อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 438 ในที่สุดก็มีคนยั่วโมโหเขาอย่างนั้นเหรอ?
- Home
- อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด
- ตอนที่ 438 ในที่สุดก็มีคนยั่วโมโหเขาอย่างนั้นเหรอ?
ตอนที่ 438 ในที่สุดก็มีคนยั่วโมโหเขาอย่างนั้นเหรอ?
ในที่สุดก็มีใครสักคนไปยั่วโมโหเขาอย่างนั้นเหรอ?
เพราะปกติแล้วมองดูเขาเมื่อไหร่ก็มักจะเห็นแต่รอยยิ้มเสมอ
“เป็นอะไรไป?” อันโหรวถามด้วยความเป็นกังวล
“พี่สะใภ้ พี่เฉิน พวกพี่อย่ามาขวางฉันเลย ฉันกำลังจะไปหายัยคนขี้โกงนั่น!” เขาคิดอยากจะไปหายัยเฉินเหยียน บังอาจมาใช้โทรศัพท์ของเขาส่งข้อความไปหาหลินจือเซี๋ยวได้ยังไง
ตอนนี้เลยทำให้เขาไม่สามารถอธิบายให้เธอเข้าใจได้สักที!
สถานการณ์แบบนี้ทุกอย่างที่เป็นความจริงต่าง ๆ หลินจือเซี๋ยวแทบไม่ฟังคำพูดของเขาเลย!
เขากำลังจะเป็นบ้าไปแล้ว!
ชั่วชีวิตนี้เขาไปเจอผู้หญิงอย่างเฉินเหยียนได้ยังไงกัน นี่มันเหมือนกับดาวหางที่พัดพาความชั่วร้ายมาใส่เขาไม่มีผิด!
ช่วงเวลาที่เขาไม่ได้เจอเธอ เขากับหลินจือเซี๋ยวดูเหมือนจะไม่ก้าวหน้าไปเท่าไร แต่ว่ามันต้องไม่เป็นแบบนี้สิ!
จิ่งเป่ยเฉินเผยอารมณ์ที่ดูเยือกเย็น ก่อนจะโอบไปที่เอวของอันโหรวและหลีกทางให้เขา จากนั้นก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า “จัดการให้เรียบร้อยด้วย”
“……”
อันโหรวสงสัยว่าตัวเองได้ยินผิดไป คาดไม่ถึงว่าจะเป็นแบบนี้ไปเสียได้……..
“พี่สะใภ้ ช่วยผมหน่อยสิ!” ฉีเซิ่งเทียนมองเธอที่ยืนอยู่นิ่ง ๆ เขาก้มหน้ามองไปที่อันโหรวก่อนจะพูดต่อ “พี่สะใภ้ พี่สุดยอดที่สุดแล้ว! ช่วยผมคิดอะไรหน่อยสิ!”
เมื่อเธอกำลังจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ฉีเซิ่งเทียนก็ส่ายหน้าไปมา
“ไม่ได้สิ พี่สะใภ้ตัวพี่เองยังสงบไม่พอ คงไม่ให้พี่ชี้แนะแล้ว! ผมจะไปหาคนขี้โกงนั่นเอง!” ฉีเซิ่งเทียนพูดอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกไปต่อหน้าพวกเขาทั้งสองคน
อันโหรวยืนอยู่กับที่อย่างนิ่งเฉย ดวงตาที่งดงามของเธอดูเหม่อลอยเล็กน้อย ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นไปมองจิ่งเป่ยเฉิน “จบแล้วสินะ ภาพลักษณ์ของฉัน”
“ภาพลักษณ์ของเธอก็สวยมากไง” บิ๊กบอสเดินเข้าไปกอด ก่อนจะพาเธอเดินเข้าไปข้างใน
“นายไม่สนเรื่องของฉีเซิ่งเทียนหน่อยเหรอ?”
“เขามีขอบเขตแยกแยะอยู่”
“แต่ดูเหมือนเขาจะโกรธมาก ๆ เลยนะ ฉันจะไปถามจือเซี๋ยวดูหน่อยดีกว่า นายไปก่อนเถอะ!”
บิ๊กบอสยังไม่ทันได้เดินไปถึงห้องทำงาน คนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมแขนจู่ ๆ ก็หายไปเสียแล้ว!
เขายืนดูเธอเดินเข้าไปในห้องทำงานของหลินจือเซี๋ยว ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องทำงานของตัวเอง
ดูเหมือนว่าเร็ว ๆ นี้จะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างฉีเซิ่งเทียนกับหลินจือเซี๋ยว จะต้องมีอะไรบางอย่าง หรือไม่ก็ต้องมีคนมาคิดแย่งว่าที่ภรรยาของเขาไปแน่ ๆ
อันโหรวเดินเข้าไปในห้องทำงานของหลินจือเซี๋ยว เธอมองประตูที่หักกองอยู่บนพื้น ก่อนจะก้าวเดินอย่างระมัดระวัง หลินจือเซี๋ยวกำลังนั่งเหม่อลอยอยู่กับที่ สายตามองไปที่หน้าจอนั้นดูเลื่อนลอยราวกับไม่ได้คิดอะไร แต่ทว่าภายในดวงตากลับมีเส้นแดง ๆ ปรากฏขึ้น เหมือนกับว่าเธอเพิ่งร้องไห้ไป
เธอเดินเข้าไปหาหลินจือเซี๋ยว ก่อนจะยืนอยู่ข้าง ๆ ตัวเธอและกอดอกถาม “จือเซี๋ยว”
“โหรวโหรว ฮือออออ………”
หลินจือเซี๋ยวเห็นเธอยืนกอดอกอยู่ ทันใดนั้นก็เผลอร้องไห้ออกมา เธอรู้สึกว่าตัวเองนั้นไร้เดียงสา ไม่รู้เรื่องราวอะไรเลย!
“ร้องไห้ ร้องไห้ออกมาเลย! ร้องไห้ให้มันเยอะ ๆ เลย” เธอไม่ได้ถามอะไรทั้งนั้น แต่ก็รู้ว่าจือเซี๋ยวนั้นกำลังเศร้า และก็คาดเดาได้ว่าเธอคงไม่อยากพูด
“ฮืออฮืออออออ……..”
เมื่อได้ยินอันโหรวพูดแบบนั้น เธอก็ยิ่งร้องไห้ใหญ่โตออกมา ภายในดวงตาของเธอมีน้ำตาคลอเบ้าอยู่ตลอด แต่น้ำตาก็ไม่ได้ไหลออกมา ตอนนี้เหมือนกับว่ามีคนคอยอยู่ข้าง ๆ มีคนเข้าใจ อารมณ์ต่าง ๆ ของเธอที่ซ่อนเอาไว้จึงถูกแสดงออกมาจนหมด
“โหรวโหรว เขามันไม่ใช่ผู้ชาย!” หลินจือเซี๋ยวเอาหัวของเธอมุดเข้าไปที่เอวของอันโหรว ไม่ช้าน้ำตาก็ไหลออกมา
“อืม เขาไม่ใช่คน” อันโหรวแอบเห็นด้วย
“เขามันเป็นคนบ้า คนเลว!”
“เขามันคนนิสัยไม่ดี ชอบรังแกจือเซี๋ยวของฉัน พวกเราไม่ต้องสนใจเขาหรอก” อันโหรวมองเธอด้วยความเจ็บปวด เพราะตัวเธอไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
บางทีนี่อาจจะเกี่ยวข้องกับเฉินเหยียน แต่เธอบอกว่าเธอไม่ได้ชอบฉีเซิ่งเทียนไม่ใช่เหรอ?
หรือเธอแค่ต้องการกระตุ้น ยั่วโมโห หรือต้องการทำอะไรกันแน่?
แต่ต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ?
ฉีเซิ่งเทียนโกรธมากด้วย คิดอยากจะไปฆ่าคนแล้วหรือเปล่าก็ไม่รู้
เขาคงไม่คิดจะไปฆ่าเฉินเหยียนหรอกนะ?
จู่ ๆ เธอก็รู้สึกว่าคำถามพวกนี้ถามไปคงร้ายแรงมาก หรือว่าควรไปถามจิ่งเป่ยเฉินดีไหมว่าเกิดอะไรขึ้น?
ฉีเซิ่งเทียนจะมีขอบเขตบ้างหรือเปล่านะ?
เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เขาโกรธมาก โกรธมากจริง ๆ ด้วย
“ฮือฮือออออ………”
“ฉันถูกพาดพิง เอาผิดใคร! แต่เขาก็ทำกับฉันแบบนั้น……”
“มันมากเกินไปแล้ว ชั่วชีวิตนี้อย่าไปสนใจเขาเลย!”
หลินจือเซี๋ยวร้องไห้อยู่ข้าง ๆ ตัวเธอแบบนั้น เธอคิดอยากจะไปถามเฉินเหยียนจริง ๆ ว่าที่เธอทำแบบนี้หมายความว่ายังไงกันแน่!
หลินจือเซี๋ยวกอดอันโหรวร้องไห้มากว่าสิบนาที กระโปรงของเธอตอนนี้เต็มไปด้วยคราบน้ำตา ไม่ช้าเธอก็รู้สึกผิด ก่อนจะปล่อยออก
อันโหรวหยิบทิชชูออกมาให้เธอเช็ด ก่อนจะหยิบมาเช็ดน้ำตาที่กระโปรงของตัวเองเบา ๆ
“ไม่ต้องร้องไห้แล้ว ในเมื่อเขาเป็นคนไม่ดี เซี๋ยวเซี๋ยวของเราสวยขนาดนี้ ก็ใช้ชีวิตให้คุ้มค่าดีกว่านะ” อันโหรวหยิบทิชชูแผ่นใหม่ไปเช็ดน้ำตาของเธอและพูดขึ้นว่า “แต่ว่าพวกเธอสองคนมีเรื่องอะไรเข้าใจผิดกันงั้นเหรอ?”
ถ้าหากเป็นเรื่องที่มีเฉินเหยียนเข้ามาเกี่ยวข้องละก็ บางทีอาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดก็ได้
“โหรวโหรว เรื่องของเขาไม่เกี่ยวอะไรกับฉันแล้ว ต่อให้เป็นเรื่องเข้าใจผิด ฉันก็ไม่อยากจะไปพูดถึงมันอีก ทางที่ดีไม่ต้องมาหาฉันจะดีที่สุด!” เธอสะอึกสะอื้นอย่างช้า ๆ เมื่อครู่นี้เธอก็เพิ่งทะเลาะกับฉีเซิ่งเทียนไป
แม้จะไม่ได้ทะเลาะใหญ่อะไรขนาดนั้น แต่ก็ไม่อยากได้ยินเขาพูดอะไรทั้งนั้น
“แต่พวกเธอทำงานบริษัทเดียวกัน ยังไงก็ต้องได้เจอหน้ากันอยู่ดี อีกอย่างนิสัยของฉีเซิ่งเทียนเองก็……” ยังไงเขาก็คงหาหนทางต่าง ๆ ที่จะได้อยู่กับเธอและทำให้เธอเข้าใจแน่ ๆ
“คำถามพวกนี้…….” หลินจือเซี๋ยวเบ้ปาก ก่อนจะมองไปที่เธออย่างไม่พอใจ “ช่วยบอกบิ๊กบอสให้ฉันย้ายตำแหน่ง ย้ายสถานที่ได้ไหม? ไม่อย่างนั้นก็ย้ายผู้จัดการฉีไปก็ได้”
“วิธีของเธอแก้ปัญหาได้แค่ชั่วคราวเท่านั้นเอง ไม่ใช่ว่าตลอดชีวิตเสียหน่อย อีกอย่างลองดูอีกทีกันดีไหม ไม่แน่ว่ามันอาจจะมีเรื่องเข้าใจผิดกันก็ได้!” เธอเห็นแก่ทั้งสองคนจึงพูดเตือนสติขึ้นมา
ไม่รู้ว่าทำไมหลายปีมานี้ถึงได้ไม่จุดติดกันสักทีทั้งสองคนนี้ แต่ทว่าตอนนี้เหมือนมีประกายไฟบางอย่างมาจุดพวกเขาติดทั้งสองคนเข้าเสียแล้ว
“มันจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดได้ยังไง เขาเป็นคนส่งข้อความมาเองด้วยซ้ำว่าพวกเขาท้องก่อนแต่ง!”
หลินจือเซี๋ยวหวนคิดถึงฉีเซิ่งเทียนที่อยู่ตรงหน้าและพูดว่าเขาไม่ได้แตะต้องเส้นผมของเฉินเหยียนเลยแม้แต่เส้นเดียว มันชวนให้เธอรู้สึกขยะแขยงขึ้นมาทันที
หรือภาพที่เห็นเมื่อคืนที่เฉินเหยียนกอดตัวเขาไว้นั้นเป็นภาพลวงตาอย่างนั้นเหรอ?
นั่นไม่ใช่ภาพลวงตา แต่เป็นเรื่องจริง!
“ฉีเซิ่งเทียนเอาโทรศัพท์ส่งข้อความมาหาเธอว่าพวกเขาท้องก่อนแต่งอย่างนั้นเหรอ?” ข้อความพวกนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่มากเลยนะ!
ฉีเซิ่งเทียนครั้งนี้คงคิดไปฆ่าคนแน่ ๆ หรือจะฆ่าเด็กในท้อง?
“ใช่ แบบนั้นแหละ ทั้งยังมาโกหกอีกว่าโทรศัพท์ของเขาหาย เขาไม่ได้เป็นคนส่ง” หลินจือเซี๋ยวส่ายหน้าไปมา “ผู้ชายแบบนั้นถ้าหากพูดไปแล้วเชื่อก็คงได้กลายเป็นต้นไม้แก่ที่โง่ดักดานกันพอดี!”
“แล้วถ้าหากมือถือของเขาหายไปจริง ๆ” อันโหรวเริ่มเข้าใจแล้ว นี่จะต้องเป็นฝีมือของเฉินเหยียนแน่ ๆ
เพียงแต่ว่าครั้งนี้เธอเป็นฝ่ายที่เริ่มส่งอะไรแบบนั้นมา มันดีแล้วอย่างนั้นเหรอ?
ถ้าหากเรื่องเข้าใจผิดพวกนี้ไม่ได้รับการแก้ไขละก็ ฉีเซิ่งเทียนกับหลินจือเซี๋ยวจะไปได้ไกลแค่ไหนกันนะ?
“ตอนนี้ดูเหมือนจะมีคนเข้าใจผิดแล้ว” แถมยังถูกแขวนเอาไว้บนต้นไม้แก่ ๆ ที่โง่เสียด้วย
“โหรวโหรว ทำไมเธอถึงทรยศแบบนี้?” เมื่อครู่นี้ยังช่วยด่าฉีเซิ่งเทียนอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับมาช่วยพูดแทนเขาเสียอย่างนั้น
“เมื่อครู่นี้เธออารมณ์ไม่ดี ตอนนี้ใจเย็นแล้วสินะ มา ฉันจะทำความเข้าใจกับเธอหน่อย” อันโหรวหยิบทิชชูอีกแผ่นหนึ่งมาเช็ดน้ำตาของเธอ ก่อนจะพูดต่อ “ฉันขอถามสักประโยค”
“อะไรเหรอ?” ภายในดวงตาของหลินจือเซี๋ยวยังคงมีน้ำตาคลอเบ้า ริมฝีปากสีแดงของเธอเม้มเข้าหากันพลางมองดูเธอ
“เธอชอบฉีเซิ่งเทียนหรือเปล่า?”
ถ้าหากชอบละก็ เรื่องเข้าใจผิดพวกนี้ก็ควรพูดให้ชัดเจน ถ้าหากไม่ชอบ แต่ถูกทำแบบนี้ก็ดูเหมือนจะไม่สมเหตุสมผลเท่าไร
“ฉัน………”
หลินจือเซี๋ยวไม่รู้ว่าตัวเองชอบเขาหรือเปล่า แต่ปฏิเสธไม่ได้เลย ตอนที่รู้ว่าเขามีคู่หมั้น ทั้งมารู้ว่าพวกเขาท้องก่อนแต่งแบบนั้น เธอก็รู้สึกโมโหขึ้นมาทันที!
“โหรวโหรว เขามีคู่หมั้นอยู่แล้ว แถมยังท้องก่อนแต่งด้วยนะ แต่กลับมายุ่งอยู่กับฉัน แบบนี้มันมากเกินไป ผู้ชายสารเลว ฉันไม่มีทางชอบเขาหรอก!” เธอพยักหน้าอย่างหนักแน่น เธอไม่มีทางชอบ!
แต่ฟังจากสิ่งที่เธอพูดแล้ว ดูเหมือนเธอน่าจะชอบขึ้นมาจริง ๆ แล้วสิ