อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 453 ไม่มีลมไหนเลยจะมีคลื่น
ตอนที่ 453 ไม่มีลมไหนเลยจะมีคลื่น
เธอหยิบกระเป๋าและลุกขึ้น “พวกคุณค่อย ๆ กินนะคะ ฉันอิ่มแล้ว ขอตัวก่อน!”
“เฉินเหยียน!” ฉีเซิ่งเทียนตะโกนออกมา ก่อนจะลุกขึ้นขวางหลินจือเซี๋ยวเอาไว้ “เซี๋ยวเซี๋ยว เธอเชื่อฉันหรือเชื่อเธอมากกว่ากัน?”
“ฉันเชื่อว่าไม่มีลมไหนไม่มีคลื่น[1]” ใบหน้าของเธอเย็นชาขึ้นมาทันที ความอยากอาหารตอนนี้แทบไม่มีเหลือ
“เซี๋ยวเซี๋ยว เธออย่าโมโหสิ ฉันแค่ล้อเธอเล่นเท่านั้นเอง มือถือของเสี่ยวเทียนเทียนตอนนั้นเป็นฉันเองที่ส่งข้อความไป พวกเราไม่ได้มีการแต่งงานอะไรพวกนั้นหรอก เธอวางใจเถอะ! ฉั นก็แค่หยอกล้อเขาเล่นเท่านั้นเอง” ดูเหมือนว่าพวกเขาสองคนยังคงดูชอบพอกันอยู่
ตัวเธอไม่ได้คิดอยากจะมีส่วนร่วมอะไร ถึงแม้ไม่ต้องมาอธิบายให้เข้าใจชัดเจน แต่ฉีเซิ่งเทียนวันนี้ก็ได้หาเรื่องให้เธอวุ่นวายเข้าเสียแล้ว
ช่วงที่เธออยากไปก็ดูเหมือนจะไปกันไม่ได้แล้ว
ล้อเล่นแบบนี้เหรอ?
ทั้งยังมาบอกว่าท้องก่อนแต่ง นั่นคือล้อเล่นกับเธออย่างนั้นเหรอ!
“ล้อเล่นสนุกมากไหม? ฉันไม่เห็นว่ามันจะสนุกเลยสักนิด!” เธอรู้สึกไม่ค่อยพอใจ ไม่รู้ทำไมพวกเขาถึงได้มาหยอกล้อกับเธอแบบนี้
ไม่ช้าเธอก็จ้องมองไปที่ฉีเซิ่งเทียนและพูดขึ้นว่า “หลีกไป!”
“เซี๋ยวเซี๋ยว เธอยังไม่ได้กินอะไรมากเลย งั้นพวกเราเปลี่ยนไปร้านอื่นดีไหม?” เขาแทบจะทนไม่ไหว คิดอยากจะตะโกนด่าเฉินเหยียนซะเดี๋ยวนี้เลย
อธิบายยังไงตอนนี้ก็ไม่มีทางเข้าใจได้ดีเลย!
“ผู้จัดการฉี ไม่ว่าคุณจะคิดเล่นอะไรหรือจะกินอะไรก็ไม่ต้องยุ่งเรื่องของฉันหรอก หวังว่าคุณจะไม่สนใจฉันอีกนะ เพราะเรื่องพวกนี้ไม่ตลกเลยสักนิด ฉันรู้สึกว่าพวกคุณทำมากเกินไ ไปแล้วจริง ๆ” หน้าอกเธอกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรงเพราะความโกรธ
ครั้งนี้เธอโกรธมากจริง ๆ
“หลินจือเซี๋ยว เธอ…….”
“ฉันกับคุณไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน!” แต่ถนนกว้าง ๆ แบบนี้เธอจะออกไปอย่างนั้นเหรอ?
ที่นี่ไม่เหมาะที่จะพูดด้วย หลินจือเซี๋ยวเองก็เดินออกไปข้างนอกแล้ว ฉีเซิ่งเทียนจึงเดินตามเธอออกไป
ไม่ช้าก็ถึงประตูทางเข้า ทันใดนั้นเธอก็รีบวิ่งไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็วเพื่อหวังที่จะออกไป
“หลินจือเซี๋ยว เธอเดินช้าลงหน่อย!” ฉีเซิ่งเทียนมีพลังเหลือเฟือ เขาเองก็รีบวิ่งตามเธอไป
ไม่ช้าก็เห็นผู้คนด้านนอกแห่กันเข้ามา เธออาศัยจังหวะนี้พุ่งออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็ว
“อะ…………”
หลินจือเซี๋ยวบังเอิญชนเข้ากับคนที่กำลังเดินเข้ามาพอดี “ขอโทษค่ะ!”
เธอเอ่ยคำพูดขอโทษ ก่อนจะรีบเดินออกไปทันที
ฉีเซิ่งเทียนตอนนี้ถูกขวางด้วยผู้คน เขาพยายามจะแหวกฝูงชนเดินออกไปบ้างเช่นกัน!
ฉีเซิ่งเทียนเริ่มมองเห็นเงาของเธอที่เดินหายไปเรื่อย ๆ ก่อนจะตะโกนเสียงดังขึ้นมาทันที “หลินจือเซี๋ยว เธอหยุดเดี๋ยวนี้!”
ฝีเท้าของหลินจือเซี๋ยวไม่มีท่าทีที่จะหยุดลงเลยสักนิด ก่อนจะขึ้นรถและรีบขับออกไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว
“หลีกไป!” ฉีเซิ่งเทียนโกรธผู้ชายที่ตอนนี้มายืนขวางหน้าเขาไว้ “ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจนะ”
เซว์มู่มองไปที่เขา ก่อนจะยืนนิ่งขวางหน้าเขาไม่ไปไหน “คุณเป็นผู้ชายแต่กลับวิ่งไล่ตามผู้หญิงหนึ่งคน น่าอายบ้างไหม? ผมมองดูท่าทางของคุณแล้วยังไงก็น่ากลัว ถ้าหากผมเป็นผู้หญ ญิง ผมก็หนีเหมือนกัน!”
อีกอย่างนอกจากนี้สาวสวยเมื่อครู่นี้ก็เป็นคู่นัดบอดของเขา และตัวเขาเองก็จำได้ว่าผู้ชายคนนี้มายืนขวางเขาไว้อีกด้วย
ตอนนี้เขาเริ่มสงสัยแล้วว่าพวกเขาสองคนเป็นแฟนกันจริง ๆ หรือเปล่า?
ในคืนนั้นที่บาร์ ฉีเซิ่งเทียนก็พาเธอออกไปโดยไม่ถามอะไรสักคำ
“คุณเป็นผู้หญิงหรือไง? หรือไปผ่าตัดแปลงเพศมาแล้ว?” ฉีเซิ่งเทียนยิ้มพลางหัวเราะ ก่อนจะมองไปที่เขาอย่างเย็นชา กว่าจะหลุดพ้นจากเฉินเหยียนที่ขวางทางเอาไว้ได้ ยังมาถูกผู้ชายที่ไ ไม่แม้แต่จะเคยไปต่างประเทศโผล่มาขวางแบบนี้อีกอย่างนั้นเหรอ?
“ผมผ่าตัดแล้วคุณจะรักผมหรือไง? ถ้าไม่ใช่ก็อย่ามาทำแบบนี้อีก!” เซว์มู่ได้ยินเสียงรถที่สตาร์ทขึ้นก็คิดว่าหลินจือเซี๋ยวน่าจะขับรถออกไปแล้ว
ฉีเซิ่งเทียนเอียงศีรษะ ก่อนจะขยับข้อมือไปมา เจ้าคนที่ชื่อเซี๊ยมู่นี่เอาแต่ขวางทางเขาอยู่ได้!
ไปที่ไหนก็ต้องมีมัน!
เซว์มู่มองไปที่เขา ก่อนจะเบี่ยงตัวหลบทันที เขาได้ยินมาว่าฉีเซิ่งเทียนชกต่อยเก่งมาก และตัวเขาเองก็คงเอาชนะไม่ได้ด้วย อีกอย่างถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่นี่ก็คงไม่ดี มีแต่จ จะเจ็บตัวเปล่า ๆ
ฉีเซิ่งเทียนทำท่ากำลังจะต่อยไปที่เขา แต่จู่ ๆ คนที่อยู่ข้างหน้าก็หลีกทางให้เขาอย่างง่ายดาย
นี่เขาจริง ๆ …….
ถึงแม้ตรงทางเข้าร้านอาหาร หลินจือเซี๋ยวจะมองไม่เห็นตัวเขาเท่าไร
แต่เมื่อเธอเหลือบสายตามองไปก็เห็นเซว์มู่เช่นกัน
ตอนนี้เซว์มู่เดินเข้าไปในร้านอาหาร ก่อนจะขึ้นตรงไปที่ชั้นบนและเข้าห้องส่วนตัวไปทันที
“ฉันก็ว่าทำไมนายมาช้าจัง!” เกาเซินยิ้มและหยอกล้อที่ตัวเขานั้นมาสาย
“บังเอิญเจอเพื่อนเก่า” เซว์มู่ยิ้ม ก่อนจะนั่งลง
เกาเซินรินไวน์แก้วหนึ่งให้เซว์มู่ ฝั่งตรงข้ามของพวกเขาคือฉีหย่วนหยางที่กำลังถือแก้วไวน์และจิบมันอย่างช้า ๆ ดวงตาที่ราวกับลูกท้อกำลังเหม่อลอย ทำให้ผู้คนที่เห็นไม่รู้ว่า ตัวเขานั้นกำลังมองอะไรอยู่
“เมื่อกี้ฉันบังเอิญเจอฉีเซิ่งเทียนด้วย เป็นโชว์ที่ไม่เลว!” ถ้าหากเขามาเร็วกว่านี้ละก็ คงได้เห็นการแสดงเจ๋ง ๆ กว่านี้แน่
“แล้วเขาเกี่ยวข้องอะไรกับนายด้วย?” เกาเซินเหลือบสายตามองไปที่เขา “เรื่องแบบนี้คงไม่น่าตื่นเต้นเท่าไรหรอกมั้ง!”
“จะไม่เกี่ยวกับฉันได้ยังไง ก่อนหน้านั้นป้าแนะนำผู้หญิงคนหนึ่งให้ ทั้งยังบอกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่สวย นิสัยก็ดี ฉันเลยขอมาดูสักครั้ง กลับกลายเป็นแฟนของฉีเซิ่งเทียน และเมื่อ อครู่นี้ก็บังเอิญเห็นพวกเขาทะเลาะกันอีก คนสวยคนนั้นโมโหจนหนีออกไป” แก้วไวน์ของเซว์มู่ถูกหมุนไปมา “เพราะงั้นเลยมีส่วนเกี่ยวข้องกันหน่อย ๆ ละนะ”
เกาเซินยิ้มก่อนจะจิบไวน์หนึ่งอึกและมองไปที่ฝั่งตรงข้ามอย่างฉีหย่วนหยาง “ส่วนตัวนายนี่คงไม่นับอะไรใช่ไหม? น่าสงสารบิ๊กบอสจังนะ ได้ยินมาว่าเดือนหน้าพวกเขาจะแต่งงานกันที่เก กาะส่วนตัว ประธานฉีจะแย่งคนรักหรือจะแย่งเจ้าสาวไปยังไงก็อย่าลืมพาฉันไปด้วยนะ ฉากดี ๆ แบบนั้นฉันต้องบันทึกอัดวิดีโอเอาไว้แน่ ๆ”
“นายไม่มีอะไรทำมากเลยใช่ไหม?” ฉีหย่วนหยางมองไปตรงหน้าด้วยสายตาที่เรียบเฉย ตั้งแต่ตอนไหนกันที่พวกเขาจะแต่งงานกัน
เขาจะทำอะไรได้ จะให้เขาทำเรื่องผิด ๆ อย่างนั้นเหรอ?
“ฉันก็ไม่ได้ว่างอะไรขนาดนั้นหรอก อีกอย่างนี่ก็ยุ่งกับการดื่มเป็นเพื่อนนายเพื่อบรรเทาอาการอกหักอยู่นะ” เกาเซินส่ายหน้าเล็กน้อย อา บิ๊กบอสฉีน่าสงสารจริง ๆ
โอกาสดี ๆ แบบนี้กลับไม่มีมาถึง ต้องส่งสมบัติตัวน้อยนั้นไปให้คนอื่นแทนเสียได้!
ไม่รู้จริง ๆ ว่าในใจเขาคิดอะไรอยู่กันแน่!
“ฉันก็อารมณ์ดีอยู่ ไม่จำเป็นต้องมาปลอบอะไรทั้งนั้น” ฉีหย่วนหยางวางแก้วไวน์ของเขาลง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูขี้เกียจ “แต่เธอแต่งงานจะให้ของขวัญอะไรดี?”
“นี่…….” เกาเซินถึงกับขมวดคิ้วแน่น ถ้าหากเป็นคนอื่นละก็คงปล่อยผ่านไปแล้ว
แต่เรื่องคุณหนูอันนี่!
กลับมาอยู่ในหัวใจของประธานฉีในรูปแบบที่ไม่เหมือนใครด้วยซ้ำ!
ตอนนั้นบอกว่าจะกลับมา แล้วจากนั้นก็ยุ่งอยู่กับงานในประเทศกับเธอเป็นเวลานาน
แล้วนี่ถึงกับต้องคิดหาอะไรให้เธอด้วยงั้นเหรอ?
“ประธานฉี คุณอันชอบเด็ก ๆ มาก ส่งสิ่งนี้ให้เธอไปสิ……”
“ของสำหรับเด็กทารก?”
เกาเซินได้ยินคำพูดของเขาก็เกือบจะสำลัก ความหมายของเขาจริง ๆ ก็คือให้ลูกกับคุณหนูอันไปสิ!
แต่พวกเขาไม่มีโอกาสด้วยกันเลยสักนิดเดียว!
“ประธานฉี นายมีความสุขก็ดีไป” เพราะถ้าเป็นแบบนั้นเขาเองก็ไม่มีอะไรจะพูด
……
ฉีเซิ่งเทียนตอนนี้มาถึงหน้าประตูอพาร์ตเมนต์ของหลินจือเซี๋ยวแล้ว เขามองดูกระเป๋าเดินทางของตัวเองที่วางอยู่หน้าประตู ดูก็รู้ว่าข้าวของของเขาถูกโยนออกมา
เขาถูกปรักปรำชัด ๆ
ทั้งหมดเป็นความผิดของเฉินเหยียนทั้งนั้น แต่ตอนนี้กลับ……..
นี่เขาคิดวิธีที่จะยกโทษให้ เขารู้ดีว่าตัวเองไม่ควรเมาและพูดถึงเรื่องที่บ้านในตอนนั้นเลย มันทำให้คนในบ้านเข้าใจผิดกันแบบนี้
“หลินจือเซี๋ยว เปิดประตู!”
เขาไม่ได้ยินเสียงใด ๆ จากด้านในเลยสักนิด ก่อนจะควานหากุญแจเพื่อเปิดประตู แต่ก็พบว่าเปิดประตูไม่ได้
นี่ไม่ใช่ว่าผู้หญิงคนนั้นหาวิธีเปลี่ยนตัวล็อกกุญแจแบบใหม่เร็วขนาดนั้นหรอกนะ?
“หลินจือเซี๋ยว!”
ผ่านไปสักพักก็ยังไม่มีใครตอบ รถเธอเองก็อยู่ที่ด้านนอก เป็นไปไม่ได้แน่ที่เธอจะไม่อยู่บ้าน
“หลินจือเซี๋ยว ฉันพังประตูนะ!”
เขาพูดแบบนั้น แน่นอนว่าเขาต้องทำได้!
หลินจือเซี๋ยวกำลังนั่งอยู่บนโซฟา เมื่อได้ยินเสียงที่ดังมาจากด้านนอก ด้วยความโมโหของเธอก็เลยเปิดเสียงทีวีให้ดังขึ้นกว่าเดิม
ฉีเซิ่งเทียนเป็นคนสารเลว เพราะงั้นไม่มีทางเปิดประตูให้เขาหรอก และไม่มีทางที่จะสนใจเขาแน่!
เอะอะอะไรก็โกหกเธอ! หลอกเธอ หนำซ้ำยังเอาหัวใจดวงน้อย ๆ ของเธอไปอีก!
[1] ไม่มีลมไหนไม่มีคลื่น ถ้าไม่มีเหตุก็ย่อมไม่มีผล ถ้าไม่มีอะไรเป็นเค้ามูล เรื่องใดก็เกิดขึ้นไม่ได้ เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนั้นย่อมต้องมีเหตุแห่งการเกิดแฝงอยู่