อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 409 กระตุ้นประธานจิ่ง
ตอนที่ 409 กระตุ้นประธานจิ่ง
เหอเหมียวยืนอยู่กับที่พลางมองดูพวกเขาด้วยท่าทีที่งุนงง จิ่งเป่ยเฉินไม่โกรธเลยงั้นเหรอ?
เมื่อครู่เธอเพิ่งพูดอะไรกระตุ้นประธานจิ่งไปหรือเปล่า?
หรือว่าประธานจิ่งจะช่วยเหลือเธอ?
เธอเข้าใจดีว่ายังไงก็ต้องแก้แค้นให้โอวหยางลี่ เธอทิ้งโอวหยางลี่ไป นับว่าเป็นการตัดสินที่ชัดเจนแล้วจริง ๆ เธอกำลังมองดูภายในห้องว่ามั นเกิดอะไรขึ้นบ้าง!
อันโหรวเหลือบสายตามองไปที่เขา ก่อนจะพูดขึ้น “อะไร? อยากมองก็มองสิ จะมาทำลับ ๆ ล่อ ๆ ทำไม คิดไม่ถึงเลยนะว่านายจะชอบดูอะไรเบื้องหลังแบบน นี้ ดูท่าลูซี่จะเป็นอาหารของนายจริง ๆ สินะ ตอนนี้คงไม่ได้ถูกนายซ่อนตัวไว้อยู่ใช่หรือเปล่า?”
“หึงเหรอ?” บิ๊กบอสยกมุมปากขึ้น ก่อนจะมองดูท่าทางของเธอด้วยความพอใจ
นานมากแล้วที่ไม่ได้ยินเสียงของอันโหรวที่ดูโกรธดุดันกับเขาแบบนี้
ดีมาก อันโหรวของเขายังไงก็เป็นอันโหรวของเขาอยู่ดี
“ฉันจะหึงนายเพื่ออะไรอีก? ประธานจิ่ง ข่าวซุบซิบนินทาของนายกระฉ่อนไปทั่วเมือง A จนถึงเมือง S!” เธอไม่คิดอยากจะสนใจเรื่องน่าเบื่อพวกนี้เลยสั กนิด
ก่อนหน้านั้นผู้หญิงเหล่านั้นล้วนแล้วแต่ไม่เคยอยู่ในสายตาของเธอเลยสักนิดเดียว แต่ตอนนี้เมื่อเกิดเรื่องของอันหยาพั่นขึ้นมา หัวใจของเธอก็ ตื่นตระหนก ไม่รู้ว่าคำพูดของเขาที่พูดมานั้นจะเป็นความจริงบ้างหรือเปล่า
บางทีนั่นอาจจะไม่ใช่แค่ข่าวซุบซิบนินทา แต่อาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้
จู่ ๆ บิ๊กบอสก็มองเธออย่างจริงจัง หัวใจของเขาเริ่มรู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมา โหรวโหรวของเขาคิดอะไรอยู่กันแน่?
ในหัวของเธอเอาเขาไปเปรียบกับใครกัน?
“โหรวโหรว เธอจำได้หรือเปล่าว่าฉันป่วยเป็นโรคอะไร?” จิ่งเป่ยเฉินสงสัยมาก หรือว่าเธอจะไม่รู้สึกเอะใจบ้างเลยอย่างนั้นเหรอ ถึงได้เชื่อคำพูดข ของคนนอก แต่กลับไม่เชื่อคำพูดของเขาแบบนั้น
“โรคของนายงั้นเหรอ?” ไม่ใช่ว่าเขาป่วยทั่วทั้งตัวเลยหรือไง?
ใบหน้าของบิ๊กบอสที่ดูเย็นชาแบบนั้น ความหมายของเขาคือโรคป่วยเฉพาะพิเศษที่เขาเป็น
“ฉันหมายถึง….”
จิ่งเป่ยเฉินยังไม่ทันได้พูดจบ จู่ ๆ ก็มีเสียงดังแทรกขึ้นมา
“ช่วยฉันด้วย ช่วยฉันด้วย!”
“คนสวย อย่าชนแขนของฉันสิ!”
ทั้งสองคนมองไปยังทางเดินที่อยู่ห่างไปอีกสองเมตรด้วยความสับสน เห็นผู้หญิงคนหนึ่งชนเข้าไปในอ้อมแขนของหมิ่นลี่ ก่อนจะตะโกนออกมาด้วยน้ำเสี ยงที่อ่อนแรง
อันโหรวรีบเดินเข้าไปดู ส่วนบิ๊กบอสเองก็รีบเดินตามไปทันทีเช่นกัน เมื่อไหร่เขาจะแก้ปัญหาวุ่นวายพวกนี้ได้สักที?
เรื่องของพวกเขายังคุยกันไม่จบเลยด้วยซ้ำ!
ตอนนี้ตัวของเหอเฉ่าเหมือนกับว่ากำลังกอดหมิ่นลี่เอาไว้ กระโปรงของเธอขาดเป็นส่วน ๆ เผยให้เห็นไหล่ที่มีกลิ่นหอมจาง ๆ ออกมา เมื่อสูดดมก็รู สึกได้ว่าตัวเองนั้นเริ่มร้อนผ่าวขึ้นมาทันที
นี่เป็นครั้งแรกที่หมิ่นลี่แนบชิดกับผู้หญิงที่สวยแบบนี้ แถมยังถูกกอดเอาไว้ด้วย แต่เขาไม่ใช่พวกผู้ชายที่ชอบชุบมือเปิบด้วยสิ
“คนสวย ฉันคิดว่าเธอตัวร้อนเกินไปหน่อยนะ มีไข้หรือเปล่าเนี่ย?” เสียงของหมิ่นลี่ดังขึ้นเรื่อย ๆ มันดังเสียจนทำให้ไหล่ของเหอเฉ่าถึงกับหด ดลงเล็กน้อย
การกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเธอทำให้หมิ่นลี่ถึงกับต้องขมวดคิ้ว แค่เสียงตัวเองก็ทำให้ผู้หญิงสวย ๆ หวาดกลัวแล้วอย่างนั้นเหรอ?
แล้วเขาจะทำยังไงดี?
“เจ้าโง่ เธอไม่ได้มีไข้ เธอถูกวางยา” อันโหรวเดินไปตรงหน้าพวกเขา พลางมองดูใบหน้าเล็ก ๆ แดง ๆ ของเหอเฉ่า นัยน์ตาของเธอนั้นดูลุ่มหลงหมิ่นล ลี่แบบแปลก ๆ อันโหรวจึงพูดขึ้นว่า “มียาแก้พิษไหม นายจะยืนอึ้งอีกนานแค่ไหนกัน?”
“พี่สะใภ้ อย่าพูดแบบนั้นกับผมสิ เดี๋ยวผมจะพาเธอไปที่โรงพยาบาลละกัน!” หมิ่นลี่รู้สึกเหมือนเขากลายเป็นคนผิด
เขาแค่คิดอยากจะออกมาดูพี่เฉินกับพี่สะใภ้ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่ แต่จู่ ๆ ก็มีคนเดินเข้ามาชนจนเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นต่างหาก
อีกอย่างเขาไม่คิดอยากจะเป็นยาแก้พิษบ้าบออะไรนั่นด้วย
ท่ามกลางความตกใจเล็กน้อยของอันโหรว หมิ่นลี่ก็รีบดึงตัวเหอเฉ่าออกไปอย่างรวดเร็ว เมื่อหันกลับไปมองดูก็เห็นเหอเหมียวยืนชิดติดกับกำแพง ใ ใบหน้าเล็ก ๆ ซีดขาวทันทีที่เห็นพวกเขา
ไม่จำเป็นต้องพูดก็พอจะเดาได้ว่าใครเป็นคนทำ
จิ่งเป่ยเฉินโอบเอวของอันโหรวไว้ สายตาของเขามองกวาดไปที่เธอหนึ่งครั้ง ก่อนจะเดินเข้าไปที่ห้องส่วนตัวทันที
เมื่อพวกเขากลับไปแล้ว นอกจากหมิ่นลี่จะไม่อยู่ที่นั่น คนอื่น ๆ ก็ล้วนอยู่ที่นี่กันหมด
โดยเฉพาะอันหยาพั่นที่แสร้งทำเป็นนั่งอยู่ทางด้านซ้ายมือด้วยท่าทีที่สบาย เผยให้เห็นรอยยิ้มจาง ๆ ออกมา
อันโหรวเหลือบมองไปที่สายตาของเธอโดยไม่พูดอะไร ก่อนจะนั่งลงที่เดิม ตอนนี้อารมณ์ในการกินข้าวของเธอล้วนจางหายไปหมดแล้ว
“หมิ่นลี่ไปไหน? เมื่อกี้เหมือนฉันได้ยินเสียงของเขาอยู่เลย?” ฉีเซิ่งเทียนมองไปยังประตูที่ยังคงปิดอยู่
“เขาไปหายาแก้พิษ ไม่สิ เขาพาคนสวยไปที่โรงพยาบาล” อันโหรวเอ่ยคำพูดคำจาออกมาด้วยท่าทีที่นิ่งเฉย
เธอไม่รู้ว่าใครเป็นคนพาอันหยาพั่นมาที่นี่ แต่พามาที่นี่ต้องมีความหมายอะไรแน่ ๆ จิ่งเป่ยเฉินในที่สุดก็คิดอยากจะหย่ากับเธอแล้วงั้นเหรอ ?
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน?” ฉีเซิ่งเทียนเดิมทีก็คิดอยากจะรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อได้ยินคำพูดของพี่สะใภ้ เจ้าเด็กน้อยคนนั้นดูเหมือนว่า าจะได้เจอกับสาวงามเข้าซะแล้วสินะ!
“ผู้จัดการฉี คุณเองก็คิดอยากจะเป็นยาแก้พิษด้วยอย่างนั้นเหรอ?” หลินจือเซี๋ยว เจ้าของใบหน้าน้อย ๆ ที่งดงามเผยน้ำเสียงที่ดูคลุมเครือ ก่อนจะ ะวางถ้วยในมือลงอย่างช้า ๆ
ฉีเซิ่งเทียนหันหน้าไปมองรอยยิ้มของเธอ ไวน์ที่กำลังถูกส่งเข้าไปในปากของเธอเมื่อครู่นี้ช่างดูงดงามจริง ๆ แถมน้ำเสียงคำพูดคำจาเองก็ดูแปลก ๆ สำหรับตัวเขา “เซี๋ยวเซี๋ยว ฉันจิตใจแน่วแน่แค่เธอคนเดียว ต่อให้ฟ้าดินเปลี่ยนไป ฉันก็ไม่คิดอยากเป็นยาแก้พิษให้ใครทั้งนั้น! แต่ถ้าหากเธอคิ ดอยากจะเล่นละก็ ฉันก็ไม่ปฏิเสธของพวกนั้นกับเธอหรอกนะ…..”
“ฉีเซิ่งเทียน เอาไวน์ของนายออกไปเลย ส่วนนายก็อยู่ให้ห่าง ๆ หน่อย” เธอไม่ต้องการถูกวางยา และก็ไม่ต้องการเล่นอะไรทั้งนั้น
“ก็ได้ ไม่มีปัญหา” ฉีเซิ่งเทียนลุกขึ้นอย่างเด็ดเดี่ยว ก่อนจะถอยเก้าอี้กลับไปที่เดิม ไม่ช้าพวกเขาทั้งสองคนก็นั่งใกล้ชิดกันอีกครั้งหนึ่ง
หลินจือเซี๋ยวรู้สึกว่าการลอบขโมยอะไรแบบนี้ทำให้ไม่มีแม้แต่อารมณ์ใด ๆ ที่จะพูดจริง ๆ
ด้วยเหตุนี้เธอจึงยกแก้วไวน์ขึ้นมาใหม่ และตัดสินใจดื่มรวดเดียวเลยน่าจะดีกว่า
หยุดเลิกคิดฟุ้งซ่านใด ๆ ทั้งนั้น ไม่ต้องสนใจมองเขาอีกแล้ว
“เซี๋ยวเซี๋ยว คืนนี้เป็นวันเกิดของฉัน จะมอบของขวัญให้ฉันเป็นอะไรดี? ถ้าหากยังคิดไม่ออกละก็ เธอก็เอาตัวเธอห่อเป็นของขวัญให้ฉันก็ได้นะ ” แน่นอนว่าตัวเขานั้นจะรับมันมาอย่างดี ทั้งยังจะดูแลมันเป็นพิเศษอีกด้วย
หลินจือเซี๋ยวยิ้มพลางหัวเราะออกมา แต่กลับไม่ตอบอะไรเขา
ไม่ช้าเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น ฉีเซิ่งเทียนนั่งตัวตรงและพูดขึ้นว่า “เข้ามา!”
ประตูห้องส่วนตัวในที่สุดก็ถูกเปิดออก ก่อนที่พนักงานจะเดินเข้ามาพร้อมพาเด็กผู้หญิงน่ารักตัวเล็ก ๆ จับมือเข้ามาด้วย
“ประธานจิ่ง เด็กผู้หญิงคนนี้บอกว่าแม่ของเธออยู่ที่นี่ครับ” พนักงานคนนั้นมองไปที่ใบหน้าของจิ่งเป่ยเฉินที่นั่งอยู่ด้านในสุด ก่อนจะพูดอย่าง สุภาพ
ไม่ได้รอให้คนในห้องส่วนตัวตอบกลับ เด็กผู้หญิงคนนั้นก็ปล่อยมือพนักงานออกทันที ก่อนจะรีบวิ่งตรงไปที่อันหยาพั่น “แม่ขา แม่ขา”
อันหยาพั่นมองเธอด้วยความแปลกใจ จำได้ว่าตอนนั้นพาเธอไปอยู่ที่บ้านแล้วนี่ ทำไมตอนนี้ถึงมาอยู่ที่นี่ได้อีก?
อันโหรวจับมือของตัวเองที่อยู่บนตักอย่างเงียบ ๆ ใบหน้าเล็ก ๆ ของเธอตอนนี้ซีดเผือด แต่นี่ก็ถือว่าดีเหมือนกัน จะได้พูดให้ชัดเจนไปเลย ต่อห หน้าพวกเขาแบบนี้ หลังจากนี้จะได้ไม่มีใครมาคัดค้านเรื่องการหย่าของเธออีก
จิ่งเป่ยเฉิน นายนี่มันนอกใจก่อนจริง ๆ
“คุณอันยังดูเป็นสาวอยู่เลยนะ คิดไม่ถึงเลยว่าลูกจะโตขนาดนี้แล้ว คุณแต่งงานแล้วอย่างนั้นเหรอ?” แก้วไวน์ในมือของฉีเซิ่งเทียนสั่นโค้งไปมาตา ามมือของเขาที่ขยับ พร้อมกับสายตาของเขาที่กำลังหรี่เล็กลงพลางมองไปที่ตัวเธอ
อันหยาพั่นมองดูเสี่ยวอวี๋ที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังว่า “หนู หนูจำคนผิดหรือเปล่า? น้ายังไม่แต่งงานเลยนะ!”
“แม่ขา แม่ไม่อยากได้เสี่ยวอวี๋แล้วเหรอคะ?” เสี่ยวอวี๋เอียงศีรษะพลางทำหน้าตาน่าสงสารขึ้นมา
อันหยาพั่นรู้สึกได้ชัดเจนว่าตอนนี้ภายในห้องทุกคนต่างก็มองมาที่ตัวเธอ ถ้าหากเธอพูดว่าไม่รู้จริง ๆ มีหวังความประทับใจก็คงได้จางหายกันไป ปพอดี
“เสี่ยวอวี๋” อันหยาพั่นดึงเธอเข้ามากอด ใบหน้าของเธอนั้นดูเศร้าขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด “ไม่ใช่ว่าแม่ไม่รู้จัก แต่แค่…..”
“แม่ขา แม่อย่าร้องไห้นะ เสี่ยวอวี๋ไม่น่าออกมาหาแม่เลย” เสี่ยวอวี๋มองเห็นน้ำตาของเธอค่อย ๆ ไหลออกมา หัวใจดวงน้อย ๆ ของเธอก็พลอยสั่นไหว ขึ้นมาทันที
“คุณอัน นี่เป็นลูกสาวของคุณจริง ๆ เหรอ?” ฉีเซิ่งเทียนมองดูด้วยความประหลาดใจ แทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น