อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 404 ครอบครัว
ตอนที่ 404 ครอบครัว
ทั้งครอบครัวอยู่ภายในห้องและมองไปที่เธอ เพราะงั้นเธอที่ใส่เสื้อนอนจึงลุกขึ้นออกจากเตียงนอนด้วยสภาพผมที่ยุ่งเหยิงเล็กน้อย
จิ่งเป่ยเฉินมองดูสภาพของเธอโดยไม่โกรธเลยสักนิด ไม่ว่าเธอจะเป็นยังไง แต่ในสายตาของเขาก็สวยที่สุด
“แม่จ๋าหวีผมหน่อย!” อันโหรวที่กำลังเดินออกไปนอกห้อง หน่วนหน่วนก็หยิบหวีขึ้นมาหวีผมให้เธอ
ใบหน้าของเธอแดงก่ำขึ้นมา เธอมองไปที่จิ่งเป่ยเฉิน ไม่นึกเลยว่าใบหน้าที่เย็นชานั้นจะเผยรอยยิ้มออกมา
“นายมองอะไร? ไม่เคยเห็นหรือไง!” ทุกวันที่เธอตื่นนอนมาข้างเขาก็เป็นแบบนี้ เพียงแค่ไม่ได้ลงไปข้างล่างในสภาพนี้เท่านั้น
“เคยเห็น แต่ว่ายังดูไม่พอ” เขาอยากมองดูเธอแบบนี้ไปทุกวัน มองเธอที่ตื่นขึ้นมาอยู่ข้างเขา
แต่ว่า……..
เขาเลื่อนสายตาลงมองไปยังท้องน้อยที่แบนราบของเธอด้วยสายตาที่เย็นชา
เธอรักเด็กขนาดนั้น แต่เด็กคนนั้นกลับไม่ใช่ลูกของเขา เขาไม่อยากเก็บเด็กคนนั้นเอาไว้ แต่ก็กลัวจะเป็นอันตรายต่อร่างกายของเธอ
ขณะที่บิ๊กบอสคิดเรื่องราวต่าง ๆ นานาอยู่นั้น อันโหรวก็หวีผมเสร็จและไปล้างหน้าล้างตา ตอนนี้เขายังคงเหม่อลอยอยู่
อันโหรวจูงหน่วนหน่วนและหยางหยางเดินผ่านตัวเขาออกไป
หน่วนหน่วนสงสารพ่อจ๋าเลยหันมามองเขา “พ่อจ๋าไปกันเถอะค่ะ!”
ตามที่คาดไว้ ลูกสาวตัวน้อยของเขานั้นใส่ใจเขา เมื่อเห็นสามคนแม่ลูกเดินออกไปพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก เขาจึงเดินตามพวกเขาลงไปที่ชั้นล่าง
กับข้าววันนี้ถึงแม้จะจืดชืดแต่ว่ามีเนื้อมากมาย อันโหรวมองไปที่อาหารบนโต๊ะ ทันใดนั้นก็เริ่มรู้สึกอยากอาเจียนออกมา
นี่เธอมีผลข้างเคียงจากการทำแท้งหรือเปล่า?
“แม่จ๋าไม่สบายเหรอ?” หน่วนหน่วนมองสีหน้าของเธอ เหมือนว่าแม่จ๋าจะไม่สบาย
หยางหยางมองดูเธออย่างห่วงใยเช่นกัน แม่จ๋าดูเหมือนอยากจะอาเจียน
จิ่งเป่ยเฉินรีบลุกขึ้นเดินไปตรงหน้าของเธอทันที ดวงตาที่เย็นชาของเขามองไปที่อาหารบนโต๊ะ ก่อนจะคิดว่าคนท้องกินอะไรได้บ้าง และมีอะไรบ้างที่กินไม่ได้
โหรวโหรวมีอะไรที่ไม่อยากกิน ได้ยินมาว่าคนกำลังท้องนั้นอยากกินไม่เหมือนกัน การรับรสก็ต่างกัน เธอไม่ชอบดมกลิ่นควันบุหรี่
“โหรวโหรว” เขาย่อตัวลงและลูบไปที่ด้านหลังของเธอ ดวงตาสีดำอันเยือกเย็นของเขาเต็มไปด้วยความกังวล “อาเจียนออกมา!”
“อ้วก…..”
อันโหรวมีเพียงความคิดเดียวในใจตอนนี้คือนายบอกให้ฉันอาเจียน
หลังจากนั้นเธอก็อาเจียนออกมาจริง ๆ
แต่ว่าทำไมเธอถึงอาเจียนออกมาได้?
“แม่จ๋า!” หยางหยางและหน่วนหน่วนลุกขึ้นมาพลางเอ่ยเรียก เมื่อทั้งสองคนเห็นเธออาเจียนแบบนั้น ทั้งคู่ก็ลุกขึ้นมามองดูเธอ
“อ้วก………”
เธอรู้สึกอึดอัดทั้งที่ยังไม่ได้กินอะไรเลย! ทำไมถึงแย่แบบนี้?
“จิ่งเป่ยเฉิน ฉันรู้สึกไม่สบาย” เธอพิงไปที่ตัวของเขาโดยไม่รู้ตัว ทั้ง ๆ ที่เกลียดเขาอย่างมาก แต่ว่าตอนนี้เธอสามารถพึ่งพิงได้คนเดียวก็คือเขา
“หยางหยาง หน่วนหน่วน ลูก ๆ กินข้าวไปก่อนนะ พ่อจ๋าจะพาแม่จ๋ากลับขึ้นไปบนห้อง” เขาอุ้มอันโหรวที่ยังหอบอยู่เดินขึ้นไปชั้นบนทันที “ตามหมอเร็ว!”
“แม่จ๋า!” หยางหยางกับหน่วนหน่วนจะกินข้าวอย่างสบายใจได้ยังไง จึงเดินตามหลังเขาขึ้นไปชั้นบนด้วย
อันโหรวเอนตัวนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าที่ขาวซีดโดยไม่มีอะไรตกถึงท้อง เธอเหนื่อยหอบอย่างทรมาน แต่ว่าหลังจากที่ออกมาจากโต๊ะอาหารก็เริ่มดีขึ้น
เธอหวนกลับไปคิดถึงกลิ่นอาหารบนโต๊ะ นั่นกลิ่นอะไร?
เหมือนว่าจะเป็นหมูผัดขึ้นฉ่าย ตอนที่เธอท้องหยางหยางกับหน่วนหน่วนก็ไม่รู้สึกอยากกิน แล้วตอนนี้?
แม้กระทั่งลูกที่ไม่อยู่ในท้องแล้ว ผลกระทบต่อการท้องก็ยังคงอยู่งั้นเหรอ?
เธอมองไปที่สีหน้าที่สงบของผู้ชายด้านข้าง มือของเขาพันผ้าพันแผลอยู่ พอใช้แรงอุ้มเธอขึ้นมาเมื่อครู่ตอนนี้ผ้าพันแผลสีขาวจึงมีเลือดไหลซึมออกมา
“มือของนาย…..” ไม่นึกเลยว่าเธอยังจะเป็นห่วงเขา
“เธอเป็นยังไงบ้าง? รู้สึกดีขึ้นบ้างไหม?” เขาไม่ได้เจ็บที่มือ แต่เป็นที่หัวใจ เจ็บอย่างมาก
“ไม่อาเจียนแล้ว ไม่ต้องเรียกหมอ” เธอส่ายหน้า แต่ว่าไม่ได้กินอะไรเลยจึงรู้สึกหิวมาก
หยางหยางกับหน่วนหน่วนเดินเข้ามาในห้อง ทั้งสองคนมองเธออย่างเป็นห่วง หน่วนหน่วนปีนขึ้นมาบนเตียง
เธอนอนลงข้าง ๆ ตัวแม่จ๋า มือเล็ก ๆ ลูบไปที่หน้าท้องของเธอ “แม่จ๋า สีหน้าของแม่ดูไม่ดีเลย”
“แม่จ๋าไม่เป็นอะไร ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ” เธอเพียงแค่เหนื่อยหอบเท่านั้น ไม่ได้รุนแรงเสียหน่อย
อีกไม่นานหมอก็จะมาแล้ว ใบหน้าที่สงบของจิ่งเป่ยเฉินนั้นขยับเล็กน้อย เขาไม่ต้องการบอกเธอเรื่องที่ไม่ได้ทำแท้ง แต่ดูอาการที่เหนื่อยหอบและอาเจียนของเธอแล้ว ไม่มีทางที่เธอจะไม่สงสัย
ไม่ช้าก็เร็วคงต้องรู้เข้าสักวัน เขาจะปิดบังเธอไปได้อีกนานแค่ไหน!
อันโหรวไม่คิดอยากตรวจสอบ แต่ว่าเธอรู้สึกสงสัยอยู่ภายในใจ เมื่อมองสีหน้าของจิ่งเป่ยเฉิน ใบหน้าที่เย็นชาของเขาดูสงบมาก ไม่มีอะไรแตกต่าง แต่ว่าใบหน้าที่สงบแบบนี้ไม่เหมือนตอนที่หมอเข้ามาแล้ว
“คุณนาย ร่างกายแข็งแรงดีครับ อาการแพ้ท้องเป็นเรื่องปกติในช่วงแรกของการตั้งครรภ์” หมอพูดกับเธอด้วยรอยยิ้ม “คุณนายได้กลิ่นอะไรแล้วรู้สึกไม่ดีบ้าง? หลังจากนี้ก็ไม่ต้องกินมัน ถ้าหากว่าอาเจียนออกมาหนักมากก็สามารถจ่ายยาให้กินได้นิดหน่อย ซึ่งยามีพิษสามส่วน[1] แต่ทางที่ดีก็ไม่ควรกินนะ”
หมอยังคงพูดต่อ แต่สายตาของอันโหรวกลับจ้องไปที่ผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างเตียง ทั้ง ๆ ที่เธอเข้าห้องผ่าตัดไปแล้ว นี่เขากำลังคิดอะไรอยู่?
เธอบอกแล้วว่านั่นไม่ใช่ลูกของเขา ไม่นึกเลยว่าเขาจะเก็บเด็กเอาไว้!
“คุณหมอ คุณช่วยทำแผลให้เขาใหม่ด้วย” ตอนนี้เธอไม่อยากจะสนใจเขาแล้ว ไม่คิดว่าจะโกหกเธอ!
“ครับ!” หมอมองไปยังมือที่เลือดออกของจิ่งเป่ยเฉิน สีหน้าของคุณชายนั้นเย็นชามาก เขาไม่แม้แต่จะกล้า!
“ออกไป!” จิ่งเป่ยเฉินพูดออกมาอย่างเย็นชา
“คุณชาย มือคุณเลือดออกอยู่นะ” เขาไปไม่ได้เพราะคำสั่งของคุณนาย……..
“บอกให้ออกไป ไม่ได้ยินใช่ไหม?” สีหน้าของจิ่งเป่ยเฉินดำดิ่งลง
ท่าทางของเขาทำให้หมอตกใจ ก่อนจะรีบออกไปทันที
หลังจากที่เขาเดินออกไป หยางหยางและหน่วนหน่วนก็เพิ่งรู้ตัว
“เพราะน้องสาวในท้องของแม่จ๋าก่อปัญหา ไม่น่ารักเลย” หน่วนหน่วนลูบไปที่ท้องของอันโหรวพลางมองไปที่ท้องน้อย “น้องต้องเป็นเด็กดี ต้องเชื่อฟังนะ”
อันโหรวร้องไห้แบบไม่มีน้ำตา เด็กเท่าเมล็ดถั่วเหลืองจะไปได้ยินอะไร?
“หน่วนหน่วนรู้ได้ไงคะว่าเด็กในท้องเป็นน้องสาว” ถ้าเป็นน้องชายล่ะ?
“หน่วนหน่วนอยากมีน้องสาวค่ะ ต้องน่ารักมากแน่ ๆ” เธอเงยหน้ามองอันโหรว “สีหน้าของแม่จ๋าดีขึ้นเยอะเลย!”
สีหน้าของเธอดีขึ้นเร็วขนาดนั้นเลยเหรอ?
เป็นเพราะรู้ว่าลูกยังอยู่ในท้องหรือเปล่านะ?
ความจริงเธอสงสัยตั้งแต่ที่อาเจียนตอนเช้าแล้ว แต่ว่าวันนั้นเธอนอนอยู่ในห้องผ่าตัดที่หนาวเย็น รู้สึกรุนแรงอย่างมากจนเธอไม่อยากจะคาดเดาและเชื่อตัวเอง
“แม่จ๋า ผมก็อยากมีน้องสาว น้องชายก็ได้ครับ แม่จ๋าคลอดออกมาผมก็ชอบทั้งนั้น” หยางหยางยืนมองเธออยู่ข้างเตียง รู้ว่าที่อาเจียนคืออาการแพ้ท้องก็หมดห่วง แต่เป็นห่วงกลัวว่าแม่จ๋าจะป่วย
“อืม ไม่ว่าจะลูกสาวหรือลูกชายก็ชอบหมด” เธอจับไปที่หลังมือของหน่วนหน่วนที่กำลังลูบอยู่ที่ท้องน้อยของเธอ ลูกของเธอยังอยู่
“หน่วนหน่วน หยางหยาง ไปกินข้าวได้แล้ว เด็ก ๆ วัยกำลังโตไม่กินไม่ได้นะ” ทันใดนั้นจิ่งเป่ยเฉินก็พูดขึ้น ก่อนจะอุ้มหน่วนหน่วนและจูงมือหยางหยางออกไปจากห้อง
[1] เป็นยาจีน เป็นยาบำรุงยาอายุวัฒนะ มีฤทธิ์ที่โน้มเอียงไปทางการปรับสมดุลที่รุนแรงมากกว่าอาหาร การใช้ยาสมุนไพรปรับสมดุลที่ผิดจะนำมาซึ่งการเสียสมดุลมากขึ้น หรือถ้าใช้ไปนาน ๆ โดยไม่เข้าใจสภาพร่างกายและตัวยาสมุนไพรที่ใช้จะทำให้สุขภาพเสียหายมากยิ่งขึ้น