อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 451 เซี๋ยวเซี๋ยว เธอดีกับฉันจริง ๆ
ตอนที่ 451 เซี๋ยวเซี๋ยว เธอดีกับฉันจริง ๆ
“เซี๋ยวเซี๋ยว เธอดีกับฉันจริง ๆ”
“งั้นคุณก็เอากระเป๋านี่ออกไปได้แล้ว!” เธอเม้มริมฝีปากล่าง ก่อนจะเอียงหน้าไปอีกทาง ไม่ได้หันไปมองแววตาที่ลึกซึ้งของเขาเลยสักนิด
หัวใจของเธอเมื่อครู่นี้เต้นแรงตึกตัก กลัวว่าเขาจะพบความจริงเข้า แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น?
“ฉันวางกระเป๋าไว้ในห้องของเธอก่อนได้ไหม?” เห็นเธอแบบนี้ หรือคิดว่าเธอต้องการจะอยู่ด้วยกันกับเขาหรือเปล่า?
แถมเซี๋ยวเซี๋ยวเป็นฝ่ายเริ่มก่อนแท้ ๆ
ถ้าวางเอาไว้ในห้องของเธอแบบนี้ ทุก ๆ วันคงไม่ใช่สรรหาวิธีต่าง ๆ มารังแกเธอหรอกนะ?
ถ้าแบบนั้นเธอไม่เอาเด็ดขาด
ตอนนี้ของก็ซื้อคืนหมดแล้วด้วย เมื่อเห็นเขามีท่าทางมีความสุขแบบนี้ เขาก็ไม่น่าจะโกรธมากเท่าไรหรอกใช่ไหม?
ทำไมไม่ใช้โอกาสนี้บอกความจริงกับเขาไปเลย?
เมื่อมองใบหน้าหล่อ ๆ ของเขาที่ค่อย ๆ ขยับเข้ามาใกล้ ๆ ริมฝีปากแดง ๆ ของเธอก็เม้มเข้าหากันอย่างอดไว้ไม่อยู่ “ตอนนี้นายมีสองทางเลือก ทางเลือกแรกคือออกไปจากบ้านฉันพร้อมกระ ะเป๋าเดินทางใบนี้ ทางเลือกที่สองก็คือจะนอนที่ไหนก็นอนไป!”
เรื่องที่เกิดขึ้นเธอไม่มีทางปล่อยให้เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สองแน่ ๆ
“งั้นฉันเลือกข้อสอง”
ออกไปก็ใช่ว่าจะมีอะไรดี
สู้อยู่บ้านกับเธอไปเลยน่าจะดีกว่า แถมไม่ง่ายอีกด้วย
ทันใดนั้นข้อมือของหลินจือเซี๋ยวก็ถูกจับไว้ กลายเป็นว่าถูกเขาลากขึ้นไปที่ชั้นบน ส่วนมืออีกข้างหนึ่งของเขาก็ถือกระเป๋าเดินทางเอาไว้
เธอเหลือบสายตามองเขาอย่างเงียบ ๆ ชายคนนี้ดูเหมือนจะมีแรงเหลืออยู่เยอะน่าดู
ความคิดของเธอไม่เป็นผลอย่างนั้นเหรอ?
เมื่อเดินไปถึงประตูห้องที่ว่างเปล่า เธอก็พิจารณาเล็กน้อย
เมื่อรู้สึกว่าฝีเท้าของเธอหยุดลง ฉีเซิ่งเทียนก็หันหน้าไปมองเธอ “เซี๋ยวเซี๋ยว?”
“ผู้จัดการฉี ถ้าหากคุณเข้าไปแล้วเจออะไรบางอย่าง ห้ามโกรธเชียวนะ! ฉันไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ” ที่นี่คือบ้านของเธอ แล้วทำไมเธอต้องขอโทษเขาด้วย!
เมื่อได้ยินคำพูดของเธอเข้า ภายในหัวของฉีเซิ่งเทียนก็เกิดความรู้สึกสับสนขึ้นมาทันที
นี่มันเกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?
หรือว่าทำอะไรให้เธอรู้สึกประหม่า?
“ฉันน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?” ก็เห็นอยู่ว่าเขานั้นดูโอเคกับเธอดี อย่างน้อยก็ไม่ได้ยุ่งอะไรกับเธอมาก ไม่ได้ทำอะไรที่ไม่ดีกับเธอด้วยซ้ำ
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ผู้จัดการฉี คุณน่ารักที่สุดแล้ว” เธอค่อย ๆ ดึงมือของเขาออก ก่อนจะถอยหลังออกไปสองสามก้าว “คุณเข้าไปเลย”
“ไปด้วยกันสิ” เมื่อก้าวไปข้างหน้าเขาก็จับมือเธออีกครั้ง เพราะปฏิกิริยาของเธอนั้นดูผิดปกติมากเกินไป
ตอนนี้เขาอยากรู้ว่าเธอทำอะไรลงไปมากกว่า เพราะรู้สึกผิดปกติยังไงไม่รู้
เพียงแค่ยื่นหัวก็เหมือนกับมีดคม ขยับนิดหน่อยก็ราวกับมีด ทำอะไรเธอก็ดูตื่นกลัวไปหมด
เธอรีบเดินตามเข้าไปทันที ก่อนจะไม่พูดไม่จาอะไรเลยสักคำ
ฉีเซิ่งเทียนมาที่นี่สองสามวันแล้ว แต่กระเป๋าเดินทางนั้นถูกโยนทิ้งไว้ที่นี่ หนำซ้ำยังไม่เก็บอะไรไปอีกด้วย
แต่ว่าตอนนี้…….
ไม่เห็นเลยแม้แต่สักอย่างเดียว?
หลินจือเซี๋ยวพอจะหันหลังกลับก็เห็นฉีเซิ่งเทียนยืนนิ่งอยู่ ก่อนจะค่อย ๆ ก้าวเดินเข้าไปใกล้เธอ ตอนนี้ทั้งสองคนเข้ามาใกล้ชิดกันมากขึ้นเรื่อย ๆ
จนสุดท้ายหลังของเธอก็ไปชิดติดกับกำแพง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองที่เขา “ขโมยขึ้นบ้าน สงสัยเอากระเป๋าของคุณไปแล้ว”
“หัวขโมยตาดีไม่เลวเลยนะ รู้อีกว่าเสื้อผ้าของฉันแพงกว่าของที่อยู่ในห้องของเธอ ถ้าอย่างนั้นคุณหลินช่วยอธิบายให้เข้าใจทีสิ หัวขโมยคนนี้เข้ามาขโมยตอนไหนงั้นเหรอ? หรือคุ ณหลินรู้หรือเปล่าว่าทำไมหัวขโมยคนนี้ไม่ยอมบอกอะไรฉันสักคำ แถมยังซื้อของให้ฉันอีกตั้งเยอะแยะอย่างนั้นอีก?”
หัวขโมยคนนี้คงไม่ใช่ตัวเธอเองหรอกมั้ง
ตั้งแต่ตอนที่เธอเอาของของเขาไปจนหมด หาไม่เจอได้ยังไงกัน?
“หัวขโมยคนนี้เจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว” สุดท้ายเธอก็ยังไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนทำอยู่ดี
“ฉันเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน หัวขโมยคนนี้เจ้าเล่ห์เกินไปแล้วจริง ๆ” เธอมันฉลาดแถมยังแกมโกงอีก
เมื่อนึกย้อนกลับไปในเหตุการณ์เมื่อคืนที่เกิดเรื่องนั้น ตอนนั้นเขาก็คิดว่าเธอจะยอมซักเสื้อผ้าให้ แถมเธอยังแสร้งบอกชอบที่เขาทำเมื่อคืนอีก สุดท้ายเป็นเรื่องที่หลอกเขาทั้งห หมด
“ผู้จัดการฉี หิวหรือเปล่า? พวกเราไปกินข้าวกันเถอะ! จู่ ๆ ฉันก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่นี้ไม่อิ่มเลย คิดอยากจะกินมากกว่านี้หน่อย” เธอพยายามฝืนปั้นรอยยิ้มขึ้นมาเพื่อไม่ให้ถูกเ เขาจับได้
แต่สุดท้ายมีหวังต้องถูกจับได้แน่ ๆ
เฮ้อ คงไม่ใช่ว่าจะมีซาตานโกรธเกรี้ยวขึ้นมาหรอกนะ!
“งั้นเหรอ? เธอยังไม่อิ่มงั้นเหรอ? กินตรงไหนดี ส่วนล่างหรือส่วนบน?”
“……”
หลินจือเซี๋ยวตัวสั่นเทาเล็กน้อย กลางวันแสก ๆ พูดแบบนี้หมายความว่าจะทำเรื่องไม่ดีใช่หรือเปล่า?
“ผู้จัดการฉี ฉันผิดไปแล้ว ฉันผิดไปแล้วจริง ๆ คุณช่วยยกโทษให้ฉันทีจะได้ไหม ขอร้อง” เธอพยายามอ้อนวอนเพื่อให้เขาไม่เข้มงวดจนเกินไป
“….” แก้มของทั้งสองคนตอนนี้ใกล้ชิดกันมาก การที่เขาเข้ามาใกล้เมื่อครู่ก็เห็นหน้าของเขาสะท้อนอยู่ภายในดวงตาของเธอ ขนตาที่ยาวและดูสวยงามนั้นสั่นเล็กน้อย
ปากเล็ก ๆ เม้มเข้าหากันเบา ๆ ทำไมเธอถึงได้ดูประหม่าขนาดนี้กันนะ?
หรือว่าเธอคิดว่าเขาจะทำอะไรเธองั้นเหรอ?
เขาแค่รู้สึกโมโหนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ถึงขนาดขู่จะทำให้เธอกลัวสักหน่อย
“แล้วคุณทำอะไรผิดตรงไหนกัน?” มุมปากของเขายกขึ้น ก่อนจะมองเธอด้วยความสนใจ
“ฉันผิดตรงที่ไม่ยอมเข้าไปที่บริษัทจิ่งเพื่อทำงาน ไม่ยอมไปพบกับผู้จัดการฉี แถมยังโกหกตีน้ำตื้นและคิดว่าไม่ผิดอะไร” เธอพูดด้วยรอยยิ้ม
ใบหน้าของฉีเซิ่งเทียนยิ่งดูเหมือนโกรธมากขึ้นหลังจากที่ได้ยินเรื่องเหล่านี้
“หวังว่านี่จะไม่ใช่ที่เธอคิดจริง ๆ นะ” เขาจับมือของเธอแล้วพาเดินออกไปข้างนอก
นี่กำลังจะออกไปแล้วเหรอ?
ไม่โกรธแล้วงั้นเหรอ?
เขามองแล้วเข้าใจจริง ๆ เหรอ?
ไม่เพียงแต่กระเป๋าจะหายไป แถมเสื้อผ้าที่อยู่ในตู้เองก็หายไปอีกด้วยนะ!
“ผู้จัดการฉี เงินที่ซื้อของให้คุณล้วนเป็นเงินที่ยืมมา คุณอย่าลืมคืนโหรวโหรวด้วยนะ! ฉันไม่มีเงินจ่าย” แค่เนกไทของเขาที่เธอซื้อมา เธอยังพอหาคืนได้อยู่บ้าง
“เหอะเหอะ”
เธอนี่มันร้ายกาจจริง ๆ
ไปยืมเงินของคนอื่นเพื่อซื้อของให้เขา จากนั้นก็ให้เขาไปจ่ายเงินคืนไม่พอ ก็ยังโยนของของเขาทิ้งไปอีก ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่กันแน่!
ฉีเซิ่งเทียนได้แต่หัวเราะออกมาสองคำ เนื่องจากเขาไม่มีอะไรจะพูด แต่เธอเองก็ไม่ได้สนใจอะไร
เพราะตอนนี้ดูเหมือนเรื่องจะเกิดขึ้นจริง ๆ แล้ว
“ผู้จัดการฉี ฉันรู้สึกผิดจริง ๆ นะ คำขอโทษของคุณคือให้ฉันจ่ายเป็นเงินอย่างนั้นเหรอ?”
“ความสัมพันธ์ของพวกเราคืออะไร เธอยืมเงิน ฉันต้องจ่ายคืนเหรอ?” หลังจากที่ทั้งสองคนเดินออกไป เขาก็หยุดเดินก่อนจะมองหน้าเธอ
“ความสัมพันธ์หลับนอนไม่กี่ครั้ง แถมคุณยังอยู่บ้านฉันตั้งหลายวัน ส่วนเรื่องโยนของไป เป็นฉันเองที่ผิด เพราะงั้นพวกเราหายกันดีไหม?” โหรวโหรวอยู่กับบิ๊กบอสมีเงินเยอะอยู่แ แล้ว เธอค่อย ๆ คืนก็ได้
“แค่โยนทิ้งอย่างนั้นเหรอ?”
“ใช่ ถ้าหากฉันไม่โยนมันไปแล้วหาไม่เจอละก็ ฉันก็คงไม่รู้ผิดจนต้องไปยืมเงินเพื่อนเพื่อมาซื้อใหม่คืนคุณหรอกนะ” ความคิดกับคำขอโทษของเธอดูเหมือนตอนนี้มันจะไปคนละทางเลยด้ว วยซ้ำ อีกอย่างเธอขอโทษอย่างจริงใจไปแล้ว เขาน่าจะให้อภัยนะ
“ยกโทษให้เธอก่อนละกัน กินข้าวกันก่อน ค่อยว่ากันใหม่” อันที่จริงที่เขาโกรธไม่ใช่เพราะเธอโยนของของเขาทิ้งไป
แต่เพราะไม่รู้ว่าทำไมเธอที่โยนของทิ้งไปแล้ว ถึงได้ไปซื้อใหม่มาให้เขาอีก
จู่ ๆ ความคิดเธอเปลี่ยนไปแบบนี้ ซื้อของมาให้เขา เป็นของใหม่ด้วยนะ เขาเองก็ไม่รู้จะโกรธอะไรเธอดี
ไม่มีเหตุผลที่ต้องโกรธเลยสักนิด
หลินจือเซี๋ยวเข้าไปนั่งในรถ ก่อนจะเงยหน้ามองเขาที่กำลังคาดเข็มขัด นี่เขาไม่โกรธจริง ๆ เหรอ?
ถ้ารู้ว่าเขาจะพูดดีแบบนี้ แล้วเธอจะโวยวายเล่นใหญ่ตอนนั้นไปเพื่ออะไรกัน!
“จะกินอะไรดี?” เขาถามเธอ
“คุณเลือกเอาเลยค่ะ!” วันนี้ขอติดตามเขาไปสักพักก็แล้วกัน!
เพราะแค่ตามเขาไปคงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรมั้ง
แต่หลังจากมาถึงสถานที่แล้ว เธอก็มองดูเขาอย่างเงียบ ๆ ตอนเที่ยง ๆ กินสุกี้หม้อใหญ่แบบนี้จะดีเหรอ?
“ผู้จัดการฉี คุณแน่ใจแล้วเหรอ?”
“จู่ ๆ ก็อยากกินขึ้นมา”
“ก็ได้!” เมื่อเธอลงจากรถก็ได้กลิ่นแรง ๆ โชยมา ทำให้เธอรู้สึกอยากกินขึ้นมาทันที
ดูเหมือนที่แบบนี้เธอเองก็ไม่เคยเข้ามาก่อน และไม่คิดเลยว่ากลิ่นของมันจะหอมขนาดนี้ ถ้าหากได้กินคงอร่อยน่าดู
……
ที่ห้องทำงานของประธานจิ่ง
จิ่งเป่ยเฉินกำลังมองไปที่หน้าจอที่อยู่ตรงหน้าเขา ส่วนฉีเซิ่งเทียนก็นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามและมองดูเขาด้วยท่าทางเกียจคร้าน
ภายในห้องตอนนี้เต็มไปด้วยกลิ่นของสุกี้หม้อไฟ
บิ๊กบอสเหลือบสายตาที่เย็นชามองไปที่เขา เมื่อมองดูโต๊ะที่ถูกจัดของเรียบร้อยแล้วพร้อมกับห่อของมาให้ด้วยแบบนี้ ไม่ช้าเขาก็พูดขึ้น
“ฉันไม่กิน เอาไปเถอะ” เขาชอบกินรสชาติที่มันเบา ๆ ปาก แต่กลิ่นที่โชยออกมาได้กลิ่นก็รู้แล้วว่าน่าจะเผ็ดไม่น้อย