเหยียบไปที่เท้าของเขาอย่างแรง
มือทั้งสองข้างของจิ่งเป่ยเฉินไม่ได้ปล่อยเธอออก ทว่ากลับกอดเธอเอาไว้แน่น เท้าที่โดนเธอเหยียบอย่างเต็มแรง เขาก็ดูเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไร ทำเพียงแต่ก้มลงมองเธอ ดวงตาที่เห็นเส้นเลือดจ้องมองเธอนิ่ง “ขอแค่เธอไม่หนีไป เธอจะเหยียบแรงแค่ไหนก็ได้ เอาให้พอใจ!”
“อะไรคือเหยียบให้พอใจ ทั้งชีวิตนี้ฉันไม่ให้อภัยนาย จิ่งเป่ยเฉิน นายมันสารเลว ฉันเสียใจที่ได้รู้จักกับคนอย่างนาย ปล่อยฉันลงนะ!” ขาของเธอถูกปล่อยออกและใช้แรงเหยียบไปอีกครั้ง ตอนที่ผ่อนแรงเธอหันรองเท้าส้นแหลมกดลงไปบนรองเท้าหนังสีดำอย่างลึก
เท้าของจิ่งเป่ยเฉินเจ็บมาก แต่ว่าเจ็บแค่ไหนก็ไม่เท่ากับหัวใจที่เจ็บปวดของเขา
โหรวโหรวของเขาบอกว่าเขามันสารเลว
“โหรวโหรว ผู้หญิงอย่างเธอไม่มีความเป็นธรรมเลยงั้นเหรอ? ตอนที่แต่งงานเธอหนีไปทำไม! เธอไม่อยากแต่งงานกับฉัน เธอไม่พอใจพิธีแต่งงาน เธอก็พูดมาสิ เธอคิดจะหนีไปก็นึกถึงฉันบ้าง!” ถ้าหากว่าหลังจากนี้เขากลายเป็นคนสารเลวก็เป็นเพราะว่าเธอบังคับเขาเอง
“ฉันไม่มีความเป็นธรรม ประธานจิ่งปั่นหัวฉันสนุกมากไหม? เรื่องของครอบครัวอัน นายไม่รู้ความจริงเลยจริง ๆ เหรอ? จิ่งเป่ยเฉิน คนอย่างนายไม่ใช่ว่าเป็นคนคุมเมือง A เหรอ? เรื่องเล็กน้อยแค่นี้นายไม่รู้ นายไม่พูดอะไรเลยนี่นายรู้สึกผิด หรือว่า……..” เธอไม่คิดอยากจะพูดประโยคหลังอีก เธอรู้สึกว่ามันไร้ประโยชน์
เรื่องของตระกูลอันนั้นไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าหยางหยางและหน่วนหน่วน เพื่อให้พวกเขาเติบโตและได้ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมที่แข็งแกร่ง เธอควรที่จะหนีออกไปจากที่นี่
“เธอจะเสียใจเมื่อรู้ความจริง” เสียงของจิ่งเป่ยเฉินนั้นเบาลง ที่แท้เธอโกรธก็เพราะเรื่องตระกูลอัน
ขอแค่ไม่ใช่เพราะไม่รักเขาแล้วเลยต้องหนีเขาไปก็พอ เรื่องอื่น ๆ ถือว่าเป็นเรื่องเล็กในสายตาเขา
เธอเค้นเสียงหัวเราะอย่างเย็นชา ดวงตาที่สวยงามจับจ้องไปที่เขาอย่างไร้เยื่อใย แต่ว่าเมื่อมองดูหนวดเคราที่ไม่ได้โกน ใบหน้าที่ซูบผอม โดยเฉพาะดวงตาที่มีเส้นเลือดในดวงตา ดูแล้วเขาผอมลงมากจริง ๆ
คนสวยในอ้อมกอด ไม่นึกเลยว่าเขาจะเป็นแบบนี้
“โหรวโหรว…..”
จิ่งเป่ยเฉินก้มลงมาจูบเธอ อันโหรวรีบหันหน้าหนีทันที
“โหรวโหรว!” เขาตะโกนด้วยเสียงทุ้มต่ำ “เรื่องตระกูลอัน ถ้าเธออยากจะรู้ความจริงฉันจะบอกเธอเอง แต่ว่าเธออย่าทำแบบนี้กับฉันได้ไหม?”
เขาผิดตรงที่เขาไม่ยอมบอกความจริงกับเธอ ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้
“ทำไมฉันต้องอยากรู้ความจริง ฉันยอมรับความจริงไม่ได้ ฉันรู้ว่ามันทำอะไร! แต่ว่าตอนนี้นายปล่อยฉันก่อน ฉันมีของจะให้นาย” จู่ ๆ เธอก็พูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่งสงบ “ฉันรู้ว่าจะต้องเจอนายที่นี่ รู้ว่าที่นี่อาจจะกลอุบายหนึ่งของนาย ฉันจึงคิดจะกระโดดเข้ามาอย่างไม่ลังเล!”
เธอลดความเชื่อใจในตัวเขาลงอีกครั้ง
ดูเหมือนจะไม่มีอะไรต้องพูดระหว่างพวกเขา!
ยกเว้น ‘ของขวัญ’ ที่จะมามอบให้
สีหน้าของจิ่งเป่ยเฉินที่เคร่งขรึมพลันปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาทันที โหรวโหรวของเขารู้ว่าจะเจอเขาที่นี่และยังเตรียมของมาให้อีก
เขาค่อย ๆ ปล่อยตัวเธอออกและโอบเธอไว้อย่างนุ่มนวลราวกับว่าเป็นสมบัติล้ำค่า
โหรวโหรวของเขาเดิมทีก็เป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดในโลกใบนี้ ไม่มีสิ่งของอื่นใดมาแทนที่โหรวโหรวของเขาได้
ถึงแม้ว่าเขาไม่ได้ปล่อยเธอ แต่ว่าก็เพียงพอจะทำให้เธอสามารถเปิดกระเป๋าออกได้ เธอหยิบของขวัญที่เตรียมไว้ออกมา
เพียะ!
รอยยิ้มของจิ่งเป่ยเฉินบนใบหน้าถูกเธอตบ ในมือของอันโหรวนั้นคือเอกสารใบหย่า
กระดาษสีขาวดำกระจัดกระจายไปทั่ว จิ่งเป่ยเฉินมองด้วยสีหน้าที่เย็นชา เขาค่อย ๆ เคลื่อนสายตาลงช้า ๆ และมองลงไปที่กระดาษที่อยู่บนพื้น บนนั้นเขียนอย่างชัดเจน ทันทีที่เขาเห็นข้อความบนกระดาษ ภายในใจก็รู้สึกเจ็บปวดเหมือนถูกทิ่มแทงอีกครั้ง
“จิ่งเป่ยเฉิน ระหว่างเรามันจบลงแล้ว! หย่ากันเถอะ! นายปล่อยฉันไป” ตอนนี้พวกเขาไม่มีทางไหนแล้ว นอกจากหย่ากันซะ
หัวใจของจิ่งเป่ยเฉินเจ็บปวดทรมาน เขาเห็นความเด็ดขาดในสายตาของเธอ
“ไม่ไป ทั้งชีวิตนี้ไปไหนไม่ได้!” เธอจะหนีเขาไปได้ยังไง
ริมฝีปากพัวพันกัน กลิ่นบุหรี่จาง ๆ เข้ามาเติมเต็มในปาก
“อืออืออือ….”
เธอเตะขาเขา แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้สึกอะไรและโอบตัวเธอเอาไว้แน่น
“อย่านะ! อย่า!”
เธอรู้สึกสกปรก มันสกปรกมาก!
“จิ่งเป่ยเฉิน นายคิดจะทำอะไร? ไม่อนุญาต! ฉันไม่ให้!” ใบหน้าของเธอจ้องมองเขาด้วยความโกรธ
จิ่งเป่ยเฉินกลับหูทวนลมทำเป็นไม่ได้ยิน โหรวโหรวของเขาจะหนีเขาไป หนีไปไม่ได้ ไม่ยอมให้หนีไปเด็ดขาด
พวกเขาเป็นครอบครัวเดียวกัน มีสิทธิ์อะไร แค่เรื่องเล็ก ๆ เรื่องเดียวจะหนีเขาไป!
เขาไม่อนุญาต!
เขาก้มลงสัมผัสเธอ ร่างกายของเธอสั่นเทาเล็กน้อย
เขาค่อย ๆ กระซิบข้างหูของเธอเบา ๆ “โหรวโหรว โหรวโหรว โหรวโหรว……..”
“จิ่งเป่ยเฉิน อย่านะ ไม่เอา ฉันไม่ต้องการนาย!”
“ฉันเกลียดนาย เกลียดนาย ไปให้พ้นนะ!”
เธอร้องตะโกนไม่หยุด