อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 433 อยู่ให้ห่างฉันไว้
ตอนที่ 433 อยู่ให้ห่างฉันไว้
ฉีเซิ่งเทียนจับเสื้อขึ้นมาดม หลังจากอยู่ในห้องส่วนตัวมานาน กลิ่นที่อยู่ภายในห้องต่างก็ลอยมาปะปนบนตัวเขาจนหมด
จู่ ๆ เขาก็กอดหลินจือเซี๋ยวแน่นขึ้นกว่าเดิม ก่อนจะเอาคางซุกไว้บนตัวเธอและดมกลิ่นหอมจาง ๆ ที่ลอยออกมาจากตัวของหลินจือเซี๋ยว “เซี๋ยวเซี๋ยว ตัวเธอนี่หอมดีจัง”
“นายช่วยอยู่ให้ห่างฉันจะได้ไหม!” เธอพยายามเอามือทั้งสองข้างดันเขาออกไป แต่ดันเท่าไรเขาก็ไม่ยอมปล่อยง่าย ๆ เสียที
“ถ้าจะกอดก็ไปกอดคู่หมั้นของนายสิ ไม่ต้องมากอดฉัน!” ตอนนี้เธอกำลังจะเป็นบ้าแล้ว!
“ฉีเซิ่งเทียน นายนี่มันน่ารังเกียจจริง ๆ มีคู่หมั้นอยู่แล้วแต่กลับมายุ่งกับผู้หญิงคนอื่นอีก นายจะมากเกินไปแล้วนะ!”
“ฉีเซิ่งเทียน ได้ยินที่ฉันพูดบ้างหรือเปล่า!”
กลิ่นรอบ ๆ ตัวเขาตอนนี้มันแตะจมูกจนเธอรู้สึกอึดอัดแทบจะทนไม่ไหวอีกต่อไป
เธอพยายามยกเท้าขึ้นเพื่อที่จะกระแทกเข้าไปที่หลังของเขา!
“หืม……”
ฉีเซิ่งเทียนเค้นเสียงเบา ๆ ออกมา พร้อมกับกัดเข้าไปที่หูของยัยตัวน้อย “จะช่วยฟังฉันอธิบายหน่อยได้หรือเปล่า?”
“ไม่ฟัง ไม่ฟัง! ออกจากไปบ้านฉันเดี๋ยวนี้!” เธอเอามือมาปิดที่หูของตัวเอง ก่อนจะปล่อยให้ตัวของเธอนั้นถูกเขาดึงเข้ามาใกล้ ภาพพวกนี้คงติดอยู่ในหัวของเธอไปอีกนานแน่ ๆ
ผู้หญิงทุกคนเป็นแบบนี้เหรอ?
ทันใดนั้นฉีเซิ่งเทียนก็อุ้มเธอขึ้นมา ก่อนจะเดินตรงไปที่ห้องนอน ตอนนี้ไม่ว่าเธอจะต่อยหรือใช้แรงผลักแค่ไหนก็ล้วนไร้ประโยชน์ทั้งสิ้น
“ฉีเซิ่งเทียน นายมันสารเลว! ชั่วช้า! นายทำกับฉันแบบนี้ไม่ได้นะ!” เขาจะใช้แรงข่มเหงเธออีกครั้งหนึ่งอย่างนั้นเหรอ?
“ฉันจะทำอะไรเธอ? ฉันยังไม่ทันทำอะไรเลยนะ เธอมาตั้งข้อหาให้ฉันได้ยังไงกัน” ครั้งนี้เขาวางเธอลงไปบนเตียง ก่อนจะกดเธอเอาไว้แน่น
เมื่อมองดูใบหน้าที่แดงก่ำของเธอพร้อมกับน้ำเสียงที่คลุมเครือ “ถ้าฉันไม่ได้ทำอะไรเธอสักนิด เธอก็คงไม่ขอโทษที่ตะโกนใส่ฉันใช่หรือเปล่า?”
“ไม่ ไม่ว่ายังไงก็ห้ามทำนะ ห้ามทำอะไรทั้งนั้น นายอยู่เฉย ๆ ซะ ไม่ก็ไปนอนข้างบน ไม่ต้องมานอนที่ห้องของฉัน!” ตอนนี้ลมหายใจของเขาโรยรินไปทั่วทั้งตัว เธอรู้สึกว่าร่างกายของ งเธอเริ่มที่จะควบคุมไม่ได้อีกแล้ว
“ฉันจะนอนที่ห้องของเธอนี่แหละ”
“อย่า……อื้ออออออ…….”
ทันใดนั้นดวงตาของหลินจือเซี๋ยวก็เบิกกว้างขึ้น ริมฝีปากของเธอถูกประกบเข้ามา ภายในปากของเขาแทบไม่มีกลิ่นแอลกอฮอล์อยู่เลยสักนิดเดียว
นั่นทำให้หลินจือเซี๋ยวพยายามนึกขึ้น ตอนนั้นเธอเห็นชัดเจนว่าเฉินเหยียนถือแก้วไวน์ไว้ในมือ ทั้งยังวางไว้ตรงหน้าของเขาอีก เป็นไปได้ว่าแก้วไวน์พวกนั้นเป็นของเฉินเหยียนไม่ใช ช่ของเขา
“อืม………”
เธอพยายามใช้แรงผลักเขาออกไป แต่ก็ถูกเขาจับมือของเธอไว้ เมื่อมือใช้ไม่ได้ เธอจึงใช้ขาเตะเข้าไปที่ตัวเขาแทน!
ทันทีที่ดิ้นหลุดออกมาได้ก็ถูกเขากดลงไปอีกครั้ง ความต่างกันของพละกำลังผู้ชายและผู้หญิงต่างกันอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้เธอรู้สึกราวกับว่าทั้งตัวของเธอกำลังจะละลาย
ความร้อนแผ่ไปทั่วร่าง หากเป็นแบบนี้ต่อไปละก็ มีหวังเธอได้เดินแบบอ่อนแรงมากแน่ ๆ
เมื่อพยายามใช้แรงกัดหรือดิ้นรน เธอก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาทันที
เขาไม่มีท่าทีที่จะปล่อยตัวเธอไป ต่อให้มีคราบเลือดไหลจากปากมากน้อยแค่ไหนก็ตาม
ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกเวียนหัว ขืนเป็นแบบนี้ต่อมีหวังได้เป็นลมแน่ ๆ
ช่วงเวลานั้นเอง จู่ ๆ เขาก็ปล่อยเธอและมองมาด้วยสายตาที่ทะนุถนอม
……
“ไสหัวไปเลย!”
“เซี๋ยวเซี๋ยว……” เมื่อมองใบหน้าของเธอที่เต็มไปด้วยสีแดง ก็รู้ทันทีว่าเธอนั้นคิดอะไรอยู่
แบบนี้มันดีแล้วจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ?
“ไปได้แล้ว!”
“แน่ใจแล้วเหรอ?” มือที่ร้อนผ่าวค่อย ๆ เอื้อมไปแตะที่ด้านล่างกระโปรงของเธอ “ถ้าฉันไป อาจจะไม่ได้กลับมาเลยนะ”
“ไปให้พ้น! ไปให้เร็วที่สุดเลย!” ครั้งนี้เธอยังไม่พร้อมที่จะเกิดเรื่องขึ้นครั้งที่สอง
นอกจากนี้ตัวเขายังมีคู่หมั้นอยู่แล้วด้วย
“เซี๋ยวเซี๋ยว อันที่จริงเธอไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้ ฉันกับเขาไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลยสักนิด เรื่องหมั้นพวกนั้นต่างก็เป็นเรื่องเข้าใจผิด!”
“ต่อให้เป็นเรื่องเข้าใจผิด แต่ตอนนี้พวกนายหมั้นกันอยู่นะ อย่ามาแตะต้องตัวฉัน!” ให้ตายยังไงก็ไม่ให้เขาแตะต้องเด็ดขาด
“ได้ ฉันไม่แตะต้องตัวเธอก็ได้ แค่เธอแตะต้องตัวฉันก็พอ!” ฉีเซิ่งเทียนเข้าไปกอดเธอ พร้อมพลิกตัวกลับครั้งหนึ่ง
เมื่อมองดูเขา เธอก็สั่นเทาเล็กน้อย ก่อนจะพูดออกมา “ช่วยปล่อยฉันไปเถอะ และออกจากบ้านฉันไปทีจะได้ไหม?”
“เซี๋ยวเซี๋ยว หัวใจของเธอเป็นก้อนหินหรืออะไรกัน? นี่ก็ดึกมากแล้ว ฉันหล่อขนาดนี้ ถ้าเกิดไปข้างนอกคงได้เจออันตรายเข้าพอดี”
แต่ทว่ามือของเขาทำอีกอย่าง หลินจือเซี๋ยวแนบชิดขนาดนี้จะไม่รู้ได้ยังไงว่าเขากำลังจะทำอะไร!
เพียะ!
หลินจือเซี๋ยวได้ยินเสียงนี้เข้า ตัวเธอก็สั่นเทาเล็กน้อย เมื่อครู่เธอเอามือตบเข้าไปที่ใบหน้าของฉีเซิ่งเทียน
เธอยอมรับว่าเธอใช้แรงเยอะมาก และก็รู้สึกว่ามือของตัวเองที่เพิ่งตบเขาไปเมื่อครู่นี้เกิดอาการร้อนขึ้นมาเล็กน้อย
แต่เธอกลับไม่กล้ามองหน้าฉีเซิ่งเทียน เธอหันหน้าเบือนไปมองที่กำแพงขาว ๆ มือของเธอร้อนจี๋ เหมือนกับว่าใบหน้าของฉีเซิ่งเทียนตอนนี้ยังคงนิ่งอยู่กับที่
จู่ ๆ ภายในห้องก็เกิดความเงียบขึ้น แม้แต่อากาศก็เบาบางลงจนเงียบสงบ เขาแทบไม่ขยับจากที่เดิม
ก่อนจะรู้สึกว่ามือของเขาดูผ่อนคลายลง ทันใดนั้นเธอก็ผลักตัวของเขาออกและเดินไปที่กำแพง ก่อนจะหันหน้ามองดูท่าทางของฉีเซิ่งเทียน
นี่เขาถูกตบจนกลายเป็นคนโง่ไปแล้วเหรอ?
ความรู้สึกนี้มันแปลกใหม่มาก อยู่บนเตียงแต่กลับถูกผู้หญิงคนหนึ่งตบหน้าเข้าให้!
อีกอย่างเพียงแค่ตบครั้งเดียวก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะกลายเป็นแบบนี้ เขาคงคิดไม่ถึงแน่ ๆ
คงตกใจน่าดูเลยสิท่า!
“เซี๋ยวเซี๋ยว เธอเกลียดฉันขนาดนั้นเลยเหรอ?” เขายังคงอยู่บนเตียงและมองไปที่ด้านข้างที่เธอยืนอยู่ แก้มของเขาแดงเล็กน้อยเพราะแรงตบเมื่อครู่นี้
“ผู้จัดการฉี อันที่จริงพวกเราไม่ได้คุ้นเคยถึงขนาดที่ต้องมาเกลียดกัน ช่วยรักษาระยะห่างปกติทีเถอะ” ทันทีที่เธอพูดจบ เธอก็เห็นฉีเซิ่งเทียนลุกขึ้นมาจากเตียง
เมื่อครู่นี้เธอพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า?
“หยุด หยุด หยุดเลยนะ!”
แม้หลินจือเซี๋ยวจะตะโกนพูดแค่ไหน แต่ดูเหมือนฉีเซิ่งเทียนไม่มีท่าทีที่จะหยุดเลยสักนิด
เธอควรจะตบหน้าเขาอีกรอบหนึ่งดีไหม?
“ผู้จัดการฉี หน้าคุณเจ็บบ้างหรือเปล่า? ควรไปโรงพยาบาลนะ ให้ฉันดูหน่อยไหม ฉันรู้สึกว่ามันแดงขึ้นมากเลยนะ” หน้าเล็ก ๆ ของเธอดูกังวลเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ขึ้นมาทันที
“เธอตบแรงดีนี่ ตบแค่นั้นไม่พอใจจะตบอีกรอบก็ได้นะ” เขาพยักหน้าและยื่นหน้าอีกข้างให้เธอ
เธอพยายามถอยออกไปอย่างช้า ๆ เมื่อคิดว่าเธอไม่สามารถหนีออกจากห้องนี้ได้ เธอก็คิดหนักขึ้นมาทันที
“ผู้จัดการฉี ฉันตบหน้าคุณเพราะว่ากลิ่นตัวคุณเหม็นจนฉันทนไม่ไหว คิดอยากจะอ้วก แล้วจะให้ฉันอ้วกใส่ตัวคุณได้ยังไง คุณไปอาบน้ำก่อนดีกว่าไหม?”
ครั้งนี้เขาหยุดเดินเข้าไปหา ก่อนจะถอดเสื้อผ้าและโยนไปที่ข้างเตียงทีละตัว ทีละตัว
“จะทำอะไร?” เมื่อครู่บอกให้เขาไปอาบน้ำ แต่ไม่คิดว่าเขาจะถอดเสื้อผ้าที่นี่แทนเสียได้!
“ถอดเสื้อผ้าก่อนไง แล้วค่อยไปอาบน้ำ”
หลินจือเซี๋ยวรีบหันหลังทันที เธอหันหน้าเข้าหากำแพง ในใจก็ด่าสาปแช่งฉีเซิ่งเทียนอยู่หลายรอบ