อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 436 คุณเปลี่ยนเสื้อผ้าข้างนอกนั่นแหละ!
ตอนที่ 436 คุณเปลี่ยนเสื้อผ้าข้างนอกนั่นแหละ!
ใบหน้าของหลินจือเซี๋ยวเริ่มเปลี่ยนเป็นเย็นชา ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็วและหยิบเสื้อผ้าของเขาที่ถอดไว้ออกมา จากนั้นก็โยนมันลงบนโซฟา ปิดประตูและล็อกห้องทันที
“คุณเปลี่ยนเสื้อผ้าข้างนอกนั่นแหละ!”
ฉีเซิ่งเทียนมองไปยังเสื้อผ้าสกปรก ๆ ที่กองอยู่บนโซฟา แอบคิดว่าตัวเองจะเอาเสื้อผ้ามาไว้ในบ้านหลินจื่อเซี๋ยวสักสองสามชุดดีไหม
แต่พี่สะใภ้จะมีกุญแจเข้าบ้านนี่มาเปิดดูรึเปล่านี่สิ?
หลินจือเซี๋ยวออกมาอีกครั้งเมื่อเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ฉีเซิ่งเทียนนั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหาร ในมือก็ถือแก้วนมเอาไว้ ทำท่าทางราวกับคุณชายผู้สูงส่ง
เธอเหลือบสายตามองเขา ก่อนจะทำท่าทีเฉยเมยและเดินไปที่ประตู เปลี่ยนรองเท้าแล้วเดินออกไปทันที
“เซี๋ยวเซี๋ยว……”
จู่ ๆ เธอก็ออกไปเสียอย่างนั้น!
เมื่อได้ยินเสียงรถที่ด้านนอก ฉีเซิ่งเทียนก็รีบลุกขึ้นทันที ผู้หญิงคนนี้ไม่คิดจะทำดีกับเขาบ้างเลยเหรอ?
เมื่อคืนเขามีไข้สูง วันนี้กลับทำท่าทางไม่สนใจ ไม่ดูแลเขาซะอย่างนั้น?
หรือเขาควรจะป่วยตลอดเวลาดีนะ?
ฉีเซิ่งเทียนเริ่มโมโห สุดท้ายทั้งสองคนก็มาถึงที่บริษัทจิ่ง เห็นได้ชัดว่าหลินจือเซี๋ยววันนี้ขับรถเร็วกว่าปกติ
หลินจือเซี๋ยวไม่มีคำพูดใด ๆ เมื่อเดินเข้ามาพร้อมกับฉีเซิ่งเทียน เธอยกมือขึ้นกดลิฟต์ด้วยท่าทางไร้ซึ่งอารมณ์
ฉีเซิ่งเทียนดูเหมือนว่าจะไม่ได้รับการช่วยเหลือใด ๆ เลยจริง ๆ
หรือเขาควรจะหาช่องทางทำลิฟต์ส่วนตัวไว้ดี อย่างน้อยเขาก็ควรมีไว้บ้าง
แต่ทว่าเรื่องคู่หมั้นยังจัดการไม่เรียบร้อยดี แล้วเธอจะมาอยู่กับเขาตลอดได้ยังไงกัน!
เมื่อรู้สึกว่าคนที่อยู่ข้าง ๆ เริ่มเข้าใกล้เธอมากขึ้นเรื่อย ๆ เธอก็อดตัวสั่นเทาขึ้นมาไม่ได้ ก่อนจะย่อตัวลงเล็กน้อย
กำแพงมนุษย์ที่ชื่อฉีเซิ่งเทียน การพยายามไม่แตะต้องนับเป็นวิธีที่ดีที่สุด
ฉีเซิ่งเทียนก้มหน้ามองไปที่ด้านล่างตรงตำแหน่งของหลินจือเซี๋ยว ก่อนจะพูดขึ้น “นี่เธอทำอะไรอยู่?”
“หลบคุณอยู่”
เห็นชัดขนาดนี้ยังต้องถามอีกเหรอ?
“ลุกขึ้น!” เขาหรี่ตามองไปที่เธอ กว่าจะมีเวลาอยู่ด้วยกันแบบนี้ไม่ง่ายเลย แล้วเขาจะปล่อยให้เธอหนีรอดไปได้ยังไงกัน!
เมื่อมาถึงภายในห้อง ข้ออ้างต่าง ๆ ที่จะใช้พูดกับพี่เฉินก็คืองานยังทำไม่เสร็จ เมื่อถึงตอนนั้นดูเหมือนแม้แต่เขาเองก็คงช่วยอะไรไม่ได้
“ไม่เอา!” เธอหลบตา ไม่ยอมมองมาที่เขา
ดูเหมือนเขาจะโกรธอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่รู้ว่าเขามีสิทธิ์อะไรที่จะมาโกรธแบบนี้?
คนที่ควรจะโกรธน่าจะเป็นเธอมากกว่า เพราะเขาเล่นหลับไปตั้งหนึ่งครั้ง แถมยังทำตัวประกบติดแบบนี้อีก!
ฉีเซิ่งเทียนกำลังจะนั่งยอง ๆ ลงตาม แต่ประตูลิฟต์ก็เปิดออกซะก่อน หลินจือเซี๋ยวรีบลุกขึ้นและวิ่งออกไปข้างนอกทันที
เธอต้องไปหาโหรวโหรว เพื่อซ่อนตัวจากเขา!
วันนี้เธอมาสายนิดหน่อย บางทีโหรวโหรวน่าจะมาแล้ว
เมื่อเธอเข้าไปในห้องทำงานของอันโหรวก็พบว่าไม่มีใครอยู่ที่นั่นเลยสักคน
เธอหันหลังและคิดจะเดินออก แต่ก็ถูกฉีเซิ่งเทียนที่กำลังเดินเข้าขวางทางไว้ เธอแสร้งยิ้มและพูดขึ้น “ประธานฉี ฉันมีงานสำคัญต้องไปหาประธานจิ่งก่อนนะคะ”
“อืม” ฉีเซิ่งเทียนตอบกลับอย่างเรียบเฉย ก่อนจะมองไปที่ห้องทำงานของอันโหรว
อันโหรวเหมือนจะไม่มา บางทีพี่เฉินเองก็น่าจะไม่มา
หลินจือเซี๋ยวรู้สึกแปลก ๆ ตรงที่ฉีเซิ่งเทียนกลายเป็นคนพูดง่ายฟังง่ายขนาดนี้ แต่เธอก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ก่อนจะเดินตรงไปที่ห้องทำงานของเธอแทน จากนั้นก็ไปห้องทำงานของจิ่งเป่ยเฉ ฉินต่อ เพราะว่ามีเอกสารบางชุดที่ต้องให้จิ่งเป่ยเฉินเซ็น
แต่เมื่อไปยืนอยู่หน้าประตูกลับไม่มีเสียงตอบกลับมา บางทีเธอน่าจะรู้อยู่แล้วว่าวันนี้บิ๊กบอสอาจจะไม่มาทำงานก็ได้
ถ้าหากเป็นแบบนั้นมีหวังเธอได้ตายแน่ ๆ
ขณะที่กำลังยืนอยู่นอกห้องทำงานด้วยท่าทีที่ลังเลอยู่นั้น ก็เหลือบเห็นฉีเซิ่งเทียนที่เอามือสอดเข้าไปในกระเป๋ากางเกงและยืนพิงผนังกำแพงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับเธอ เขามองมาที่เ เธอด้วยท่าทางสบายใจ
“ผู้จัดการฉี คุณนี่มันจริง ๆ เลยนะ!” เธอถือเอกสารไว้ในมือข้างหนึ่ง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา คิดจะโทรถามอันโหรวว่าวันนี้จะมากี่โมง
แต่ช่วงที่เธอเปิดโทรศัพท์ก็เห็นข้อความของฉีเซิ่งเทียนที่ส่งมาสั้น ๆ เมื่อคืน
ตอนนั้นเธอเดินเข้าไปแล้วเห็นเฉินเหยียนกำลังพิงตัวเขา ไม่ช้าเขาก็ตามมา แล้วยังจะส่งข้อความพวกนี้มาทำไมอีกกัน!
เธอเหลือบสายตามองไปที่ข้อความ ใบหน้าก็เริ่มบูดบึ้งเขียวคล้ำด้วยความโมโห
หากไม่ใช่ว่าในมือถือเอกสารของจิ่งเป่ยเฉินละก็ เธออยากจะเอาไปฟาดหน้าเขาจริง ๆ
ฉีเซิ่งเทียนที่กำลังยิ้ม เมื่อเห็นสีหน้าของหลินจือเซี๋ยวเปลี่ยนไปแบบนั้น เขาก็เดินเข้าไปหาเธอด้วยท่าทีสงสัย
“เธอดูอะไรอยู่? เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?” ทันใดนั้นสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป ตั้งแต่ที่หยิบโทรศัพท์ออกมาดู
“ฉันกำลังดูข้อความที่คุณส่งมาหาฉันเมื่อคืนอยู่ไง ผู้จัดการฉี คุณนี่มันเก่งเรื่องแทงข้างหลังคนจริง ๆ นะ อยู่ต่อหน้าฉันยังทำแบบนั้นลงไปได้อีก!” หลินจือเซี๋ยวกำโทรศัพท์แน่ นและเดินหันหลังออกไป
ฉีเซิ่งเทียนมองไปที่ตัวเธอด้วยสีหน้าที่งุนงง ก่อนจะควานหาโทรศัพท์ของตัวเองและเพิ่งจะรู้ว่าโทรศัพท์ของตัวเองไม่ได้อยู่กับตัว!
โทรศัพท์เขาหายไปตั้งแต่ตอนไหนกัน?
เขาไม่รู้ตัวเลยสักนิดเดียว!
เมื่อคืนเขามัวแต่ทำตามเสียงหัวใจจนไม่ได้สนใจเรื่องโทรศัพท์บ้าบออะไรนั่น
แสดงว่าต้องมีเรื่องอะไรบางอย่างที่ทำให้เธอเข้าใจผิดแน่ ๆ มีคนใช้โทรศัพท์ของเขาแน่ ๆ เลย!
“หลินจือเซี๋ยว! หยุดก่อน!” เขารีบวิ่งตามไป
“โทรศัพท์ของฉันหาย ไม่รู้ว่าเธอได้รับข้อความมาจากไหน มันไม่ใช่ฉันส่งจริง ๆ นะ!”
ฉีเซิ่งเทียนเห็นประตูห้องทำงานปิดลงต่อหน้า ทั้งสองคนตอนนี้ถูกกั้นไว้ด้วยประตู
“หลินจือเซี๋ยว โทรศัพท์ของฉันหายไป!”
“เธอเปิดประตูก่อน!”
“หลินจือเซี๋ยว เธอได้รับข้อความว่ายังไง?”
ให้ตายสิ ต้องเป็นฝีมือของเฉินเหยียนแน่ ๆ
เธอทำอะไรลงไปเนี่ย!
เอาโทรศัพท์เขาไปทำอะไรกันแน่!
หากหลินจือเซี๋ยวปล่อยให้เขาเคาะประตูอยู่ที่ด้านนอกคงดูไม่ดี แต่เธอเองก็ไม่คิดอยากจะเปิดประตูเลยสักนิด!
แต่ก็ไม่รู้ทำไมเธอต้องโกรธเขาขนาดนี้!
โกรธเขาเพื่ออะไรกัน?
เดิมทีพวกเขาก็แค่อยู่ด้วยกันหนึ่งคืน ไม่มีอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดเรื่องแบบนั้นเลยสักนิด ต่อให้ไม่มีเฉินเหยียนเข้ามา เรื่องระหว่างพวกเขาสองคนก็ไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว
เธอนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยท่าทีเศร้า ๆ ยังคงได้ยินเสียงเคาะประตูอย่างรุนแรงที่ด้านนอก ที่นี่คือบริษัทจิ่ง เขาไม่กลัวว่าคนอื่นจะได้ยินเลยหรือยังไง?
ไม่ช้าหัวที่หนักอึ้งของเธอก็ฟุบลงบนโต๊ะ รู้สึกเหมือนหัวใจเหนื่อยล้าแปลก ๆ
แน่นอนนี่ไม่น่าจะเรียกว่าความรักหรอก ไม่มีทางเกิดขึ้นกับเธอแน่ ๆ
เพราะเธอยังไม่ทันได้ตกหลุมรักเลย!
เธอแค่เจอคนไม่ดีเข้ามาเท่านั้น ถ้าหากไม่ใช่เพราะฉีเซิ่งเทียน บางทีเธออาจจะไม่เป็นแบบนี้!
อืม ฉีเซิ่งเทียนเป็นคนนิสัยไม่ดีที่สุดแล้ว!
ปัง!
ทันใดนั้นเหมือนกับลมพัดเข้ามาอย่างรุนแรง หลินจือเซี๋ยวตกใจรีบเงยหน้าขึ้นไปมองทันที เธอเห็นประตูห้องทำงานร่วงลงบนพื้น ไม่ช้าฉีเซิ่งเทียนก็เดินเข้ามาในห้องด้วยความโกรธ
“นายทำลายข้าวของทำไมเนี่ย!”
“ฉันจ่ายเอง! แต่เธอต้องบอกฉันก่อนว่าเธอได้รับข้อความอะไร!” เขามั่นใจว่าโทรศัพท์ของเขาถูกเฉินเหยียนเอาไปแน่ ๆ
ถึงแม้ตอนนี้เขาจะไปหาเธอเพื่อเอาโทรศัพท์คืนมา แต่ก็มั่นใจว่าข้อความพวกนั้นเธอคงลบไปแล้วแน่ ๆ เขาเลยไม่มีอารมณ์คิดจะไปหาเฉินเหยียนเลยสักนิด ตอนนี้ต้องรู้ให้ได้ว่าเธอได้ร รับข้อความอะไรกันแน่
มองจากท่าทางของเธอก็รู้ว่าเธอเศร้าอยู่ชัด ๆ
“ฉันได้รับข้อความอะไรมาแล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณด้วย ผู้จัดการฉี คุณอย่ามาหลงตัวเองหน่อยเลย ฉันเป็นอะไรกับคุณ ไม่ได้เป็นเพื่อนกับคุณด้วยซ้ำ หรือเพราะว่าคุณคิดว่าฉันจะไม่มี ความสุขอย่างนั้นเหรอ? วางใจเถอะ! ต่อให้คุณแต่งงาน ฉันก็จะเดินเข้าไปร่วมงานพร้อมกับรอยยิ้มเอง!” เมื่อครู่นี้เธอก็เพิ่งลบข้อความพวกนั้นไป เธอไม่คิดอยากจะเห็นมันอีก
“แต่หลังจากที่เธออ่านข้อความนั่น เธอก็มองมาที่ฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน แล้วเธอจะมองฉันทำไมกัน?” ฉีเซิ่งเทียนก้มหน้ามองไปที่เธอ ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ ๆ ใบหน้าเล็ก ๆ ที่กำลังจ้ องมองเขาอยู่
“ฉันแค่คิดว่าคุณดูดีเท่านั้นเอง! หรือว่ามองไม่ได้เลย?” เธอยิ้มออกมา ก่อนจะเอนหลังลง
“ดูได้ ฉันอยู่ที่นี่แล้ว เธออยากดูเท่าไรก็ดูไปเลย ถ้าหากดูไม่พอละก็ กลับบ้านไปแต่งงานกับฉันแล้วดูทุกวันเลยเป็นยังไง?”
“ฉันไม่สนใจเรื่องเป็นมือที่สามหรอกนะคะ อีกอย่างผู้จัดการฉีก็จะแต่งงานอยู่แล้ว อยากเล่นสนุกอะไรกับใครก็ได้ทั้งนั้น ยกเว้นฉัน!” เธอยิ้มอย่างเย็นชาออกมา ก่อนจะเหลือบสายตามองไ ไปที่คอมพิวเตอร์ “อย่ามารบกวนเวลาทำงานของฉันที่นี่จะได้ไหม?”
“ใครบอกว่าฉันจะขอผู้หญิงแต่งงานทั้งสองคนกัน ฉันจะแต่งงานกับเธอต่างหาก แค่กับเธอคนเดียวเท่านั้น!” เธอโง่หรือเปล่านะ?
“คุณแต่งงานกับฉัน สุดท้ายก็ต้องแต่งงานตามทางบ้าน! ฉันคงไม่มีหน้ามีตาขนาดนั้นหรอก! ฉันไม่แต่งงานอะไรทั้งนั้นแหละ! หรือตัวฉันมีค่ามากเลยหรือไง?” เธอไม่คิดแต่งงาน และไม่คิด จะแต่งเข้าบ้านใครทั้งนั้นในตอนนี้!