อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 415 เขามีขอบเขต
ตอนที่ 415 เขามีขอบเขต
“อืมมมมม………”
ระเบียงกลางแจ้ง ด้านล่างก็มีผู้คนจำนวนมากที่เห็น เขา…..
ในที่สุดหัวของเธอก็รู้สึกมึนงงไปหมด และแล้วการจูบที่ยาวนานก็ได้สิ้นสุดลง
เธอหายใจเข้าลึก ๆ หลายครั้ง ก่อนที่จะเงยใบหน้าเล็ก ๆ มองไปที่เขา “นายพักสักเดี๋ยวสิ ฉันหายใจไม่ทันแล้ว ยังมีเด็กอีกนะ!”
“ไม่มีทาง” เขามีขอบเขตดีพอ
อันโหรวกลอกตามองบนไปที่เขา เรื่องพวกนี้ก็ไม่แปลกเท่าไร
“โทรศัพท์ฉันดัง นายปล่อยฉันก่อน!” หัวเล็ก ๆ ของเธอพยายามรั้งไม่ให้ถูกดึงเข้าไปหาเขาอีกครั้ง
จิ่งเป่ยเฉินโน้มตัวลงมา ก่อนจะอุ้มเธอและพาเดินเข้าไปที่ด้านใน หนำซ้ำยังโอบรัดเอวของเธอเอาไว้อีก ดูท่าเขาไม่มีทางที่จะเปลี่ยนท่าทีแน่ ๆ
ช่างเถอะ ไม่ต้องสนใจเขาแล้ว!
เห็นแก่สิ่งที่เขาทำและสิ่งที่เธอทำผิดกับเขาไป จะยอมให้เขาหน่อยก็ได้!
“หลินจือเซี๋ยว มีอะไรงั้นเหรอ?”
ตอนนี้ตัวเธอยังคงเกาะติดอยู่กับตัวของเขา เสียงลมหายใจที่แผ่วเบาของเขายังคงอยู่ข้าง ๆ ตัวเธอ เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นไปมองก็เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาและดูเย็นชา ดวงตาสีดำกำลัง จับจ้องมองมาที่ตัวเธอ ในดวงตาของเขาตอนนี้มีแค่เธอเท่านั้น
“โหรวโหรว เธอตื่นแล้วใช่ไหม?” หลินจือเซี๋ยวฟังจากน้ำเสียงของอันโหรวและพูดขึ้น
“อืม ฉันตื่นนานแล้ว” ตอนนี้จะสิบเอ็ดโมงแล้ว จะให้เธอนอนหลับต่ออีกหรือยังไงกัน?
“โหรวโหรว ผู้จัดการฉีติดต่อไม่ได้เลย เขาเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า? เมื่อคืนฉันโทรหาเธอเพื่อจะถามบิ๊กบอส ผู้จัดการฉีถูกคนในครอบครัวพาตัวไป ดูเหมือนจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น แถ ถมโทรไปก็ไม่รับอีก” หลินจือเซี๋ยวดูเป็นกังวลอย่างมาก เมื่อคืนก็นอนไม่หลับทั้งคืน
อันโหรวเงยหน้าขึ้นไปมองที่จิ่งเป่ยเฉิน ก่อนจะยื่นโทรศัพท์ไปใกล้ ๆ หูของเขาและก็เอ่ยปากพูดขึ้น “นายตอบเรื่องนี้ที”
เดิมทีเธอก็ไม่ได้รู้จักคนตระกูลฉีเท่าไร ฉีเซิ่งเทียนเกิดเรื่องอะไรขึ้นนั้น บางทีจิ่งเป่ยเฉินอาจจะเป็นคนที่เข้าใจมากที่สุด
จิ่งเป่ยเฉินมองไปที่ตัวเธอ ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า “เขาไม่เป็นอะไรหรอก”
อันโหรวเอาโทรศัพท์กลับมาพูดต่อ “จือเซี๋ยว ไม่ต้องกังวลหรอก บางทีตอนนี้เขาอาจจะกำลังนอนอยู่ก็ได้”
“อา….งั้นฉันไม่รบกวนพวกเธอแล้วนะ วางสายก่อน!” หลินจือเซี๋ยวคิดไม่ถึงเลยว่าบิ๊กบอสจะตอบคำถามเอง ก่อนจะรีบวางสายไปอย่างรวดเร็ว
อันโหรวเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ถูกวางสายไปก็เงยหน้ามองเขาและพูดว่า “เกิดอะไรขึ้นกับฉีเซิ่งเทียนเหรอ?”
“เขาน่าจะถูกพี่ชายพากลับบ้านไปเรียกสติ”
เขาได้รับการยืนยันเมื่อคืนนี้เอง
“ช่างเป็นพี่ชายที่ดีจริง ๆ” เธอโยนโทรศัพท์ลงไปบนเตียง “เพราะงั้นประธานจิ่งที่เก่งกาจจะช่วยวางฉันลงได้หรือยัง?”
ทำแบบนี้แล้วดูน่าอายจริง ๆ
“เก่งกาจตรงไหนกัน?”
“เก่งกาจกับทุกคนนั่นแหละ!” รอยยิ้มในดวงตาของเขาเผยออกมาอย่างเห็นได้ชัด และเธอก็เห็นมันได้อย่างชัดเจนเช่นกัน
คำตอบไม่น่าพอใจ แต่การมีเธออยู่เคียงข้างแบบนี้ก็มีความสุขมากแล้ว
ในวันจันทร์ อันโหรวไปที่บริษัทอีกครั้ง
มีเสียงดังจอแจมากมายเกี่ยวกับเรื่องงานแต่งเมื่อครั้งนั้น แต่เมื่อเธอกับจิ่งเป่ยเฉินเข้าไปที่บริษัทด้วยกัน เธอก็ถูกอ้อมแขนของเขาโอบเอาไว้และพามุ่งหน้าตรงไปยังห้องทำงาน ท่าที ของพวกเขาต่างก็ดูโอ่อ่าเสียจริง ๆ
ไม่ช้าเสียงซุบซิบนินทาก็เงียบหายไป
เรื่องราวในอดีตที่กดดันต่าง ๆ เริ่มหายไป บิ๊กบอสตอนนี้มีความสุขมาก พวกเขาตอนนี้ต่างก็ทำงานกันอย่างขะมักเขม้น หนำซ้ำยังไม่มีท่าทีที่จะหยุดเรื่องงานเลยสักนิด
แต่อันโหรวก็เริ่มรู้สึกตัวเร็วขึ้นว่าตอนนี้เธอกลายเป็นคนที่ขี้เกียจไปเสียแล้ว
ด้วยฐานะและตำแหน่งหัวหน้าเลขา ทั้งภายใต้การทำงานในบริษัทจิ่ง เธอมีหน้าที่แค่ชงชาให้จิ่งเป่ยเฉินและก็เอาชาไปให้เขากิน ไปกินข้าวกับเขา นอนหลับด้วยกัน นั่งดูทีวีในตอนบ่ายบ้า างตามช่วงเวลา
“น่าเบื่อจริง ๆ …….”
เธอปิดทีวีที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะหยิบมือถือออกมาไถเล่น สองนาทีต่อมาเธอก็ลุกขึ้นจากที่นั่งและพยายามเดินออกไป แต่เมื่อคิด ๆ ดูแล้วเธอควรไปที่ห้องทำงานของจิ่งเป่ยเฉินเพื่อบอ อกเขาก่อน
เธอเองก็ไม่ได้คิดอยากจะให้เขาโกรธเท่าไรนัก
เมื่อเข้าไปข้างในเธอก็เห็นเขากำลังเขียนอะไรบางอย่างที่ดูจริงจังอยู่ เธอเลยเดินเข้าไปอย่างเงียบ ๆ
ก่อนจะวางมือบนไหล่ของเขาและบีบคลึงมันเบา ๆ เสียงเบา ๆ เอ่ยถามไปว่า “มีปัญหาอะไรงั้นเหรอ?”
“ไม่มี”
ไม่ช้าเขาก็วางปากกาลง ก่อนจะจับไปที่มือเธอ “พูดมาสิ! คิดอยากจะไปไหน?”
“ฉันว่าจะไปหาวิเวียนสักหน่อย ที่นี่น่าเบื่อเกินไป”
เมื่อเอ่ยถึงชื่อนี้ ดวงตาของจิ่งเป่ยเฉินก็ดำดิ่งลงทันที อันโหรวชอบไปหาเธอที่บ้าน ที่ที่ทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยดี
“ฉันไปกับเธอด้วยละกัน”
“ฉันแค่จะไปวาดรูปออกแบบอะไรพวกนั้น นายจะไปทำไม? ฉันไม่คิดหนีหรอก ฉันจะกลับบ้านตรงเวลา ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นละก็ นายจะต้องมาหาฉันก่อนเสมอรู้ไว้” เธอปฏิเสธที่จะให้เขาตามไป ปด้วย ไม่อย่างนั้นเธอคงจะไม่มีอิสระบ้างเลย
“แต่ตอนนี้เธออุ้มท้อง”
ก่อนหน้านั้นไม่เหมือนตอนนี้ เพราะตอนนั้นไม่ตั้งท้อง เขาเองก็ไม่คิดอยากจะละสายตาจากเธอไป เพราะตอนนั้นเพียงแค่ละสายตา สายตาของเธอที่มองเขาก็ดูเหินห่างขึ้นมาทันที
“ถ้ารู้แบบนี้แต่แรกไม่มาหานายดีกว่า น่าจะตรงไปเลย” เธอดึงมือของเขาออก “ฉันมีเรื่องที่ต้องคุยกับพี่ อีกอย่างมันเป็นเรื่องที่นายไม่ควรจะรู้ด้วยซ้ำ”
บิ๊กบอสมองเธอนิ่ง ก่อนสายตาจะเหลือบมองไปทั่วทั้งตัวและเอ่ยถามขึ้นว่า “เรื่องอะไรกันที่ฉันไม่ควรรู้? ไม่ว่าเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับตัวเธอ ฉันก็อยากรู้ทั้งนั้นแหละ”
เธอควรจะบอกเรื่องแม่ให้เขาฟังดีไหม?
แต่ถ้าบอกเขาไปแล้ว หลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง?
ไม่ง่ายเลยนะที่กว่าจะคลี่คลายเรื่องเข้าใจผิดกันได้ อีกทั้งยัง….
เธอยังจำได้ดีในวันนั้นที่เขาพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับแม่ เกี่ยวกับตระกูลอัน พ่อแม่ของเธอก็ดูรักกันดี ทำไมแม่ถึงจะมาเกี่ยวข้องด้วย? มันต้องมีอะไรบางอย่างผิดพลาดเกิดขึ้นแน่นอน!
“ฉันกังวลว่าถ้าพูดให้ฟังแล้ว นายจะโกรธ” ไม่ต้องกังวล แต่มั่นใจว่าเขาต้องโกรธมากแน่ ๆ
“ไม่พูด ไม่พูดแล้ว! นายปล่อยฉันไปได้แล้ว ฉันต้องไป” เธอเพิ่งบอกกับวิเวียนไปว่าอีกสักพักหนึ่งเธอจะไปหา
“ไม่พูด……….” จิ่งเป่ยเฉินเอื้อมมือของเขาจับไปที่คางของเธอเบา ๆ ก่อนจะพูดว่า “จะพูดหรือไม่พูด!”
เธอจ้องตาเขม็งพลางตอบกลับ “ไม่พูด!”
“ไม่พูดก็อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจก็แล้วกัน”
“ไม่ใช่ว่าจะจูบหรอกนะ? ฉันไม่จูบนะ” เรื่องเล็กน้อยแบบนี้คิดจะให้เธอพูด ดูถูกเธอเกินไปแล้ว
ด้วยเหตุนี้เธอเลยปิดปากลงแน่น เพราะจูบแต่ละทีก็ทำเอามึนหัวไปหมด
“พี่เฉิน………”
ฉีเซิ่งเทียนผลักประตูเข้ามาอย่างเต็มแรง ก่อนจะก้าวเดินเข้ามาไม่หยุด เมื่อเห็นท่าทีของทั้งสองคนที่ดูกลมเกลียวกันดีจึงพูดขึ้นทันที “พวกพี่ทำต่อกันเลย ทำต่อกันเลย!”
“อย่าไปนะ!” อันโหรวผลักจิ่งเป่ยเฉินออกทันที ก่อนจะรีบวิ่งหนีหายไปด้วยความรวดเร็ว “ประธานจิ่ง ฉันเลิกงานก่อนนะ!”
บิ๊กบอสเห็นตัวเธอค่อย ๆ วิ่งห่างไปเรื่อย ๆ สุดท้ายก็หายลับไปต่อหน้าเขา
ฉีเซิ่งเทียนไม่ได้ปิดประตูห้องทำงาน เมื่อเห็นอันโหรวเดินออกไปไกลแล้ว เขาจึงปิดประตูห้องและพูดขึ้น “พี่เฉิน ทำให้พี่กังวลแล้วสินะ ผมไม่ได้เป็นอะไร”
จิ่งเป่ยเฉินเหลือบมองไปที่ตัวเขาทั่วทั้งตัว “นายคิดเยอะไปแล้ว”
“พี่เฉิน ผมผิดไปแล้ว!” เมื่อครู่นี้เขาไม่น่าผลักประตูเข้ามาเลย ดันเห็นฉากแบบนั้นเข้าจนได้
ถึงแม้ก่อนหน้านั้นพี่เฉินกับอันหยาพั่นจะดูเหมือนทำอะไรแบบนั้นในห้องทำงาน แต่ดูแล้วภาพที่เห็นล้วนแตกต่างกันใช่หรือเปล่า?
“นายมาสายหนึ่งวันนะ นายเลือกที่จะไม่มาก็ได้”
“ฉันกลัวว่าพี่เฉินจะเป็นห่วงนี่!” ฉีเซิ่งเทียนยิ้มพลางหัวเราะออกมา เขารู้ว่าเมื่อคืนนั้นจิ่งเป่ยเฉินโทรศัพท์มาถามเขา จนเขาตื่นก็เพิ่งจะรู้
“ไม่ใช่ฉันที่เป็นห่วงหรอก” จิ่งเป่ยเฉินเงยหน้าขึ้นและมองไปที่เขา “เป็นหลินจือเซี๋ยวต่างหาก”
ไม่จริง!
หลินจือเซี๋ยวเป็นห่วงเขาอย่างนั้นเหรอ!
ฉีเซิ่งเทียนนัยน์ตาเป็นประกายขึ้นมาทันที “พี่เฉิน ผมขอตัวก่อนนะ!”
เขารีบเดินออกไปด้วยความตื่นเต้น เห็นทีต้องไปหยอกล้อหลินจือเซี๋ยวสักหน่อยแล้ว ทำไมตอนอยู่ตรงหน้าถึงไม่มีท่าทางเป็นกังวลเลยสักนิด แต่ลับหลังกลับเป็นห่วงถึงขั้นเอ่ยปากถามจิ่งเป่ย ยเฉิน ร้ายไม่เบา
“เดี๋ยวก่อน”
เสียงที่ดังขึ้นด้านหลังทำให้ฝีเท้าที่ตื่นเต้นของฉีเซิ่งเทียนหยุดลงทันที
……
ลานหน้าบ้านตอนนี้เต็มไปด้วยดอกกุหลาบที่โบยบินไปตามสายลม กลิ่นหอมจาง ๆ ของมันลอยฟุ้งไปทั่ว