อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 454 เกินไปแล้ว
ตอนที่ 454 เกินไปแล้ว
นี่มันมากเกินไปแล้วจริง ๆ
ฉีเซิ่งเทียนได้ยินเสียงที่ดังออกมาจากข้างใน ก็รู้ได้ว่าเธอนั้นอยู่ข้างในบ้าน แต่ไม่ยอมเปิดประตูให้เขา
ไม่เปิดประตูแบบนี้ แล้วจะพูดให้รู้เรื่องยังไง!
การหลบหนีไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาอะไรเลยด้วยซ้ำ
ถึงแม้ว่าเสียงทีวีจะดังมากขึ้น แต่เธอก็ยังได้ยินเสียงของฉีเซิ่งเทียนอย่างชัดเจนอยู่ดี แต่แล้วทันใดนั้นก็ไม่มีเสียงใด ๆ เล็ดลอดเข้ามา
หลินจือเซี๋ยวถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในที่สุดเขาก็ไปแล้วสินะ
ไม่ช้าเธอก็เอนตัวพิงโซฟา พร้อมกับกินมันฝรั่งทอด ฟังเสียงทีวีดังขนาดนี้ หนวกหูไปหน่อยหรือเปล่า?
งั้นเธอก็เบาเสียงลงหน่อยดีกว่า
ไม่ช้าเธอก็ลดเสียงทีวีเบาลงมาหน่อย ค่อยรู้สึกโลกนี้สดชื่นขึ้นเยอะ
นี่แหละรสชาติของชีวิต!
การไม่มีฉีเซิ่งเทียนมารบกวนแบบนี้ค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย
เวลาดี ๆ สวยงามแบบนี้จะไปมัวคิดถึงเขาทำไมกัน!
เธอกัดมันฝรั่งทอดไปเรื่อย ๆ สักพักหนึ่งก็ได้ยินเสียงดังที่ชั้นบน เธอเงยหน้าขึ้นไปมอง รู้สึกชั้นบนจะไม่มีใครอยู่นะ!
แต่แล้วทันใดนั้นที่ชั้นบนก็ปรากฏเงาคนคนหนึ่งขึ้น เธอด้อม ๆ มอง ๆ เพ่งสายตาไปก็เห็นฉีเซิ่งเทียนที่กำลังเดินลงมาพร้อมกับแย่งมันฝรั่งที่คาอยู่ในปากของเธอไปกิน
นี่เขาลงมาจากชั้นบนอย่างนั้นเหรอ?
นี่เขาปีนขึ้นระเบียงมาจริง ๆ เหรอ?
นี่เขาทำไมดูน่ากลัวขนาดนี้กัน!
“อย่าเข้ามานะ! ฉันจะฟ้องคุณแน่ ข้อหาบุกรุกพื้นที่ส่วนตัว!” เธอถอยหลังไปช้า ๆ ตะโกนในใจว่าพระเจ้าช่วยด้วย!
ใครก็ได้ช่วยเธอที!
ฉีเซิ่งเทียนมองดูชุดนอนที่เธอสวมใส่ พร้อมกับคิดว่าเธอน่าจะนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟา ในมือถือมันฝรั่งทอด พร้อมกับเปิดทีวีดู ท่าทางที่เป็นแบบนี้ แล้วในร้านอาหารที่โกรธเมื่อครู่นี้มันหายไปไหนแล้ว!
เขากังวลว่าเธอจะโกรธ แต่ตอนนี้เธอกลับ…!
“อย่าเข้ามานะ!” ในตอนนี้อาวุธในมือของเธอไม่มีเลย
มีแต่มันฝรั่งทอดที่ตกลงมาที่ตัว เธอไม่กล้าสบสายตามองไปที่เขาเลยสักนิด “ช่วยด้วย! มีคนบุกรุกค่ะ!”
“หลินจือเซี๋ยว!” มันฝรั่งทอดที่งับอยู่ในปากของฉีเซิ่งเทียนค่อย ๆ หลุดออกมา ก่อนจะเอามือเปล่าไปปิดปากของเธอไว้ “ถอยมานี่!”
“ไม่เอา” เธอตะเกียกตะกายหลุดออกไป พร้อมกับลุกออกจากโซฟาทันที
เมื่อครู่นี้เธอเห็นเขาก็รู้สึกประหม่าขึ้นมาจนเกือบลืมที่จะหนีไป
แต่ทว่าน่าสงสารตรงที่พอเธอจะยืดขาไปข้างหนึ่งก็ถูกเขาดึงเอาไว้ ไม่ช้าก็ถูกเขาโน้มตัวเข้ามาใกล้ชิด แก้มประกบติดกับอก ได้ยินเสียงหัวใจเต้นรัวขึ้นมาทันที
“ผู้จัดการฉี ฉันเก็บของของคุณไว้ในกระเป๋าหมดแล้ว คุณไปดูด้วยตัวเองเถอะว่าตกหล่นหรือเปล่า” เธอพยายามอย่างหนักที่จะย้ายของทุกอย่างออกไป แต่ตอนนี้กลับมาตกอยู่ในอ้อมแขนของเขาซะงั้น
ท่าทางแบบนี้หมายความว่ายังไง?
ทำไมเขาถึงไม่พูดอะไรเลย?
สองมือเล็ก ๆ ตอนนี้กำลังเกาะเสื้อของเขาอยู่ ก่อนจะค่อย ๆ ขยับขึ้นอย่างช้า ๆ “ฉี…….”
“อย่าพูด!”
ทันใดนั้นตัวเธอก็เอนตัวล้มลงไปบนโซฟา ที่ด้านหลังมีแผ่นมันฝรั่งเล็ก ๆ ติดอยู่ ชายตัวสูงตอนนี้กำลังคลุมทั่วทั้งตัว
ทำไมเธอถึงเปลี่ยนเสื้อตอนกลับบ้านนะ?
“ผู้จัดการ….ฉี อย่านะ!” เธอเริ่มโกรธ!
เวลานี้เขากำลังเริ่มที่จะเตลิดมากขึ้นเรื่อย ๆ
ลมหายใจร้อน ๆ ของเขาตอนนี้แนบชิดอยู่ข้าง ๆ หูของเธอ ก่อนที่เสียงนุ่มลึกจะค่อย ๆดังเข้ามาในหู “แต่เธอคิด…..อยาก”
เธอไม่ตั้งใจให้เป็นแบบนี้ กลับกลายเป็นยั่วยุเขาเสียอย่างนั้น
“ฉันคิดต่อต้านอยู่แล้ว” เธอจ้องมองไปที่เขาด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง แต่เธอก็ไม่อาจควบคุมส่วนอื่น ๆ ในร่างกายได้เลย
“เซี๋ยวเซี๋ยว…..”
เสียงที่นุ่มลึกเอ่ยเบา ๆ ราวกับเป็นเวทมนตร์ที่ล่อลวง มันเริ่มทำให้ตัวเธอนั้นเกิดอารมณ์ที่ไม่สามารถอธิบายมาเป็นคำพูดได้ “อืม…….”
เสียงนั้นเธอไม่มีทางปล่อยออกมาแน่ ไม่มีทาง ไม่ใช่แน่ ๆ
สุดท้ายหลังจากนั้นพวกเขาก็เข้านอนด้วยกัน
หลินจือเซี๋ยวอยากจะร้องไห้ออกมาแต่ก็ไร้ซึ่งน้ำตา ก่อนจะยกมือขึ้นมาอย่างเกียจคร้าน พร้อมกับพลิกตัวไปหนึ่งทีและขยับเข้าใกล้อ้อมแขนของเขา
นี่เขาขึ้นมาทางระเบียง ประตูห้องก็ไม่ได้เปิดเอาไว้!
แล้วกระเป๋าเดินทางที่อยู่ข้างนอกจะยังอยู่หรือเปล่า?
หรือว่าหายไปอีกแล้ว?
“ฉีเซิ่งเทียน! กระเป๋าเดินทางคุณอยู่ข้างนอกหรือเปล่า? เอากระเป๋าเดินทางออกไปเร็วเข้า!”
เธอโซซัดโซเซอยู่นาน ตอนนี้ไม่คิดอยากจะลุกขึ้นเลยสักนิดเดียว
แต่ท้องของเธอนั้นหิว อีกทั้งเมื่อคืนก็ยังไม่ทันได้กินข้าวเย็น แถมเวลานี้ข้างนอกก็มืดมากแล้วด้วย
“เมื่อครู่เพิ่งจูบเธอไป ตอนนี้ก็ไล่กันแล้วเหรอ?” ทำไมเธอถึงได้ไร้ความรู้สึกขนาดนี้กัน!
อีกอย่างเมื่อครู่ตอนที่พูดก็เห็นว่าทั่วทั้งตัวของเขาเต็มไปด้วยรอยจูบ แต่เธอจำได้ว่าตัวเองไม่ได้จูบอะไรที่ตัวเขาเลย ทำไมถึงมีรอยจูบขึ้นมาได้?
หรือว่าเธอจำไม่ได้กันแน่?
“พอสักทีเถอะ พวกเราไม่มีหนี้อะไรต่อกันแล้ว คุณไปได้แล้ว” หวังว่ากระเป๋าเดินทางของเขาจะยังอยู่ที่เดิมนะ!
“ฉันเป็นหนี้เธอ แล้วชั่วชีวิตนี้จะไม่ให้ชดใช้ได้ยังไง เพราะงั้นฉันจะอยู่ที่นี่เพื่อชดใช้หนี้ให้เอง” เขามองเธอที่ตอนนี้เต็มไปด้วยรอยประทับที่เขาทิ้งเอาไว้ ยิ่งมองยิ่งรู้สึกดี
“นายไม่ได้เป็นหนี้ฉัน! ฉันมีแต่จะเกลียดนาย รังเกียจ!” เธอพยายามขยับถอยห่าง
คงจะมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาบ้างก่อนจะเปลี่ยนสถานการณ์ไป ตอนนั้นความทุกข์ที่อยู่ในใจของเธอมีเปี่ยมล้น แต่ผลลัพธ์ตอนนี้กลับกลายเป็นอะไรกัน?
เดิมทีพวกเขาไม่ควรจะเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นด้วยซ้ำ ทุกอย่างเป็นเพราะเขาโกหกเธอ!
“ปัญหานี้ค่อนข้างร้ายแรง เธอเกลียดฉัน เพราะงั้นฉันต้องทำให้เธอมีความสุข เซี๋ยวเซี๋ยว มายิ้มให้ทีสิ” มือของเขาจับไปที่คางของเธอ ก่อนจะดึงแก้มของเธอให้ปรากฏรอยยิ้ม “ยิ้มแบบนี้…..”
“ผู้จัดการฉี คงไม่ใช่ว่าผู้หญิงทุกคนที่ถูกคุณกินแล้วจะเป็นแบบนี้หรอกนะ” เธอยิ้มไม่ออกเลยสักนิด
เธอไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือยิ้มออกมาหรือเปล่า
เพราะตอนนี้บรรยากาศรอบ ๆ ตัวเขาก็พลันหนักอึ้ง ไม่รู้ทำไมถึงได้รู้สึกแบบนี้ขึ้นมา!
“ฉันหิวแล้ว คุณอยู่นี่ก็เอาแต่กลั่นแกล้งฉัน ไม่สู้พวกเราไปกินข้าวข้างนอกด้วยกันเหรอ ถ้าเป็นแบบนั้นฉันจะมีความสุขมากเลยนะ” เธอยิ้มเล็กน้อย
“เรื่องของคุณ ฉันไม่สนหรอก คุณอยากจะอยู่ก็อยู่ แต่ฉันจะไปกินข้าว” ตอนนี้เธอไม่คิดอยากจะทำกับข้าวเลย คิดอยากจะออกไปกินข้าวข้างนอกมากกว่า
เมื่อทั้งสองคนสวมเสื้อผ้าก็เดินออกไปที่ข้างนอก เมื่อเปิดประตูออกไปของที่วางไว้หน้าห้องก็ว่างเปล่า เหลือเพียงแต่รถของทั้งสองคน
“เซี๋ยวเซี๋ยว เขตชุมชนของเธอความปลอดภัยไม่ค่อยดีเลยนะ” เสื้อผ้าที่เซี๋ยวเซี๋ยวซื้อมาให้เขาตอนนี้มันหายไปแล้ว
“ไม่รู้แหละ คนซื้อมาให้ ใครใช้ให้คุณปีนเข้ามา ผู้จัดการฉี คุณมีเงินเยอะก็ซื้อด้วยตัวเองก็แล้วกัน” เธอเดินไปขึ้นรถทันที
ฉีเซิ่งเทียนเลยรีบวิ่งตามไปนั่งตรงตำแหน่งด้านข้างคนขับ ก่อนจะคาดเข็มขัดลงอย่างรวดเร็ว
“ไม่คิดอยากจะขับรถบ้างเลยหรือไง?” เธอแทบหมดอาลัยตายอยาก ผู้ชายคนนี้ไม่รู้ตัวเองเลยหรือไงว่าตัวเองเป็นผู้ชาย
“ฉันเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน” เขาปลดที่คาดเข็มขัดออก ก่อนจะมองไปที่เธอและพยายามจะย้ายไปยังตำแหน่งคนขับแทน
หลินจือเซี๋ยวเมื่อเห็นเขาทำท่าแบบนั้นก็รีบลงจากรถทันที
เมื่อลงจากรถไปแล้วก็รีบเดินไปนั่งที่ด้านหลัง เพราะถ้าหากนั่งข้างเขาละก็ มีหวังถูกเขาฉวยโอกาสแน่ ๆ