อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 461 ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร?
ตอนที่ 461 ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร?
ถ้าหากเป็นถังซือเถียน แล้วผู้ชายคนนั้นเป็นใคร?
คืนนั้นเธอจำอะไรไม่ได้เลย…….
จิ่งเป่ยเฉินเองก็ไม่น่าจะพูดอะไร อีกทั้งจิตใจของเธอก็ไม่สู้ดี ไม่ว่าจะเป็นยังไง แต่ลูกก็ไม่อยู่กับเธอแล้ว
เธอโกรธ แต่ความโกรธนี้จะทำอะไรได้
ถังซือเถียนเป็นน้องสาวของถังซั่ว ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ค่อนข้างดี อีกอย่างก็ไม่ควรจะทำอะไรกับเธอทั้งนั้น
แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้น ภายในใจเธอก็รู้สึกอึดอัด หลายวันที่ผ่านมาล้วนเจอแต่เรื่องดี ๆ เธอเองก็ไม่คิดอยากจะให้หยางหยางกับหน่วนหน่วนเป็นห่วง
แต่เพียงแค่คืนนั้น……กลับทำให้เธอเกือบจะมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนอื่น และเมื่อเขาเห็นแบบนั้นคงรู้สึกอึดอัดน่าดู
ทำไมต่อหน้าเธอแบบนั้น เขาถึงไม่ยอมพูดกัน!
เธอพยายามเก็บอารมณ์ความรู้สึก ก่อนจะยิ้มออกไป “ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว นายไม่ไปบริษัทเหรอ จือเซี๋ยวชอบบ่นกับฉันจะตาย พวกเขาแทบไม่มีเวลาออกเดตกันเลยนะ”
จิ่งเป่ยเฉินเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “พวกเขาก็เจอหน้ากันที่บริษัททุกวัน จะเดตเพื่ออะไร?”
“งานกับเรื่องส่วนตัวมันไม่เหมือนกัน ถ้าหากฉีเซิ่งเทียนรู้ว่านายพูดแบบนี้คงเกลียดนายจนตายพอดี”
ฉีเซิ่งเทียนกว่าจะคบกับหลินจือเซี๋ยวได้ไม่ง่ายเลย แต่ทว่าด้วยงานที่ยุ่งมาก เลยทำให้พวกเขาแทบไม่มีเวลาไปออกเดต
“ไม่มีทาง”
“ใช่ ๆ ไม่มีทางหรอก! แต่ถ้าหากนายเป็นแบบนี้ งานมันจะดีขึ้นไหม?” อันโหรวขยับเข้าไปซบหน้าอกของเขา แม้ว่าแสงอาทิตย์จะแรงแค่ไหน แต่เมื่อได้ออกมาข้างนอกก็รู้สึกดีขึ้นกว่าเดิ มเยอะ
ไม่ช้ามือใหญ่ ๆ ก็โอบเอวของเธอ “อยู่กับเธอที่บ้านน่าจะดีกว่า”
มีนิสัยเอาแต่ใจจริง ๆ
เมื่อพิงที่หน้าอกของเขาก็รู้สึกได้ถึงการเต้นของหัวใจของเขา ก่อนจะค่อย ๆ รู้สึกโล่งอกขึ้นมา
เธอจึงพูดเบา ๆ ไปว่า “งานแต่งยังมีเวลาเจ็ดวัน พอถึงตอนนั้นร่างกายของฉันน่าจะดีขึ้น”
“ไม่ต้องรีบหรอก เธอพักผ่อนเยอะ ๆ เถอะ” ได้ยินมาว่าอย่างน้อยก็ต้องพักผ่อนหนึ่งเดือน เจ็ดวันก็จะเข้าครึ่งเดือนแล้วด้วย
“นายไม่รีบ แต่ฉันรีบนี่!” เธอยิ้มออกมา ก่อนจะเอามือไปจับที่หลังมือของเขา “เป็นสามีที่ดีแบบนี้ ถ้าไม่จับแต่งงาน ถูกคนอื่นแย่งไปจะทำยังไง?”
“หือ……ฉันบอกตอนไหนกันว่าจะให้คนอื่นเข้าร่วมด้วย?”
แต่เธออยากแต่งงานกับเขาจริง ๆ เหรอ?
“พูดผิดนะ……….” เธอขยับมือของเขาเล็กน้อย “ถ้าฉันคิดอยากไปเดินเล่น เดินในบ้านกับเดินข้างนอกต่างกันหรือเปล่า?”
“อืม”
อันโหรวจับมือเขาเดินไปรอบ ๆ สวนขนาดใหญ่ มีหน่วนหน่วนกับหยางหยางอยู่ข้าง ๆ แบบนี้ก็รู้สึกสบายใจดี วันนี้ดูเหมือนจะไม่มีเรื่องอะไรที่ไม่ดี
เธอเผลอเอามือซ้ายไปแตะที่ท้องน้อยโดยไม่รู้ตัว ถ้าหากว่าลูกน้อยของเธอยังอยู่ก็คงดี
เธอก้าวเดินแต่ละก้าวอย่างช้า ๆ ทางด้านเขาเองก็เดินช้า ๆ เคียงข้างเธอไป รู้สึกเหมือนจะคอยช่วยเธออยู่ตลอด
เธอขยับปากเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถามไปว่า “นายเกลียดฉันหรือเปล่าที่ตอนแรกไม่ยอมบอกนายว่าเขาเป็นลูกของนาย? ถ้านายจะโกรธก็สมควรแล้ว!”
“โหรวโหรว ถ้าหากลูกยังอยู่ รอแต่งงานแล้วค่อยบอกฉัน นั่นก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเซอร์ไพรส์มากนะ แต่ตอนนี้………ไม่โกรธหรอก” เขาจะโกรธเธอทำไม ถ้าจะโกรธก็ควรโกรธตัวเอง
ทำไมเขาถึงไม่อยู่ข้าง ๆ เธอ ไม่คอยดูแลเธอ
อันโหรวเหลือบสายตามองไปที่เขาก็เห็นท่าทางของเขา ไม่โกรธก็น่าแปลกเกินไปแล้ว!
ถ้าหากเปลี่ยนเป็นเธอละก็ ป่านนี้คงโกรธไปแล้ว
ทันใดนั้นเธอก็หยุดเดินและหันหน้าไปมองเขา “โกรธเถอะนะ!”
จิ่งเป่ยเฉินก้มศีรษะลงและมองไปทางเธอ ก่อนจะเผยรอยยิ้มบาง ๆ “ทำให้ฉันโกรธ แล้วจะง้อฉันยังไง?”
“ถ้าอย่างนั้นก็ช่างเถอะ! นายอดทนเก่งกว่าฉันอีก” อันโหรวปล่อยมือของเขาออก ก่อนจะเดินเร็ว ๆ ไปที่ด้านหน้า
บิ๊กบอสมองแผ่นหลังของเธอ มุมปากของเขาค่อย ๆ หุบลง ก่อนจะเดินไปที่ด้านหลังของเธอทันที
ไม่ใช่ว่าเขานั้นไม่โกรธ แต่เขาโกรธต่อหน้าเธอไม่ได้ เขาไม่อยากเอาอารมณ์ไม่ดีมาลงกับเธอเลยสักนิด เพราะมันอาจจะส่งผลกระทบต่อตัวเธอ
……
วันรุ่งขึ้นเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ หลินจือเซี๋ยวได้มาหาเธอ ส่วนบิ๊กบอสก็ออกไปกับฉีเซิ่งเทียนอย่างไม่เต็มใจ
ทั้งสองคนนั่งอยู่ในสวนด้วยกัน นั่งอยู่ใต้ร่มกันแดดสีฟ้า ที่ด้านข้างบนโต๊ะกลมมีน้ำผลไม้ที่คั้นสด ๆ วางอยู่
หลินจือเซี๋ยวหยิบแก้วน้ำผลไม้ขึ้นมา ก่อนจะมองไปทางอันโหรวที่สวมเสื้อโค้ตอยู่ข้าง ๆ ขนาดเธอยังสวมเสื้อผ้าแค่ตัวเดียว แต่โหรวโหรวกลับ………
เธอเลยพูดเบา ๆ ไปว่า “เธอร้อนบ้างไหม?”
“ไม่เท่าไร”
“ร่างกายคือสิ่งสำคัญ สวมเสื้อผ้าตามใจชอบก็ถือเป็นเรื่องดีแหละ” หลินจือเซี๋ยวเห็นรอยยิ้มบาง ๆ ที่เผยออกมาจากใบหน้าเล็ก ๆ พลันคิดถึงค่ำคืนนั้นที่ห้องผ่าตัด หัวใจของเธอก็พล ลอยรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาแทนเพื่อน
เธอคิดไม่ออกจริง ๆ ถ้าหากว่าวันใดที่เป็นแม่คนขึ้นมาจะเป็นยังไง ตัวโหรวโหรวเองก็ชื่นชอบเด็กมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว ตอนนี้ไม่มีลูกอยู่ ในใจของเธอจะเจ็บปวดขนาดไหนกัน?
“ฉันเองก็คิดอยากใส่ให้น้อยชิ้นอยู่หรอกนะ แต่เขาเห็นแล้วจะโกรธเอา” ไม่รู้เลยว่าหมอคนไหนบอกกับจิ่งเป่ยเฉิน แต่การที่ร่างกายของเธออ่อนแอแบบนี้ ทำให้ไม่ได้รู้สึกถึงความ มร้อนมากเท่าไรนัก
ถ้าหากใส่เพียงแค่ชิ้นเดียวก็ยังพอไหวอยู่
“บิ๊กบอสเองก็เจ็บปวดมากเลยสินะ” หลินจือเซี๋ยวพยักหน้าเบา ๆ ในคืนนั้นที่ด้านนอกห้องผ่าตัด เธอได้เห็นอีกมุมของเขา
คนที่เย็นชาขนาดนั้นกลับยืนอยู่หน้าห้องผ่าตัดตลอดเวลา และก็ลงไม้ลงมือกับถังซั่วอย่างรุนแรง พวกเขาต่างเป็นพี่น้องที่ดีต่อกันมาโดยตลอด แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว
อันโหรวหยิบน้ำมะนาวขึ้นมาดื่ม ลูกน้อยไม่อยู่แล้ว แต่รสชาติของมันก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย เธอรู้สึกอยากจะดื่มอะไรเปรี้ยว ๆ มากระตุ้นตัวเอง
“หลังจากนี้บิ๊กบอสกับประธานถังคงไม่สามารถเป็นพี่น้องกันได้อีกแล้วสินะ!” เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น พี่น้องที่รักกันดีต่างก็จะมาฆ่ากันเอง คิดไม่ถึงเลยว่าทุกอย่างจะกลายเป็นแบบนี้!
อันโหรวมองหน้าเธอด้วยความสงสัย จิ่งเป่ยเฉินกับถังซั่วงั้นเหรอ?
ถ้างั้นผู้ชายคนนั้นก็คือ…..
“คืนนั้น…..ถังซั่ว?” หลายวันที่ผ่านมาเธอไม่ได้ถามจิ่งเป่ยเฉินเลยสักนิด เพราะรู้ว่าเขาไม่มีทางพูดออกมาแน่ ๆ
“โหรวโหรว เธอไม่รู้เหรอ! ลืมหมดแล้วสินะ ตอนนั้นเธอถูกวางยา!” หลินจือเซี๋ยวมองเธออย่างรู้สึกผิด ไม่กล้าจะพูดเรื่องแบบนี้ต่อหน้าเธอเท่าไร!
เพล้ง!
แก้วในมือของอันโหรวหล่นลงสู่พื้น เธอมองดูเศษแก้วบนพื้น แม้จะรู้ดีว่าถังซือเถียนเป็นคนทำแบบนั้น ถ้าหากอยากให้จิ่งเป่ยเฉินคิดว่าตัวเธอนอกใจ เพราะงั้นเลยหาใครสักคนมาอ อยู่ด้วยก็พอ
ด้วยเหตุนี้เธอเลยคิดไม่ถึงว่าจะเป็นถังซั่ว
ในคืนนั้นที่แท้คนคนนั้นก็เป็นถังซั่วนี่เอง!
พวกเขา……คงไม่ได้เกิดอะไรขึ้นใช่ไหม? หลังจากนั้นพวกเขาคงไม่มีทางพบเจอกันอีกแน่!!
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เธอเองก็จำไม่ค่อยได้ แต่ก็รู้สึกเหมือนพวกเขาจูบกันและค่อย ๆ ถอดเสื้อผ้าออก…..
“โหรวโหรว!” หลินจือเซี๋ยวลุกขึ้นทันที มองดูคราบน้ำที่หกบนตัวเธอ ก่อนจะดึงเธอให้ลุกขึ้น
โหรวโหรวเริ่มมีปฏิกิริยาแปลก ๆ หรือว่าก่อนหน้านั้นเธอจะไม่รู้ว่าเป็นถังซั่ว?
“ฉันไม่เป็นไร” โหรวโหรวยิ้ม ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านพร้อมจือเซี๋ยว
เธอรู้สึกตกใจมากจริง ๆ ในสายตาของเธอแล้ว ถังซั่วถือว่าเป็นสุภาพบุรุษคนหนึ่ง แต่กลับทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไงกัน
ในคืนนั้นเธอจำได้ว่ามีกลิ่นไวน์แรงมาก แต่คิดไม่ถึงเลยว่าถังซั่วจะดื่มไวน์ไปเยอะขนาดนั้น
ก็เลยไม่ได้คิดว่าจะเป็นถังซั่ว!
ไม่แปลกใจเลยที่หลายวันที่ผ่านมา จิ่งเป่ยเฉินไม่ได้พูดถึงเขาเลย
“ไม่ได้ว่าอะไรนะ แต่อันที่จริงฉันก็แปลกใจเหมือนกัน บิ๊กบอสเองก็คงคิดไม่ถึง” หลินจือเซี๋ยวมองเธอด้วยสายตาเป็นกังวล เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นคงจะอึดอัดน่าดู
อีกอย่างพวกเขาที่เป็นพี่น้องกันแบบนี้ เมื่อเกิดเรื่องที่อึดอัดใจก็คงไม่อาจหยุดได้แน่ ๆ
บิ๊กบอสโกรธมากขนาดนั้น
อีกทั้งคืนนั้นเขาไม่ได้แสดงความเมตตาต่อถังซั่วเลยสักนิด
เลือดไหลออกมาท่วมซะขนาดนั้น
ภายในใจจิ่งเป่ยเฉินคงรู้สึกเศร้ามากแน่ ๆ แล้วทำไมเธอถึงไปหยอกล้อเขาแบบนั้น? ทำไมเขาไม่โกรธ? เขาต้องโกรธมากและเก็บมันไว้ในใจแน่ ๆ และคงไม่แสดงออกมาให้เธอเห็นอย่างแน่นอน
“โหรวโหรว ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะ”