อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 434 เกินไปแล้ว
ตอนที่ 434 เกินไปแล้ว
เกินไปแล้ว!
จู่ ๆ เธอก็รู้สึกว่าด้านหลังของเธอนั้นมีคนเดินเข้ามา เธอรู้สึกร้อนรนจึงเดินถอยห่างออกมา
ทันใดนั้นเท้าซ้ายก็ว่างเปล่า เธอคิดว่าตัวเองนั้นล้มลงไปแล้ว แต่กลับมีมือเข้ามาโอบตัวเธอเอาไว้ เธอหายใจเกร็งขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะถูกเขาลากตัวออกไป
ตัวเธอแนบชิดติดตัวของเขาที่ถอดเสื้อผ้าและไม่ได้กลิ่นของแอลกอฮอล์ ทั้งตัวนั้นเป็นกลิ่นกายของตัวเขาเอง เธอถึงรู้สึกได้ถึงความสบายเล็กน้อย
เธอจึงพูดขึ้นว่า “ขอบคุณ”
“ช่วยแล้วต้องรู้จักทดแทนบุญคุณด้วยร่างกาย”
เป้าหมายของเขาก็เพื่อที่จะหลับนอนกับเธองั้นเหรอ?
เกินไปหน่อยแล้ว!
กินในถ้วย แต่มองในกระทะ! [1]
“งั้นนายไปอาบน้ำก่อน…..” หลินจือเซี๋ยวพูดขึ้นอย่างแผ่วเบา
“จริงเหรอ?”
“อืม…” ไม่สนแล้ว โกหกเขาก่อนค่อยว่ากัน!
“หรือพวกเราจะไปด้วยกัน?” ในห้องน้ำก็เป็นสถานที่ที่ไม่เลวนะ
ฉีเซิ่งเทียนยั่วยวนเธอ พลางมองใบหน้าเล็ก ๆ ของเธอด้วยหัวใจที่เต้นแรง
“นายไปก่อนเถอะ!” เธอไม่ได้อยากไปกับเขาสักหน่อย ไม่มีทางเด็ดขาด!
ฉีเซิ่งเทียนตื่นเต้น ก่อนจะจุ๊บไปที่แก้มของเธอและเดินเข้าไปในห้องน้ำอย่างอาลัยอาวรณ์
ภายในห้องเหลือเพียงแค่เธอคนเดียว เธอมองไปที่เสื้อบนเตียงของฉีเซิ่งเทียน ก่อนจะเก็บมันขึ้นมาอย่างลวก ๆ และโยนมันออกไปด้านนอกประตู ก่อนจะล็อกประตูและหน้าต่างทั้งหมด
นอน นอน!
เธอไม่ได้อยากจะนอนกับเขา!
แต่เมื่อคิดว่าเขายังอยู่ที่นี่ เธอก็ยังรู้สึกไม่สบายใจ เมื่อครู่นอนบนเตียงก็ลุกขึ้นอีกครั้ง ย้ายโซฟาไปกั้นเอาไว้ที่หน้าประตู!
ไม่ต้องกังวลเรื่องหน้าต่างเพราะชั้นหนึ่งด้านนอกมีเหล็กกั้นไว้ เขาเข้ามาไม่ได้แน่นอน
ไม่ช้าฉีเซิ่งเทียนก็อาบน้ำเสร็จ เขาพันผ้าเช็ดตัวเตรียมออกมาอย่างอารมณ์ดี ทันทีที่เอื้อมมือไปที่ประตู
เปิดไม่ออก!
“เซี๋ยวเซี๋ยว….”
หลินจือเซี๋ยวนอนอยู่บนเตียงพลางเอาหัวซุกเข้าไปในผ้าห่มขณะที่กำลังหลับอยู่ นอนหลับแล้วไม่ได้ยินเสียงของเขา ไม่ได้ยินเสียงของเขา
“เซี๋ยวเซี๋ยว….”
เสียงของฉีเซิ่งเทียนตะโกนดังออกมาจากด้านใน ตัวของหลินจือเซี๋ยวสั่นไปทั้งตัว
“หลินจือเซี๋ยว! ฉันโมโหแล้วนะ! เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”
เสียงคำรามที่ดังขึ้น เธอรับรู้ได้ถึงความโกรธของฉีเซิ่งเทียน เธอยิ่งไม่กล้าที่จะเปิดประตู เธอไม่ยอมโง่อีกหรอกนะ!
ฉีเซิ่งเทียนยืนอยู่ที่หน้าประตูพลางมองไปที่เสื้อผ้าบนพื้น เธอโกหกให้เขาเข้าไปอาบน้ำเพื่อที่จะหนีไปจากเขา ผู้หญิงคนนี้!
จู่ ๆ ด้านนอกก็ไร้ซึ่งการเคลื่อนไหว หลินจือเซี๋ยวไม่แน่ใจว่าฉีเซิ่งเทียนยังอยู่หรือไม่ แต่เธอไม่มีทางเปิดประตูแน่
ในขณะที่เธอนอนตัวสั่นอยู่นั้นก็ค่อย ๆ ผล็อยหลับไปในความงุนงง
ไม่รู้ว่าเธอหลับไปนานแค่ไหน ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคนเรียกชื่อของเธอ
“เซี๋ยวเซี๋ยว…….ฮัดชิ้ว!”
“เหมือนว่าฉันจะเป็นหวัดแล้ว!”
“แค่กแค่กแค่ก…..ทรมานเหลือเกิน..”
คงไม่ใช่เสียงของฉีเซิ่งเทียนหรอกใช่ไหม?
เธอพลิกตัวแต่เสียงนั้นยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำไมเขายังไม่ไปอีก!
“เซี๋ยวเซี๋ยว…..”
เสียงที่คร่ำครวญราวกับถูกทิ้งนั้น!
“เซี๋ยวเซี๋ยว……”
น้ำเสียงนี้เหมือนกับฝันร้ายต้องคำสาป เขาไม่สามารถไปหาหมอเองได้หรือยังไง?
และตอนนี้ก็หน้าร้อน เขาจะเป็นหวัดได้ยังไง!
ไม่เชื่อหรอก หลินจือเซี๋ยวเธออย่าไปเชื่อใจเขา! อย่าไปไว้ใจเขาอย่างเด็ดขาด
เสียงเรียกชื่อเธอนั้นดังอยู่ในหูของเธอตลอดเวลา เธอลุกขึ้นจากเตียงด้วยความหงุดหงิด “ฉันหลับแล้ว!นายไปไหนก็ไปเถอะ!”
เมื่อได้ยินเสียงของเธอ ฉีเซิ่งเทียนที่อยู่ด้านนอกก็ยิ่งตะโกนอย่างมีพลัง
“เซี๋ยวเซี๋ยว แค่กแค่ก ฉันทรมาน…….”
เขาทรมานแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอ เธอไม่ได้ทรมานด้วยสักหน่อย!
“คุณไม่สะดวกออกไปด้วยตัวเองก็ไม่ต้องมาหาฉัน! ฉันไม่ได้เป็นหมอสักหน่อย!” เธอระงับความโกรธไว้ในใจ ฉีเซิ่งเทียนต้องโกหกเธอแน่!
ไม่มีทางที่จะเป็นหวัด! ไม่มีทาง!
เสียงไอดังรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เสียงที่หลินจือเซี๋ยวได้ยินนั้นเหมือนกับว่าการสั่นของหัวใจ ตับ ม้าม ปอดและไตแทบจะหลุดออกมา
เขาเสแสร้งเหมือนเกินไปไหม?
“มียาแก้หวัดอยู่ในลิ้นชักที่สองตรงกลางตู้ทางด้านขวาของห้องครัว นายไปหยิบเอาเองแล้วกัน!” หากยังเป็นแบบนี้ต่อไปเธออาจจะทนไม่ไหว ถ้าต่อจากนี้เขาเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาจริง ๆ เธอก็ยากที่จะตำหนิ
“แค่ฉันหันตัวก็ทรมานแล้ว แม้แต่มือยังยกไม่ขึ้น เสื้อก็ไม่ได้ใส่….”
จะเป็นไปได้ยังไง!
เขาแค่อาบน้ำเองจะเป็นหวัดรุนแรงขนาดนั้นได้ยังไง?
หลินจือเซี๋ยวเปิดไฟและมองไปที่นาฬิกา ตีสาม!
นึกว่าเธอหลับไปไม่กี่ชั่วโมง ฉีเซิ่งเทียนกลับไม่ได้ใส่เสื้อมาหลายชั่วโมงแล้ว!
เขามันอันธพาล!
“แค่กแค่กแค่ก….”
ด้านนอกไม่มีเสียงใด ๆ เหลือเพียงแค่เสียงไออยู่อย่างนั้น ไอจนหลินจือเซี๋ยวรู้สึกงุนงงอยู่ในใจ
ยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไหมเนี่ย!
วันนี้ดูเหมือนจะไม่มีทางอื่นแล้วจริง ๆ
เธอลุกขึ้นจากเตียงด้วยความโมโห ก่อนจะผลักโซฟาออกและเปิดประตู!
เมื่อเผชิญหน้ากับใบหน้าที่สะอาดและแดงระเรื่อเล็กน้อยที่ยืนอยู่หน้าประตู ร่างกายของเขามีผ้าขนหนูพันเอาไว้ เสื้อผ้าของเขานั้นถูกเขาเหยียบอยู่บนพื้น
วินาทีต่อมาเขาก็เซล้มมาหาตัวเธอ ร่างกายที่ร้อนรุ่มของเขาทิ้งน้ำหนักมาที่ตัวเธอ “เซี๋ยวเซี๋ยว นี่ฉันฝันไปหรือเปล่า?”
“อืม นายกำลังฝันอยู่!” หลินจือเซี๋ยวใช้สองมือดันตัวเขา ค่อย ๆ ผลักเขาออกไปด้านหลังช้า ๆ
ก่อนหน้านี้ยังดี ๆ อยู่ ไม่นึกเลยว่าจะเป็นหวัดได้ง่ายแบบนี้ ความเป็นไปได้ทางเดียวนั่นคือเนื้อตัวของฉีเซิ่งเทียนนั้นเปียก!
เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้ หัวใจของเธอก็พลันลุกขึ้นเป็นไฟ!
ผู้ชายคนนี้มีปัญหาทางสมองหรือยังไง ประตูห้องเปิดไม่ออก จะหนีออกไปดี ๆ อย่างเชื่อฟังก็ไม่ทำ ไม่นึกเลยว่าจะทรมานตัวเองแบบนี้
ร่างกายของฉีเซิ่งเทียนค่อย ๆ ล้มตัวลงนอนบนเตียง เขาไข้ขึ้นสูงมาก ไม่นึกว่าเขายังมีแรงเรียกชื่อเธออยู่ตลอด
ตอนนี้เธออยากให้เขาแกล้งทำเสียมากกว่า ไม่อยากจะเห็นเขานอนเป็นไข้หวัดอยู่บนเตียงเลยจริง ๆ
“เซี๋ยวเซี๋ยว……”
“ว่าไง นายไม่ต้องเรียกแล้ว!” หลินจือเซี๋ยวดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้เขา แต่เขาก็ดึงมันออกไป
หลินจือเซี๋ยวมองเขาด้วยความโกรธ เพราะเขาไม่สบายถึงจะไม่มีอาการอื่น ๆ แต่ก็ทนห่มผ้าห่มให้เขาอีกครั้ง
“ฉันจะไปหยิบยาให้ นายพักผ่อนก่อนนะ ไม่ต้องเรียกแล้ว! เจ็บคอจนเสียงแหบหมดแล้ว” ได้ยินแล้วรู้สึกอึดอัดกับเสียงแหบ ๆ นั้นจริง ๆ
ฉีเซิ่งเทียนได้ยินในสิ่งที่เธอพูดก็นอนอยู่บนเตียงนิ่ง ๆ ไม่ขยับไปไหน
หลินจือเซี๋ยวสัมผัสไปที่หน้าผากของเขา ก่อนจะไปหยิบเครื่องวัดอุณหภูมิมา เนื้อตัวเขายังไม่ได้ใส่เสื้อ เธอมองร่างกายท่อนบนที่เปลือยเปล่าของเขา ก่อนจะค่อย ๆ หันหน้าหนี
ยกแขนขึ้นด้วยมือข้างหนึ่งขึ้น หลังจากนั้นก็วางเครื่องวัดอุณหภูมิไว้ใต้รักแร้ ทั้งที่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้เห็นและไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้สัมผัสใกล้ชิด แต่เธอก็ยังเขินอายอยู่
หลังจากที่วัดไข้เขาเรียบร้อย ใบหน้าของเธอก็แดงก่ำ โชคดีที่ในตอนนี้ฉีเซิ่งเทียนหลับตาอยู่จึงไม่เห็นใบหน้าของเธอ
เธอไปหยิบผ้าขนหนูชุบน้ำบิดหมาด ๆ มาวางบนหน้าผากของเขา ก่อนจะหายาลดไข้มาให้กิน พลางมองไปที่ใบหน้าที่หลับสนิท กำลังคิดอยู่ว่าควรจะโทรศัพท์หาเฉินเหยียน เรียกให้เธอมารับฉีเซิ่งเทียนไปดีไหม?
แต่ถ้าหากว่าเธอเข้ามาเห็นฉีเซิ่งเทียนที่ไม่ได้ใส่เสื้อแบบนี้จะต้องเข้าใจผิดแน่!
เธอไม่อยากถูกเข้าใจผิดว่าไปอ่อยคู่หมั้นคนอื่น!
เมื่อดึงเครื่องวัดอุณหภูมิออกมา 37.5 องศา เป็นไข้จริง ๆ
“ฉีเซิ่งเทียน! ผู้จัดการฉี!” เธอตะโกนเรียกฉีเซิ่งเทียน แต่กลับไม่มีการตอบสนองใด ๆ ขนตาที่งอนยาวบาง ๆ นั้นสั่นเล็กน้อย
“คุณต้องกินยา ไม่กินยาไม่ได้นะ!” ถ้าไม่กินไข้จะลดได้ยังไง?
ผ้าขนหนูที่เปียกอยู่จะกลับคืนมาได้ง่ายดายงั้นเหรอ?
[1] กินอยู่ในถ้วยตัวเอง แต่ยังไปมองของกินในกระทะอีก เป็นสำนวนที่ใช้กล่าวว่าผู้ที่ไม่รู้จักพอ โลภ ได้อะไรอย่างหนึ่งแล้ว แต่ในขณะเดียวกันก็อยากได้ที่มันดีกว่าหรือยิ่งใหญ่กว่า คล้ายกับสำนวนที่ว่า ได้คืบจะเอาศอก ได้ศอกจะเอาวา