อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 430 ฉันจริงจังมาตลอดนั่นแหละ
ตอนที่ 430 ฉันจริงจังมาตลอดนั่นแหละ
“ไม่เห็นจะดูออกเลยสักนิด นี่คุณจริงจังตั้งแต่ตอนไหนกัน?” เห็นชัด ๆ ว่าเขากำลังล้อเล่นอยู่แน่ ๆ
เขาชอบแกล้งและชอบหยอกล้อเธอเป็นประจำ
ใบหน้าที่หล่อเหลาของฉีเซิ่งเทียนเริ่มดำดิ่งลงเล็กน้อย “ฉันจริงจังมาตลอดนั่นแหละ”
“อืม ๆ ฉันเชื่อคุณก็ได้! แต่วันนี้ฉันยุ่งคงต้องไปก่อน!” ฉีเซิ่งเทียนรู้ดีอยู่แก่ใจว่าเธอนั้นกำลังหาทางหนีเอาตัวรอดแน่ ๆ
“เมื่อครู่ที่เธอเพิ่งพูดไป ถ้าหากว่าฉันโสดละก็ เธอต้องอยู่กับฉันนะ ห้ามกลับคำเชียว!”
“ไม่กลับคำหรอก!” เธอรู้ดีว่ายังไงฉีเซิ่งเทียนก็เหมาะสมกับเฉินเหยียนอยู่แล้ว อีกอย่างพ่อแม่สั่งมาแบบนี้ ใช่ว่าจะเปลี่ยนได้ง่าย ๆ
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเธอคิดอยากจะทิ้งเขาไปจริง ๆ เพราะตัวเธอนั้นมีงานต้องทำอีกเยอะ ถ้าหากไม่ทำละก็ ประธานจิ่งได้ไล่เธอออกแน่ ๆ
ฉีเซิ่งเทียนเดินออกไปสองสามก้าว หลินจือเซี๋ยวเมื่อออกมาจากห้องก็รู้สึกว่าตัวเองหายใจคล่องมากขึ้น
ฉีเซิ่งเทียนยืนมองแผ่นหลังของเธอเดินจากไป ถ้าหากเปลี่ยนเป็นแต่ก่อนละก็ ถ้าหากมีผู้หญิงที่ยั่วโมโหเขาแบบนั้น เขาคงไม่มีทางปล่อยเธอไปแน่ ๆ
แต่นี่เป็นครั้งแรก ครั้งแรกที่ปล่อยเธอให้เดินไปจากเขาง่าย ๆ ถ้าหากนี่ไม่ใช่เพราะว่ารัก เขาก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรแล้ว
หลินจือเซี๋ยวรีบออกจากห้องทำงานของฉีเซิ่งเทียน และคิดจะเดินไปหาอันโหรว แต่ทว่าอันโหรวกลับไม่อยู่ภายในห้องทำงาน บางทีอาจจะอยู่ที่ห้องประธานจิ่ง ซึ่งเธอก็คงไม่กล้าเข้าไปหา าตอนนี้แน่ ๆ
ช่างเถอะ ไว้เรื่องยืมเงินค่อยพูดทีหลังก็แล้วกัน
แต่เธอก็เริ่มรู้สึกรอไม่ไหวแล้ว!
คิดจะขีดเส้นกับฉีเซิ่งเทียนให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย!
ภายในห้องทำงานของประธานจิ่ง
อันโหรวกำลังนั่งอยู่ข้าง ๆ จิ่งเป่ยเฉิน โทรศัพท์มือถือของเธอกะพริบไปมาไม่หยุด เธอเหลือบสายตามองไปที่ใบหน้าที่เย็นชาของจิ่งเป่ยเฉิน ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูอย่างเงียบ ๆ
ยืมเงินเหรอ?
เธอมีเงินเก็บไม่ค่อยมากเท่าไร หลังจากคบกับจิ่งเป่ยเฉิน เธอก็ไม่ค่อยได้ใช้เงินของตัวเองมากนัก แต่ไม่นานมานี้เอาเงินส่วนนั้นไปซื้อเสื้อผ้าให้จิ่งเป่ยเฉิน บอกได้เลยว่าตอนนี เงินในธนาคารของเธอมีอยู่เพียงแค่ไม่กี่หมื่น หลายปีมานี้เงินต่าง ๆ ที่มีมาก็นำไปซื้อเสื้อผ้าและชุดต่าง ๆ ให้เขาเกือบหมด
เธอจับโทรศัพท์แน่นขึ้น ก่อนจะตอบกลับไปสองสามคำและค่อย ๆ วางโทรศัพท์ลงอย่างช้า ๆ จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าด้านข้างที่หล่อเหลา ท่าทางที่จริงจังในเวลาทำงานแบบนี้ดูแล้วหล ล่อเหลาจริง ๆ
“ดูดีหรือเปล่า?”
“ดูดีมาก!”
จู่ ๆ เขาก็เอ่ยคำพูดขึ้นมา เธอจึงตอบกลับทันที ซึ่งคำตอบพวกนี้ก็เป็นคำตอบที่เรียบง่ายปกติ!
จิ่งเป่ยเฉินวางงานในมือของตัวเองลง ก่อนจะหันหน้าไปมองเธอ “คิดอะไรอยู่เหรอ?”
จู่ ๆ มือใหญ่ก็วางลงบนหลังของเธอ ก่อนจะดันให้เธอเอาหัวมาแนบชิดพิงกับเขาเล็กน้อย ใบหน้าที่งดงามของเธอค่อย ๆ คลี่ยิ้มและพูดขึ้นมาว่า “ฉันขอยืมเงินหน่อยสิ”
บิ๊กบอสขยับหน้าของเขาเข้ามาใกล้ ๆ ราวกับสงสัยในคำพูดที่ได้ยินเมื่อครู่ พวกเขาสองคนเป็นสามีภรรยากัน แต่นี่เธอถึงกับใช้คำว่ายืมเงินอย่างนั้นเหรอ
สีหน้าของบิ๊กบอสเริ่มดูไม่ดี เรื่องนี้ถือว่าเป็นความประมาทของเขาเอง
เขาเปิดกระเป๋าสตางค์ออกมา ก่อนจะยื่นบัตรสีดำที่อยู่ข้างในให้เธอ “เอาไปรูดตามสบาย”
“ขอบคุณนะ!” ตอนนี้เธอปฏิเสธมันไม่ได้ เพราะรู้ดีว่าหลินจือเซี๋ยวจำเป็นต้องใช้มัน
“โหรวโหรว เธอคิดจะทำเรื่องอะไรที่ไม่ดีหรือเปล่า?” ถ้าหากว่าตอนนี้เขาดูไม่ผิดละก็ เมื่อครู่เธอเพิ่งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู
ทันใดนั้นจู่ ๆ เธอก็พูดถึงเรื่องเงินขึ้นมา
“ไม่ใช่เรื่องไม่ดีหรอก แต่ว่าเงินของนายไม่รู้ว่าจะคืนได้ตอนไหน เรื่องพวกนี้ยังไม่อาจรู้ได้” เธอมองบัตรสีดำตรงหน้า ไม่รู้เลยว่าตอนนี้หลินจือเซี๋ยวกับฉีเซิ่งเทียนเกิดอะไร รขึ้นกันแน่ แต่ดูแล้วคงไม่ค่อยดีเท่าไรนัก
แต่พวกเขาไม่เคยแสดงอาการแบบนี้มาก่อน บางทีอาจจะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น โดยเฉพาะกับหลินจือเซี๋ยว
บางทีอาจจะเป็นเรื่องของเฉินเหยียน นี่ก็ถือว่าเป็นวิธีที่แก้ปัญหาที่ดีจริง ๆ
“ไม่ต้องเอามาคืนหรอก” เงินของเขาจริง ๆ แล้วก็มีไว้ให้เธอใช้ จะมาเอาคงเอาคืนอะไรกัน
“นาย….ช่างเถอะ!” ทำไมเขาต้องสนใจเรื่องของฉีเซิ่งเทียนกับเฉินเหยียนด้วย แค่ช่วงสองสามวันมานี้งานก็ยุ่งจะตายอยู่แล้ว
เธอหันหน้าไป ส่วนเขาก็เอนเข้ามากระซิบข้าง ๆ หูเธอว่า “อะไร?”
“สามีของฉันใจดีจังเลย งั้นช่วงบ่ายนี้ฉันขอออกไปซื้อของนะ” เธอต้องถอนเงินเอาไปให้หลินจือเซี๋ยวก่อน
“ได้สิ แต่ฉันต้องไปกับเธอด้วยนะ”
“ที่จริงแล้ว ฉันว่าฉันไปเองน่าจะดีกว่านะ” หรือว่าบางทีอาจจะต้องโอนเงินไปให้หลินจือเซี๋ยวต่อหน้าจิ่งเป่ยเฉินอย่างนั้นเหรอ?
ช่างเถอะ ทำแบบนั้นไม่ได้แน่!
……
ฉีเซิ่งเทียนที่เพิ่งกลับมาจากการประชุม ก็เห็นหลินจือเซี๋ยวกำลังยืนอยู่ข้างในห้องทำงานของเขา
ดวงตาของเขาเป็นประกายขึ้นมาทันที นี่มันอะไรกัน หรือว่าเธอคิดถึงเขาอย่างนั้นเหรอ?
หัวใจของเขารู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที ก่อนจะรีบเดินเข้าไปข้างในด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย “หลินจือเซี๋ยว มีธุระอะไร?”
“มี!” หลินจือเซี๋ยวยื่นบัตรไปตรงหน้าของเขา “ผู้จัดการฉี ข้างในบัตรนี้มีเงินอยู่สองร้อยห้าสิบล้าน ส่วนรหัสผ่านก็เป็นวันเกิดของคุณ!”
ฉีเซิ่งเทียนมองไปที่ใบหน้าของเธอ ก่อนจะเหลือบสายตามองไปยังบัตรในมือ “นี่เธอไปยืมเงินมาจากไหน?”
“ผู้จัดการฉี ไม่ใช่ว่าฉันบอกกับคุณแล้วเหรอว่าฉันทำอะไรแบบนี้ให้ประธานจิ่งเห็นไม่ได้ ส่วนคุณก็มีคู่หมั้นที่บ้านอยู่แล้ว ควรจะคิดถึงคนอื่นบ้าง เพราะงั้นนี่จึงเป็นเงินที่ฉ ฉันหามาด้วยความโกรธ!!” อันที่จริงแล้วตัวเธอเองก็ไม่คิดอยากจะให้เป็นแบบนี้เลยสักนิดเดียว
แต่ว่าตอนที่โหรวโหรวบอกเธอว่าประธานจิ่งรู้เรื่องแล้ว
บิ๊กบอสรู้เรื่องแล้ว แต่ว่าบิ๊กบอสกลับไม่พูดอะไรเลย พิสูจน์ว่าบิ๊กบอสนั้นยังยืนอยู่ฝั่งเธอ
ฉีเซิ่งเทียนพ่นลมหายใจออกมาอย่างเย็นชา ก่อนจะหยิบบัตรจากมือของเธอมาด้วยรอยยิ้ม “เซี๋ยวเซี๋ยว เธอคิดว่าพี่เฉินจะพูดงั้นเหรอ?”
ไม่นึกเลยว่าเขาจะโกหก!
“จะเป็นไปไม่ได้ยังไง เขาไม่ได้พูดกับฉันเรื่องที่นายมีคู่หมั้น ไม่ใช่นายที่รู้คนเดียว ประธานจิ่งพูดต่อหน้าโหรวโหรว น่ากังวลแทนผู้จัดการฉีนะคะ! แม้แต่พี่น้องตัวเองก็ทนดูต่ อไปไม่ได้!”
“ฉัน…” ฉีเซิ่งเทียนมองเธอด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ ไม่นึกเลยว่าเธอยังกล้าหัวเราะแบบนี้!
ถ้าหากไม่ใช่เพราะยังจัดการเฉินเหยียนไม่ได้ เขาคงได้จับตัวเธอมาสั่งสอนที่เตียงไปนานแล้ว
“ผู้จัดการฉีต้องดูแลคู่หมั้นของตัวเองดี ๆ หน่อยนะคะ! เป็นผู้ชายที่ดี!” หลินจือเซี๋ยวหัวเราะออกมาอย่างใจกว้าง เหลือเพียงเงาของเขาที่สง่างาม หลังจากนั้นก็เดินออกไปจากห้องทำงาน นของเขาทันที
ในมือฉีเซิ่งเทียนหยิบบัตรธนาคารบาง ๆ ขึ้นมา อยากโยนทิ้งลงถังขยะจริง ๆ แต่เมื่อคิดถึงว่าเซี๋ยวเซี๋ยวให้มา เขาจะทิ้งไปได้ยังไง?
ยังไงก็เก็บไว้ก่อนดีกว่า!
……
อันโหรวได้รับข่าวว่าชั้นล่างนั้นมีเสียงดังเอะอะโวยวาย เหมือนมีคนมาก่อเรื่อง
เมื่อวานก็เกิดเรื่องใหญ่แบบนั้น ตอนนี้มีคนมาก่อเรื่องถึงบริษัทจิ่ง หรือว่า….เกี่ยวข้องกับโอวหยางกรุ๊ป
หลังจากที่เธอบอกจิ่งเป่ยเฉินก็ลงมาจากห้องทำงาน
รอเขาลงมาและออกไปด้วยกัน
โดยปกติแล้วปัญหาพวกนี้ไม่ช้าก็จบลง แต่ว่าวันนี้คนที่สร้างปัญหานั้นเป็นคนที่คุ้นเคย!
เธอไม่นึกเลยว่าจิ่งเป่ยเฉินเองก็ลงมาดู เขาไม่ได้สนใจผู้หญิงพวกนั้นเลย
ทันทีที่พวกเขาลงไป ด้านนอกบริษัทจิ่งก็มีคนมุงล้อมรอบอยู่ไม่น้อย เมื่อเห็นจิ่งเป่ยเฉินมาผู้คนต่างก็ทยอยกันออกไปทันที
อันโหรวเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่มีฟันและเล็บปรากฏตัวตรงหน้าพวกเขา ใบหน้าของเธอนั้นบวมไปหมด ตอนนี้เธอตกอยู่ในสภาพที่แย่มาก
ครั้งสุดท้ายที่เจอเธอยังดี ๆ อยู่เลย ทำไมตอนนี้กลับกลายเป็นแบบนี้ไปได้
อันโหรวเหลือบสายตามองไปยังจิ่งเป่ยเฉินที่อยู่ข้าง ๆ เธอจำช่วงเวลาที่เจอกับเหอเหมียวเมื่อครั้งก่อนได้ จิ่งเป่ยเฉินบอกว่าให้เธอนั้นไปทำศัลยกรรม…….
แต่คนอย่างเหอเหมียวคงไม่ใช่คนที่จะทำศัลยกรรมง่าย ๆ ใช่หรือเปล่า?
คิ้วที่หนาขึ้น ดวงตาที่เล็กลง ปากที่ดูหนาและใหญ่ จมูกยุบลงเล็กน้อย รู้สึกได้เลยว่าช่วงเวลาที่เธอพูดคงต้องมีลมเล็ดลอดออกมาจากปากไม่หยุดแน่ ๆ หรือไม่เธอก็อาจจะป่วยเ เป็นโรคหลอดเลือดในสมองฉีกขาด!
“อันโหรว!” เหอเหมียวกระวนกระวาย คิดอยากจะเดินเข้าไปข้างใน แต่ยามที่อยู่ด้านหน้าก็คอยคุ้มกันขวางเธอไว้ไม่ให้เข้าไป เธอจึงไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปข้างในได้
“เหอเหมียว?”