อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 51+52
ตอนที่ 51 คุณหลอกผมไม่ได้หรอก
“คุณผู้ชาย ได้โปรดอย่าบังคับให้คนอื่นลำบากเถอะ!” อันโหรวตอบกลับโดยไม่ถ่อมตัว แต่หัวใจของเธอนั้นเต้นรุนแรงมากขึ้น
เมื่อพูดถึงจุดนี้มันทำให้จิ่งเป่ยเฉินรู้สึกสนใจขึ้นมากนัก เขาเหลือบตามองไปยังเจ้าของสวนสนุกด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยเย็นชาซึ่งมันส่อแววในๆเข้าไป
เจ้าของแน่นอนว่าเป็นคนฉลาด เขารู้ทุกอย่างด้วยสายตา เดินไปข้างหน้าและแสดงอำนาจอย่างเป็นทางการ : “ในเมื่อคุณเป็นพนักงานของสวนสนุก คุณก็ควรปฏิบัติตามกฎของเจ้าหน้าที่ระดับสูง เพราะงั้นแล้ว ถอดมันซะ!”
อันโหรวรู้นิสัยของจิ่งเป่ยเฉินดี และจะไม่มีวันหยุดจนกว่าจะได้บรรลุเป้าหมายของเขาที่ตั้งไว้
“ได้ ฉันจะถอดออก”
เมื่อพูดจบ เธอก็ค่อยๆถอดเสื้อผ้าตัวตลกออกอย่างช้าๆ เมื่อถอดออกมาก็เห็นใบหน้าที่ซีดเซียวตั้งแต่ครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นในโรงแรมไค่ฮั่ว อันโหรวได้ใช้วิธีเปลี่ยนเครื่องสำอางยกชุดใหม่เกือบหมด มันเป็นเครื่องสำอางที่กันน้ำ แม้ว่าจะสวมชุดมาสคอตตัวตลก ใบหน้าก็มีเหงื่อผุดๆ แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้เครื่องสำอางนั้นหลุดออกมาอีกเลย
“อันอีหาน ไม่สิ เธอคืออันโหรว!” จิ่งเป่ยเฉินแสดงสีหน้าและแววตาที่เปลี่ยนไป เมื่อคิดสิ่งที่เขาพบเจอในการตรวจสอบจากประเทศอังกฤษ ร่างกายของเขานั้นก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรง ก่อนจะดึงข้อมือของเธอไว้ด้วยการใช้แรงมากขึ้นมากขึ้น
“ประธานจิ่ง ฉันคืออันอีหาน ไม่ใช่อันโหรวค่ะ” เธอรู้สึกเจ็บปวด และขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะกลับไปใช้เสียงที่แหบแห้งเหมือนเช่นเคย
“เธอโกหกฉัน! เธอคิดจะซ่อนตัวอีกถึงเมื่อไหร่กัน?” จิ่งเป่ยเฉินกัดฟันด้วยความโศกเศร้า เพราะในแต่ละวัน แต่ละวันเขาแทบจะหายใจไม่ออกมันอึดอัดเสียยิ่งกว่าอะไร
มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ ว่าตลอดเวลาห้าปีที่ผ่านมา เขานั้นผ่านอะไรมาบ้าง!
มือใหญ่ๆของชายคนนั้นกำลังจับข้อมือของอันโหรว มันช่างคล้ายกับเหยี่ยวที่จ้องมองตัวเธอเลย ก่อนจะเอ่ยถามไปสั้น ๆว่า “เด็กสองคนนั้นเป็นลูกของฉันใช่ไหม?”
หัวใจของอันโหรวพลางหดตัวอย่างรุนแรง เธอรู้สึกตกใจกับคำพูดของเขา จนเหงื่อเย็นๆกลับไหลออกมา
นี่เขารู้…..รู้แล้วยังงั้นเหรอ?
หัวใจของเธอตอนนี้เต้นไม่คงที่ เธอเม้มริมฝีปากที่เย้ยหยันออกมา ดวงตากลับเปลี่ยนไปด้วยท่าทีที่เยาะเย้ย “ประธานจิ่ง ถ้าหากคุณชอบเด็กจริงๆ ก็สามารถหาผู้หญิงสักสิบแปดกว่าคน ให้พวกเขากำเนิดลูกให้คุณก็ได้ ทำไมต้องเป็นฉันคนนี้ด้วย? จะว่าไป ก็รู้สึกค่อนข้างแปลกนะ ด้วยฐานะของคุณกับเรื่องพวกนี้ คุณคิดว่าตัวคุณเองไม่รู้สึกอายบ้างเลยเหรอ”
ความรู้สึกที่คุ้นเคยพลันซ่อนอยู่ส่วนลึกของไขกระดูกยิ่งชัดมากขึ้นกว่าเก่า แน่นอนมันทำให้มือของเขาสั่นออกมาเล็กน้อย
“อา อาศัยเพียงคำพูดที่เหมือนฟันแหลมคนพวกนั้นมาโกหกฉันไม่ได้อีกแล้วล่ะ โหรวโหรว เธออย่ามาโกหกฉันเสียให้ยาก!”
จิ่งเป่ยเฉินเค้นเสียงหัวเราะที่เย็นชาออกมา ก่อนจะเอามือของเขาล้วงเข้าไปที่กระเป๋าเสื้อในอก เขาหยิบกระดาษที่พับเป็นสี่เหลี่ยมเอาไว้ และค่อยๆคลี่มันออกต่อหน้าของอันโหรว
“นี่คือกระดาษรับรองศัลยกรรมแพทย์ ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้ทุกสิ่ง ”
กระดาษใบนี้เป็นกระดาษที่หญิงตั้งครรภ์ต้องรับผิดชอบ เมื่อเธอคลอดลูกออกมา ซึ่งลงชื่อเอาไว้ในด้านล่างของกระดาษที่มีชื่อว่า : อันโหรว
“ซึ่งนี่ก็สามารถพิสูจน์ได้ว่าเธอให้กำเนิดลูก แต่มันจะเกี่ยวข้องกับฉันยังไงไม่ทราบ” อันโหรวกำนิ้วของเธอแน่นไปไว้ที่ด้านหลัง ใบหน้าพลันเสแสร้งเป็นสงบ ก่อนจะบังคับให้ตัวเองใจเย็นลงมากกว่านี้
“นี่เธอยังไม่ยอมรับมันอีกเหรอ?” จิ่งเป่ยเฉินตึงเครียดขึ้นมา ดวงตาสีดำของเขานั้นกลับปล่อยความเย็นเฉียบ และเอ่ยด้วยท่าทีที่เศร้าหมอง “ฉีเซิ่งเทียนตรวจสอบดูแล้ว อันโหรวนั้นทำงานอยู่ที่ TE Group ประเทศอังกฤษ เธออย่าบอกนะว่านี่จะเป็นเรื่องบังเอิญอีก!”
อันโหรวยื่นมือออกมาและแกะนิ้วมือที่จับข้อมือของเธอไว้ ก่อนจะขมวดคิ้วออกเล็กน้อย ดวงตาของเธอเผยความเย็นชาขึ้น “ประธานจิ่ง ถ้าหากคุณยังตรวจสอบฉันอยู่แบบนี้ ฉันจะขอลาออกทันทีค่ะ”
“คุณยังไม่ยอมรับมันอีกใช่ไหม?” ชายคนนั้นเริ่มร้อนรน ดวงตาแฝงไปด้วยความโกรธ
“ฉันไม่มีอะไรยอมรับค่ะ”
“ได้ ฉันก็จะไม่บังคับเธอ” จิ่งเป่ยเฉินจ้องมองไปที่อันโหรว ดวงตาเหลือบมองไปยังชุดตัวตลกที่อยู่ในมือของเธอ และเอ่ยถามอย่างเย็นชาไปว่า “แล้วทำไมเธอถึงได้ใส่ชุดแบบนี้ ทั้งยังเปลี่ยนน้ำเสียงอีก คิดอยากเล่นสนุกมาเลยยังงั้นเหรอ?”
“ประธานจิ่ง ฉันเป็นแค่ลูกน้องของคุณ ไม่จำเป็นต้องรายงานทุกๆอย่างให้แก่คุณถูกไหม?”
อันโหรวเมื่อพูดจบ ก็ไม่สนใจสีหน้าของจิ่งเป่ยเฉินอีกเลย ก่อนที่เธอจะข้ามเขาออกไปอยู่ที่หน้าประตู
เจ้าของสวนสนุกพลันตกใจจนเม็ดเหงื่อเย็นๆไหลออกมา จิ่งเป่ยเฉินถูกผู้หญิงที่ขี้เหร่คนนี้เมินเฉยเลยเหรอ เช่นนี้เขาจะใช้ชีวิตถึงวันพรุ่งนี้ได้อีกไหมนะ
“ประธานจิ่ง ถ้าหากคุณต้องการขอให้ใครสักคนกลับมาละก็….” เจ้าของสวนสนุกกำลังคิดจะเอ่ยประโยคสักสองสามประโยคเพื่อปลอบประโลมและประจบสอพลอ แต่พลันตกใจเมื่อแววตาของจิ่งเป่ยเฉินนั้นเย็นยะเยือกคล้ายดั่งมีดคม
ดูท่าผู้หญิงของเขา เขาก็ต้องทวงมันกลับมาด้วยตัวเองแล้ว
……
ตอนที่ 52 ให้คุณเอ่ยยอมแพ้มาจากใจ
ที่ประตูทางออกสวนสนุก หลินจือเซี๋ยวพาเด็กๆทั้งสองกลับบ้านไปก่อนหน้านั้นแล้ว
หัวใจของอันโหรวพลันผ่อนคลายลง และยืนอยู่ข้างถนนก่อนจะเตรียมรถแท็กซี่ให้มารับ แต่ไม่นานที่ด้านหลังก็มีรถสุดหรูขับมาด้านหน้า ก่อนจะหยุดอยู่ข้างๆตัวเธอ
เมื่อกระจกรถถูกลดลง จิ่งเป่ยเฉินที่สวมแว่นกันแดดสีดำ ใบหน้าหล่อเหลาก็พลันเปลี่ยนเป็นเย็นชาเล็กน้อยและเอ่ยออกมาว่า “ขึ้นรถ”
อันโหรวเหลือบมองเขาก่อนจะเอ่ยอย่างแผ่วเบาไปว่า “ฉันจะนั่งรถแท็กซี่ค่ะ ไม่รบกวนท่านประธานจิ่งหรอก”
“เธอ……” จิ่งเป่ยเฉินอดไม่ได้ที่จะกำหมัดแน่นที่พวงมาลัย เผยให้เห็นเส้นเลือดที่ปูดขึ้นมา แต่เขาก็ไม่สามารถเอาอารมณ์พวกนี้ไประบายใส่อันโหรวได้
“ประธานจิ่ง เดินทางปลอดภัยค่ะ” อันโหรวเอ่ยยิ้มออกมา และโค้งให้เล็กน้อย เพียงคำพูดนี้ก็น่าจะชัดเจนพอตัว
เมื่อความโกรธเกรี้ยวผ่านไป จิ่งเป่ยเฉินก็ค่อยๆสงบสติอารมณ์ของตัวเอง ก่อนจะเลียริมฝีปากอย่างชั่วร้าย และเคาะไปที่พวงมาลัยด้วยนิ้วของเขาแต่ละนิ้ว ราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง และเอ่ยออกไปว่า “โหรวโหรว ถ้าหากเธอจะเล่นเกมแบบนี้กับฉันละก็ ฉันจะเล่นกับเธอก็ได้ เพียงแต่สักวันหนึ่ง ฉันจะทำให้เธอต้องเอ่ยปากยอมแพ้อย่างแน่นอน”
เมื่อเอ่ยคำพูดไปแล้ว เขาก็กระแทกคันเร่งและขับรถเลยอันโหรวไป
……
เมื่อถึงบ้านของหลินจื่อเซี๋ยว
อันหยางเมื่อถึงบ้านกลับนั่งไม่ติด ได้แต่เดินซ้ายทีขวาที มือเล็กๆของเขากำโทรศัพท์ของอันโหรวแน่น ใบหน้าน้อยๆเต็มไปด้วยความกังวล
“หยางหยาง หนูน่าจะนั่งลงหน่อยนะ น้ารู้สึกมึนหัวแล้ว” หลินจือเซี๋ยวจับไปที่ขมับหัว มันดูเหนื่อยๆเมื่อยล้าพอสมควร
วันนี้มันเหนื่อยล้ามากพอ ราวกับไปสู้รบตบตีกับอะไรมา……
“น้าจื่อเซี๋ยว ผมออกไปตามหาแม่จ๋านะ” อันหยางทนไม่ไหว ดวงตาคู่น้อยของเขากลับมืดมนลง เขาหมุนตัวและเตรียมเดินไปตรงหน้าประตูเพื่อออกไป
“เฮ้อ หยางหยาง…..” หลินจื่อเซี๋ยวรีบเอ่ยเพื่อหยุดเขาไว้ เธอรีบลุกขึ้นจากโซฟาด้วยความรวดเร็ว
ประตูกลับถูกเปิดจากภายนอก อันโหรวผลักประตูเข้ามา ก่อนจะรีบหยุดร่างของลูกชายตัวเล็กของเธอ
“แม่จ๋า ในที่สุดแม่ก็กลับมาแล้ว!” อันหน่วนเมื่อเห็นอันโหรว ดวงตาของเธอก็เปลี่ยนเป็นลุกวาว และรีบกระโดดขาน้อยๆของเธอเข้ามาที่อ้อมแขนของอันโหรว “แม่จ๋า กอดกอด”
อันโหรวยิ้มและกอดลูกสาวของเธอ ก่อนจะเอามือของเธอมาบีบจมูกเล็กๆของลูกสาว “มาถึงก็กอดเลยนะ ยัยเด็กขี้เกียจน้อย”
เด็กสาวแลบลิ้นออกมาดังแบร่ๆ ก่อนเธอจะเอามือน้อยๆ ซุกไปอกของแม่เธอไว้แน่น ราวกับรู้สึกคะนึงหา
ดวงตาของอันหยางพลันเปลี่ยนเป็นสีแดง และจ้องมองเธอด้วยแววตาที่เย็นชา
อันโหรวคิดในใจว่า “อุ้ย” ก่อนจะนั่งยองๆและพยายามดึงอันหยางเข้ามากอด แต่เขาก็หลีกเลี่ยงมัน
“อันหยาง หนูเป็นอะไรน่ะ”
หลินจือเซียวรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ปกติแล้วนิสัยของอันหยาง มันแตกต่างกว่านี้มากนัก แต่นี่มันดูเย็นชาผิดปกติ เขาไม่ควรปฏิบัติเช่นนี้กับอันโหรว
“แม่จ๋า แม่บอกผมมาเลยนะคุณลุงกับแม่เกี่ยวข้องอะไรกันด้วย” อันหยางทำหน้าบึ้งตึง พร้อมกับกำหมัดน้อยๆของเขา
เขาไม่ได้โง่ อย่างน้อย เขาก็รู้ว่าแม่จ๋ามีอะไรผิดปกติไปอยู่บ้าง
อันโหรววางลูกสาวเธอบนพื้น ก่อนจะนั่งยองๆ และมองไปที่ลูกชายตัวน้อยของเธอและเอ่ยด้วยน้ำเสียงปลอบประโลม “คุณลุงกับแม่จ๋าเป็นเจ้านายกับลูกน้องค่ะ แม่จ๋าไม่ใช่ว่าเคยบอกกับหยางหยางไปก่อนแล้วเหรอค่ะ”
อันหยางไม่เชื่อแน่นอนในครั้งนี้ เขาส่ายหัวและพูดไป “แม่จ๋าโกหก เหตุผลมันต้องไม่ง่ายถึงเพียงนี้” เขาพูดจบ ก็พลันนึกถึงตอนที่อยู่สวนสนุก และเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดังมาก “แม่จ๋ากลัวคุณลุงคนนั้น ดูเหมือนแม่ไม่อยากให้เขามาเห็นผมด้วยซ้ำ”
“หยางหยาง ลูกพูดอะไรน่ะ คุณลุงคุณนั้นไม่ใช่คนที่จะมาให้ลูกเห็นหรอก เว้นเสียแต่…..” เมื่อพูดเสร็จอันโหรวเองก็ไม่รู้จะพูดว่าอะไรต่อดี
“เว้นเสียแต่อะไร?” อันหยางถามอย่างเฉยเมิน
หลินจือเซี๋ยวเริ่มรู้สึกเป็นกังวลมาก อันโหรวตัวแข็งทื่อ พร้อมกัดฟัน ในที่สุดก็เอ่ยตัดสินคำพูดไปว่า “เพราะคุณลุงนั้นนิสัยไม่ดี ไม่ชอบเด็กน่ะสิ แม่จ๋ากลัวว่าเขาเห็นหยางหยางและจะตีหนูได้ ดังนั้นแม่จ๋าเลยไม่อยากให้เขาพบหยางหยาง”
อันหน่วนเอียงศีรษะเล็กน้อย และเอ่ยตอบไปว่า “คุณลุงไม่ชอบตีเด็กเสียหน่อย คุณลุงยังทำตัวใจดีกับหน่วนหน่วนอีก ในห้องเขาก็มีชุดเจ้าหญิงสวยๆทั้งนั้นเลย”
“ไอหย่า แม่นางน้อยผู้นี้เธอพูดอะไรเนี่ย!” หลินจื่อเซี๋ยวรีบอุ้มอันหน่วนขึ้นและเอามือปิดปากเธอไว้ ไม่ให้เธอพูด ไม่งั้นหัวใจเพื่อนรักเธอแตกสลายแน่ๆ
อันโหรวรู้ดีว่าลูกชายของตนไม่ใช่พวกโง่เขลาคำตอบง่ายๆไม่มีทางหลอกเขาได้แน่ มันเลยทำให้เธอแทบปวดหัวสุดชีวิต ก่อนกำลังคิดจะพูดอะไรกับอันหยาง แต่อันหยางเองก็หยุดถามและวิ่งเข้าไปกอดอันโหรวทันที แขนเล็กๆของเขากอดไปที่คอของเธอ
“แม่จ๋า หยางหยางจะไม่ถามแล้วนะ” เด็กน้อยตัวเล็กท่าทางอ่อนโยนขึ้นมากะทันหัน และเสียงของเขาก็คงแฝงไปด้วยความนุ่มนวลของเด็ก “แม่จ๋า แม่ไม่ต้องปวดหัวนะ หยางหยางจะนวดให้”
อันโหรวรู้สึกสะเทือนใจพอควร เธอไม่รู้จะพูดอะไรกับลูกชายเธอจริง นอกจากความรู้สึกที่ตื้นตันว่าขอบคุณ