อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 393 เขาเป็นคนบ้า คนบ้าที่คล้ายจะปะทุเรื่อย ๆ
ตอนที่ 393 เขาเป็นคนบ้า คนบ้าที่คล้ายจะปะทุเรื่อย ๆ
“เธอคิดอยากจะให้ฉันออกไป แล้วเธอจะมีความสุขอย่างนั้นเหรอ?” เขายืนตัวตรงขึ้นมา ทำท่าราวกับจะลุกขึ้นออกไปทันที
เขาเป็นคนบ้า คนบ้าที่คล้ายจะปะทุเรื่อย ๆ
ถ้าเกิดตัวเขาร้อนอยู่แบบนี้ สมองของเขาคงถูกเผาไปแน่!
“จู่ ๆ ฉันก็รู้สึกไม่ค่อยสบายตัว นายช่วยตามหมอมาดูหน่อยได้ไหม?” ทันใดนั้นโหรวโหรวของเขาก็เปลี่ยนหัวข้อเรื่องทันที
“ไม่สบายตรงไหน?” เขามองเธอด้วยท่าทีกังวล มือใหญ่ ๆ ของเขาค่อย ๆ เปิดผ้าห่มของเธอออก คิดอยากจะถอดเสื้อผ้าของเธอทันที เพื่อตรวจสอบดูอย่างละเอียดจากบนไปล่างเลย
“ฉันรู้สึกเป็นไข้นิดหน่อย เวียนหัวด้วย!” อันที่จริงเธอก็รู้สึกไม่เลวเลยสักนิด มันเหมือนกับว่าหัวใจของเธอนั้นได้ตายไปแล้ว
ถูกเขาฆ่ากับมือ
มือของจิ่งเป่ยเฉินแตะไปที่หน้าผากของเธอทันที มันดูไม่ร้อนเท่าไร
แม้ว่าเธอจะโกหกเขา แต่เธอพูดว่าไม่สบาย หัวใจของเขาก็เจ็บปวด ก่อนจะกดหมายเลขภายในเพื่อโทรศัพท์เรียกหมอ และหมอก็เข้ามาที่บ้านพัก ก่อนจะรีบเดินขึ้นไปที่ชั้นบนทันที
เมื่อหมอเข้ามา จิ่งเป่ยเฉินก็ยืนอยู่ข้างเตียงพลางมองดูตัวเธอ เธอถูกตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย เธอเงียบตลอด ไม่พูดไม่จา เงียบเหมือนกับเป็นตุ๊กตาตัวน้อยที่นั่งนิ่ง ๆ
“หมอมีเครื่องวัดอุณหภูมิไหม?” เธอถามด้วยใบหน้าเล็ก ๆ ที่สงสัย
“มีครับ!”
อันโหรวค่อย ๆ เลื่อนสายตาของเธอมองไปทางจิ่งเป่ยเฉิน “ช่วยตรวจเขาหน่อยสิ”
หมอถือเครื่องวัดอุณหภูมิไว้ในมือ ไม่กล้าสบตาดวงตาที่ดูดุร้ายของจิ่งเป่ยเฉินเท่าไร ถ้าหากเขายินดีให้ตรวจวัดอุณหภูมิแบบนี้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีไป
แต่ถ้าบิ๊กบอสคนนี้ไม่เต็มใจขึ้นมาละก็
“เธอยอมรับสินะว่าเธอก็เป็นห่วงฉัน?” จิ่งเป่ยเฉินไม่ได้มองแม้แต่หมอ แต่กลับก้มหน้ามองไปที่ตัวเธอ
“นี่มันใช่เวลางั้นเหรอ สมเหตุสมผลบ้างไหมที่จะพูดแบบนี้? นายอยากจะถูกเผาจนกลายเป็นคนโง่หรือไง? หลังจากนั้นก็ดีจะได้ไม่ต้องมาเห็นฉันอีก นายเองก็จะจำหยางหยางกับหน่วนหน่ว วนไม่ได้ ป่วยตัวร้อนและโดนเผาตายไปเลย จากนี้จะได้ไม่ต้องเห็นพวกเราอีก ไม่ต้องมาคิดอยู่กับฉันและลูก ๆ ของฉันอีกเลยยิ่งดี! ” เธอเงยหน้าขึ้นมองไปที่เขา ใบหน้าของเธอน นั้นเต็มไปด้วยความจริงจัง
จิ่งเป่ยเฉินหยิบเครื่องวัดอุณหภูมิจากหมอและปลดกระดุมเสื้อออก ก่อนจะสอดมันไว้ที่ใต้รักแร้
อันที่จริงเขารู้อยู่แล้วอุณหภูมิร่างกายของตัวเองนั้นค่อนข้างสูง เขาไม่จำเป็นต้องใช้มันก็รู้ แต่ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็ใช้ไปหน่อยก็ได้
ระหว่างที่เธอไม่อยู่เป็นเวลาหนึ่งเดือน เขาแทบไม่ได้พักผ่อน โรคภัยไข้เจ็บก็เข้ามาถาโถมราวกับภูเขา ถึงแม้ร่างกายของเขาจะแข็งแรงแค่ไหน แต่การที่นอนไม่หลับอยู่หลายคืน ทั้งย ยังออกไปข้างนอกตากฝนตากลมอยู่ตลอดก็สามารถทำให้ตัวเขาป่วยได้เหมือนกัน
อันโหรวมองดูตัวเลขอุณหภูมิของตัวเธอเอง อุณหภูมิเธอนั้นสูงนิดหน่อย มันอยู่ที่ 37 องศา ส่วนอุณหภูมิคนปกติทั่วไปมักจะอยู่ที่ 36.5 เธอที่เพิ่งทำแท้ง อาการป่วยไม่สบายแบบน นี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติ
ส่วนของจิ่งเป่ยเฉินนั้นไม่ต้องเดาก็รู้ได้อย่างชัดเจน
เขาจับเครื่องวัดอุณหภูมิออกมา แต่ไม่ได้ส่งมันไปให้หมอ ตัวเองก็ไม่ได้ดูด้วยซ้ำ เขาโยนมันลงไปที่เตียงเพื่อให้เธอเห็น
อันโหรวหยิบเครื่องวัดอุณหภูมิขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าอุณหภูมินั้นสูงมาก เธอรู้สึกได้เลยว่าเครื่องวัดอุณหภูมินั้นร้อนมาก ร้อนจริง ๆ
ตัวเลขที่อยู่ด้านบนคือ 38.7 มือของเธอถือเครื่องวัดอุณหภูมิของเขาเอาไว้ ก่อนจะพูดว่า “นายรีบไปโรงพยาบาลซะ!”
จิ่งเป่ยเฉินเหมือนกับตัวเองถูกทุบ ก่อนจะยิ้มบาง ๆ ขึ้นมาแทน
เขาก้มหน้ามองไปที่ตัวเธอ ก่อนจะดึงมือของเธอขึ้นมาลูบใบหน้าที่ร้อนผ่าวของตัวเอง ใบหน้าที่เย็นชาของเขาตอนนี้แดงขึ้นมาเล็กน้อย ตัวเขามีไข้สูงมาแล้วสองสามวัน!
ตอนนี้เธออยู่เคียงข้างเขา ในที่สุดก็จะได้ล้มลงอย่างสบายใจสักที ไม่ต้องกังวลว่าจะอยู่คนเดียวอีกแล้ว ไม่ต้องกังวลว่าตอนที่เขาตื่นขึ้นมา เธอจะไม่อยู่ข้าง ๆ เขา
บิ๊กบอสทำท่าที่จะเอียงตัวลงได้ไม่นาน ไม่ช้าตัวของเขาก็ล้มลงบนตัวเธอ ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาในตอนนี้ทับไปที่หน้าอกของอันโหรว
อันโหรวไร้ซึ่งคำพูดใด ๆ ตอนนี้เขาล้มไปแล้วอย่างนั้นเหรอ?
“คุณหมอ รบกวนคุณแล้ว” เธอเงยหน้าขึ้นไปมองหมอที่กำลังยืนมึนงงอยู่ ก่อนจะพูดต่อว่า “ไปเรียกพวกบอดี้การ์ดที่อยู่ข้างนอกเข้ามาสิ!”
เนื่องจากตอนนี้พวกเขาอยู่ที่บ้าน เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่มีคนอยู่ข้างนอก การที่เขาล้มลงแบบนี้ อย่างน้อยก็แปลว่าเขานั้นสบายใจ
บอดี้การ์ดที่อยู่ด้านนอกรีบเข้ามาทันที เดิมทีตัวอันโหรวต้องการให้พวกเขาพาจิ่งเป่ยเฉินไปที่ห้องอื่น แต่พวกเขากลับยกตัวเขามานอนไว้ข้าง ๆ ตัวของเธอแทน
เขามีไข้สูงมาก ไม่ยอมกินยา ไม่ยอมฉีดยาหรืออะไรทั้งนั้น แบกรับมันไว้จนเกือบจะตาย แต่หมอที่อยู่เคียงข้างกลับเตรียมยามาไว้ให้กับเขาอยู่ตลอดเวลา เมื่อถูกป้อนยาเรียบร้อย ย เขาก็สามารถหลับได้อย่างสนิททันที
ตอนนี้ภายในห้องกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง จิ่งเป่ยเฉินยังคงตัวร้อนอยู่เช่นเคย
อันโหรวเอื้อมมือไปแตะตัวเขา เธอรีบดึงมือกลับมาทันทีเมื่อรู้สึกว่ามันร้อน ตอนนี้ทั้งสองคนต่างก็เป็นไข้ ไม่รู้ว่าเขานั้นจะตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่
ถ้าตื่นขึ้นมาแล้วจิ่งเป่ยเฉินจะกลายเป็นคนโง่หรือเปล่า?
เธอเหลือบสายตามองไปที่ประตูอยู่ตลอดเวลา ไม่ต้องคิดก็รู้ได้เลยว่ามีคนเฝ้าอยู่ที่ประตู ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครเฝ้าห้อง แต่ตอนนี้เธอก็ไม่คิดอยากจะออกไปเท่าไรนัก
เพราะว่าตัวเธอนั้นยังออกไปไม่ได้
เธอมองดูนมที่อยู่บนโต๊ะข้าง ๆ เตียง ก่อนจะหยิบมันขึ้นมาและดื่มอย่างช้า ๆ ลูกในท้องของเธอหายไปแล้ว เพราะว่ามีเพียงแค่หนึ่งเดือน เธอจึงไม่สามารถสัมผัสได้ถึงท้องนูน ๆ ที ควรจะปรากฏ
“ฉันหวังว่านายจะใช้ชีวิตอย่างมีสติ มีชีวิตอยู่ต่อไป แม้ว่าพวกเราจะหย่ากันก็ตาม” ไม่อย่างนั้นคนอื่น ๆ จะคิดว่าตัวเธอนั้นรังแกคนที่ป่วยจนสมองไหม้ไปหมดแล้ว
จิ่งเป่ยเฉินตัวร้อนมาก หลังจากที่กินยาไปแล้วก็ยังไม่เห็นว่าอุณหภูมิจะลดลงเลยสักนิด
อันโหรวนั่งอยู่ข้าง ๆ ตัวเขาตลอดเวลา ใบหน้าของเธอนั้นสงบนิ่ง ความจริงแล้วตัวเธอนั้นรู้สึกร้อนรน เขาเป็นแบบนี้จะดูแลตัวเองได้ยังไง อีกอย่างเธอก็ยังหวังว่าตัวเขาจะด ดูแลหยางหยางและหน่วนหน่วนได้!
หมอยังคงใช้ผ้าขนหนูเปียก ๆ แปะไว้บนหน้าผากของเขา ตลอดทั้งคืนอุณหภูมิตัวเขาก็ค่อย ๆ ลดลงมาบ้าง
“37.5” หมอยื่นเครื่องวัดอุณหภูมิของเขาไปให้เธอดู “คุณผู้หญิง หลังจากคุณชายตื่นแล้ว ให้เขากินยาด้วยนะครับ เดี๋ยวผมจะเตรียมยาสำหรับวันนี้ไว้ให้”
“อืม” เธอพยักหน้า ก่อนที่จะหยิบเครื่องวัดอุณหภูมิจากมือของเขาขึ้นมา และพยายามวัดอุณหภูมิเขาทุก ๆ ครึ่งชั่วโมง
ดวงไฟภายในห้องถูกปิดลง ก่อนจะเปิดโคมไฟที่ข้างเตียงเอาไว้ แสงไฟสลัว ๆ ส่องลงมาบนใบหน้าของเขา คิ้วที่ราวกับดาบขมวดขึ้นเบา ๆ ราวกับมีบางสิ่งบางอย่างที่รบกวนจิตใจของเขา อยู่ตลอดเวลา
ดวงตาที่หลับสนิท ทันใดนั้นเธอก็หันไปดูอย่างรวดเร็วทันที
เขากำลังฝันอะไรอยู่ ทำไมถึงทำท่าแบบนี้?
ริมฝีปากที่ดูนุ่มนวลถูกเม้มแน่น แสดงความวิตกกังวลมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เขากลายเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ถ้าหากรู้ตั้งแต่แรก เขาจะเสียใจบ้างไหม?
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นไปแล้ว ส่วนเสี่ยวอวี๋ไม่ว่ายังไงก็ต้องคิดถึงพ่อของเธอมากแน่ ๆ
เด็กในท้องของเธอก็ไม่มีอีกแล้ว หัวใจของเธอถูกเรื่องต่าง ๆ ถาโถมเข้ามาจนทำให้เธอหายใจไม่ออก
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป เธอหยิบเครื่องวัดอุณหภูมิขึ้นมาเพื่อที่จะสอดไปใต้แขนของเขา บนตัวของเขานั้นราวกับว่ากำลังเคลิบเคลิ้มหลับฝัน ตัวเธออยากที่จะเอาเครื่องวัดอุณหภูมินี้สอด ดเข้าไปให้ได้ อาจเป็นเพราะตื่นเต้นจนเกินไปจึงทำให้ตัวเองดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติเท่าไรนัก
มือน้อย ๆ ของเธอสัมผัสไปที่ผิวของเขา พยายามสอดเครื่องวัดอุณหภูมิก็ยังใส่ไม่ได้สักที
ตอนนั้นเธอมองไปที่หมอที่ขยับมืออย่างชำนาญสอดไว้ใต้รักแร้เพื่อวัดอุณหภูมิ แต่มือของเธอนั้นกลับ…..
เธอเอียงตัวไปที่ด้านข้าง ก่อนจะถอดเสื้อของเขาออกเล็กน้อย รู้แบบนี้แต่แรกเธอน่าจะให้พวกบอดี้การ์ดที่เฝ้าด้านนอกมาถอดเสื้อผ้าของเขาออกไว้ก็ดี
แก้มของเขาดูตอบลง แต่ตัวของเขายังคงดูเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน หน้าอกที่แข็งแรงกระเพื่อมขึ้นลงเล็กน้อย ตอนนี้สายตาของเธอเลื่อนไปมา ริมฝีปากของเขาที่เม้มอยู่นั้นค่อย ๆ ค คลายออกทันที ไม่ได้เม้มเหมือนก่อนหน้านั้นแล้ว
เธอดึงแขนของเขาขึ้น ค่อย ๆ ย้ายไปยังทิศที่เธอจะสามารถเอาเครื่องวัดอุณหภูมินี้สอดเข้าไปใต้รักแร้ได้ ก่อนจะวางมือของเขาไปบนหน้าอกของตัวเขาเอง และรอให้วัดอุณหภูมิเสร ร็จด้วยความอดทน