อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 396 แค่คิดและลงมือทำ
ตอนที่ 396 แค่คิดและลงมือทำ
ไม่อย่างนั้นฉีเซิ่งเทียนคงไม่สามารถถามคำถามพวกนี้กับเธอโดยไม่มีเหตุผลแน่ ๆ ได้แต่ถามโหรวโหรวเท่านั้น
“มีเหตุผล” เขาพยักหน้า ก่อนจะเหลือบมองไปยังริมฝีปากสีชมพูของเธอ ก่อนจะเผยรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์ออกมา เขาก้มหัวลงเล็กน้อยและขยับเข้าไปจูบที่ริมฝีปากของเธอ
“อือออืออออ…….”
พวกเขาไม่ได้จะพูดคุยกันเหรอ? ทำไมถึงมาจูบแบบนี้!
แต่มันก็รู้สึกดีจริง ๆ จู่ ๆ เขาก็คิดอยากจะจูบขึ้นมา ไม่มีเหตุผลอะไรทั้งนั้น ก็แค่คิดและก็ลงมือทำ
หลินจือเซี๋ยวรู้สึกเพราะรสจูบทำให้เธอเริ่มเวียนหัว เมื่อจิตสำนึกของเธอค่อย ๆ ดุดันมากขึ้น ขาที่มีเรี่ยวแรงก็ค่อย ๆ ถูกเขาทำให้หมดแรงลงเรื่อย ๆ มือของเธอที่ถือเอกสารเอาไว้ สุดท้ายก็ปล่อยมันทิ้งกระจัดกระจายลงบนพื้น
เธอไม่รู้ตัวเลยว่าเอกสารพวกนั้นหล่นลงพื้นไปตั้งแต่เมื่อไหร่
“ฉีเซิ่งเทียน ปล่อยฉันไปนะ อีกเดี๋ยวจะมีการประชุมระหว่างประเทศ ถ้าหากฉันไม่รีบจัดแจงข้อมูล มีหวังถูกไล่ออก พอถึงตอนนั้นฉันจะลากคุณลงไปด้วยเลย!” เธอเบือนหน้าหนี ไม่ง่ายเลยที่จะมีโอกาสได้พักหายใจแบบนี้ เธอต้องพูดดี ๆ พูดให้กระจ่างและเข้าใจไปเลย
“ฉันไม่กลัวว่าเธอจะลากฉันลงไปด้วยหรอกนะ ไม่ว่าเธอจะลากไปไหนฉันก็โอเคหมดแหละ ตราบใดที่เธออยู่กับฉัน” มุมมองของเขาคือการไม่ไปกระตุ้นความโมโหของพี่เฉินถือว่าเป็นเรื่องดี ถ้าหากเขาไม่พอใจขึ้นมา มีหวังงานของเขาต้องเยอะขึ้นแน่ ๆ
อีกอย่าง…..
ความปรารถนาในตัวของเขาค่อย ๆ ถูกกดเอาไว้ ก่อนจะปล่อยเธอไปและค่อย ๆ ก้มลงไปเก็บเอกสาร
หลินจือเซี๋ยวจัดเสื้อผ้าของตัวเอง ก่อนจะหยิบเอกสารที่อยู่ในมือของเขา “ฉันไม่ลากคุณไปไหนหรอก จะปล่อยให้คุณอยู่คนเดียว ถ้าคุณคิดจะกระโดดลงมาเมื่อไหร่ก็อย่าลืมเรียกฉันละกัน ฉันจะได้ผลักหรือไม่ก็เตะสักทีหนึ่งก็ถือว่าโอเคแล้ว” ตราบใดที่เธอสามารถแก้แค้นเขาได้ก็ถือว่าดีทั้งนั้น แม้ว่ามันจะเป็นครั้งแรกก็ตาม!
แต่โอกาสแบบนั้นคงไม่มีแล้ว!
ไม่มีแน่ ๆ
ตอนนี้สภาพตัวเธอนั้นยุ่งเหยิง ความประทับใจแทบจะไม่มีเลยในครั้งแรก
“เซี๋ยวเซี๋ยว เธอจะใจร้ายมากกว่าพี่สะใภ้ไม่ได้นะ!” ถ้าหากเขาถูกเธอทิ้งในวันแต่งงานละก็ ไม่รู้ว่าตัวเขาจะเป็นยังไงบ้าง
“เชื่อฉันเถอะ เมื่อไหร่ที่ผู้หญิงใจร้ายขึ้นมา มันแทบไม่มีขอบเขตด้วยซ้ำ มีแต่จะมากขึ้น มากขึ้นเรื่อย ๆ” เธอยิ้มพลางหัวเราะออกมา ก่อนจะมองดูเขาและเลื่อนสายตาไปยังท่อนล่าง จากนั้นก็จ้องมันเขม็ง
ฉีเซิ่งเทียนมองไปที่ตำแหน่งสายตาของเธอโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะพูดขึ้นว่า “เซี๋ยวเซี๋ยว ถ้าเธอคิดอยากจะจำเรื่องพวกนี้เมื่อไหร่ก็มาหาฉันได้เสมอนะ”
“หาน้องสาวนายสิ!”
“ฉันไม่มีน้องสาวสักหน่อย!”
เห็นได้ชัดว่าความหมายของเธอไม่ได้เป็นแบบนั้น แต่ฉีเซิ่งเทียนยังแสร้งทำตัวโง่ไม่เข้าใจอีก
การประชุมระหว่างประเทศ จิ่งเป่ยเฉินดูเกียจคร้าน แต่ก็ยังทำท่าทางราวกับตั้งใจฟัง ทั้ง ๆ ที่ตัวเขาแทบไม่ได้ฟังอะไรเลยด้วยซ้ำ
หลังจากที่จบการประชุม หลินจือเซี๋ยวก็รอให้คนอื่น ๆ ออกไปก่อน ตอนนี้ก็เหลือแค่ฉีเซิ่งเทียนและจิ่งเป่ยเฉินที่ยังคงอยู่ในห้องประชุมขนาดใหญ่
“คิดอยากจะพูดอะไร?” จิ่งเป่ยเฉินเอ่ยถามอย่างเย็นชา
ฉีเซิ่งเทียนยิ้ม ก่อนจะเดินไปข้าง ๆ เขา เมื่อก้มลงมองไปที่เขาก็มีคำพูดในใจที่ถูกจัดเรียงง่าย ๆ เอาไว้เป็นเวลานาน จากนั้นจึงถามไปว่า “พี่เฉิน พี่ทำอะไรผิดต่อพี่สะใภ้หรือเปล่า?”
ไม่อย่างนั้นพี่สะใภ้ที่มักจะสงบนิ่งและใจเย็นแบบนั้นจะหนีไปกลางงานแต่งงานได้ยังไง!
ทันใดนั้นมือของเขาก็กำแน่นขึ้น ก่อนจะค่อย ๆ คลายมันออกและยกกาแฟที่ไม่ได้ดื่มตอนประชุมเพื่อเรียกสติ ตั้งแต่เมื่อคืนเขาแทบไม่ได้นอนเลย
เธอต่างหากที่ทำเรื่องน่าเสียใจต่อเขา แต่ตอนนี้……….
ทุกคนต่างก็คิดว่าตัวเขาทำเธอเสียใจงั้นเหรอ?
เขาจำไม่ได้เลยว่าผู้หญิงคนอื่นหน้าตาเป็นยังไง หรือจะบอกว่าเขานอกใจอย่างนั้นเหรอ?
“ไม่มี” เขาเอ่ยอย่างเย็นชา ก่อนจะจิบกาแฟที่เย็นชืดนั้น
ไม่มีเหรอ?
ถ้าไม่มีแล้วพี่สะใภ้จะทำแบบนั้นทำไม?
มีเรื่องเสียใจหรือเปล่า?
หรือไม่เธอก็หมดรักไปแล้วอย่างนั้นเหรอ?
ดวงตาของฉีเซิ่งเทียนทันใดนั้นก็เบิกกว้างขึ้น เมื่อมองไปยังผมสีดำของจิ่งเป่ยเฉิน ก่อนจะพูดเสียงเบา ๆ ไปว่า “พี่เฉิน ไม่ใช่เพราะว่าสีของพี่เริ่มเปลี่ยนไปเหรอ?”
หรือมีใครกล้าหาญไปสวมหมวกสีเขียวให้เขา!
จิ่งเป่ยเฉินใบหน้าค่อย ๆ กลายเป็นมืดมนลง ก่อนจะวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะอย่างแรง
“ผมไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น เดี๋ยวผมต้องมีงานทำต่อ ขอตัวก่อน!” ฉีเซิ่งเทียนมองดูจิ่งเป่ยเฉินที่ทำท่าทางไม่พอใจ ด้วยเหตุนี้เขาต้องรีบออกจากห้องให้เร็วที่สุด
กลายเป็นตอนนี้เขาถูกทิ้งเอาไว้ในห้องประชุมที่ว่างเปล่าและเงียบสงบ
โหรวโหรวบอกว่าลูกของเธอนั้นเป็นของโอวหยางลี่
พวกเขา……..
ในตอนนั้นเธอถูกโอวหยางลี่จับกักบริเวณไว้ที่บ้าน หลายวันผ่านไปนานขนาดนั้น ความรู้สึกเก่า ๆ ของพวกเขากลับมากันแล้วอย่างนั้นเหรอ?
ในงานแต่งงานวันนั้น พวกเขาออกไปตามหาอันโหรวก็เห็นโอวหยางลี่เดินอยู่บนท้องถนนเพียงลำพังเท่านั้น รอบตัวเขาไม่มีอันโหรว ส่วนรถข้าง ๆ ก็แทบจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ
โหรวโหรวกับโอวหยางลี่มีลูกด้วยกัน และตอนนี้ลูกก็อยู่ในท้องของโหรวโหรวอย่างนั้นเหรอ?
ตอนนี้จู่ ๆ เขาก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา
[หมอ ถ้าหากทำแท้งจะมีผลกระทบต่อร่างกายของเธอหรือเปล่า?]
[แน่นอน การทำแท้งถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ เพราะงั้นถึงต้องคิดให้ดี ๆ ก่อน ประธานจิ่ง คุณอยากจะทำต่อไหม?]
[ไม่ พาเธอไปตรวจก่อนละกัน!]
ตัวของเขาเองจะไปทำให้เธอเจ็บปวดได้ยังไง การตั้งท้องปกติก็ต้องใช้เวลาอีกเก้าเดือน เขาควรจะทำยังไงต่อไปดี ควรปล่อยให้เด็กเกิดมา แล้วจากนั้นล่ะ?
ไม่กี่วันผ่านไป ตัวของเขาก็ได้สั่งจัดเตรียมครัวขึ้นมาใหม่ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับอาหารที่จะช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้องได้ ช่วงเวลาสั้น ๆ มานี้ก็พยายามหาหมอมาตรวจให้เธออยู่เสมอ
หมอบอกว่าสุขภาพของเด็กเติบโตดีมาก ตอนนี้มีขนาดเท่าก้อนถั่วเหลืองเม็ดใหญ่แล้วก็ว่าได้
……
ที่สวนซิว
อันโหรวมองดูอาหารตรงหน้า เธอไม่ได้อ้าปากกินอะไรสักคำ เธอไม่รู้ตัวเลยว่าเวลาคนอื่นแท้งนั้นเป็นยังไง แต่ความรู้สึกในใจของเธอตอนนี้มีแค่ความว่างเปล่าเท่านั้น ไม่เจ็บไม่อะไรเลย
การทำแท้งปกติคนอื่นจะเจ็บปวดบ้างหรือเปล่านะ?
แล้วคืนนี้จิ่งเป่ยเฉินจะกลับหรือไม่กลับ?
ถ้าหากเขาไม่กลับมา แล้วเธอจะคุยกับเขาเรื่องหย่าได้ยังไง?
“คุณผู้หญิง กินข้าวก่อนเถอะค่ะ! ร่างกายของคุณจำเป็นต้องได้รับการพักผ่อนที่ดีนะคะ” คนใช้ที่อยู่ด้านข้างเอ่ยขึ้นมา
เมื่อได้ยินคนพูดแบบนี้ เธอก็ตอบสนองทันที ก่อนจะหยิบตะเกียบไม้ไผ่สีดำขึ้นมา เธอได้ยินมาว่าการทำแท้งก็เหมือนกับการคลอดลูก ต้องพักฟื้น นั่งรอเวลา แล้วสุขภาพจะกลับมาดีเหมือนเดิม ไม่อย่างนั้นมันจะกลายเป็นผลเสียต่อสุขภาพได้
หลังจากที่กินข้าวอย่างช้า ๆ เสร็จเรียบร้อย เธอก็ขึ้นไปที่ห้องของตัวเอง เมื่อกลับไปยังห้องของเธอที่ตอนนี้เงียบสงบ ปกติแล้วตอนกลางคืนเธอจะโทรหาหยางหยางกับหน่วนหน่วน ฟังเสียงของพวกเขา ก่อนที่เธอจะนอนอย่างสงบได้
ในความมืดมิดดูเหมือนตอนนี้เธอจะรู้สึกถึงดวงตาสีดำคู่หนึ่งกำลังมองมาที่เธอ มองเสียจนเธอรู้สึกขนลุก
เธอพลิกตัวไปมาอย่างไม่สบายใจ ก่อนจะเอาผ้าห่มมาคลุมโปง ไม่นานหลังจากที่อยู่ใต้ผ้าห่ม เธอก็รู้สึกอึดอัดและหายใจไม่ออก
เธอออกจากผ้าห่มอีกครั้งหนึ่ง ท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง เธอเห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ข้าง ๆ เตียง อารมณ์ที่ดูเย่อหยิ่งของเขาถูกซุกซ่อนไว้ภายใน เขาก้มหน้ามองลงมาที่ตัวเธอ
“นายวางแผนจะกลายเป็นผีหรือยังไง?” เที่ยงคืนครึ่งแล้วยังไม่ได้นอน เธอรีบลุกขึ้นนั่ง
“แบบนั้นเธอก็กลายเป็นคนแรกที่จับผีได้” ทันใดนั้นตัวเขาก็ถอดรองเท้าและลงไปนอนบนเตียง
นี่เป็นบ้านของเขา ห้องของเขา เตียงของเขา ภรรยาของเขา ไม่มีเหตุผลที่เขาจะยืนอยู่ตลอดทั้งคืน
อันโหรวหดตัวก่อนจะขยับตัวไปพื้นที่ข้าง ๆ “นายนอนตรงนี้ ฉันจะไปห้องรับแขก”
ตัวของเธอถูกเขาโอบกอดเอาไว้ทันที ด้านหลังแนบชิดกับหน้าอกของเขาจนรู้สึกถึงลมหายใจของเขา เธอไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้อีก
“เธอไปที่ไหนฉันไปด้วย เพราะงั้นอยู่ที่นี่นั่นแหละ” อยู่ที่นี่ไม่ไปไหนทั้งนั้น อยู่ข้างเขา อยู่เคียงข้างเขาไปตลอด
“จิ่งเป่ยเฉิน นายยอมกลับมาเพราะตกลงจะหย่าหรือเปล่า?”