อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 6 ถ้าฉันเป็นผู้ชาย ฉันจะแต่งงานกับเธอ![รีไรท์]
ตอนที่ 6 ถ้าฉันเป็นผู้ชาย ฉันจะแต่งงานกับเธอ!
“เพียงแต่เธอพาลูก ๆ มาด้วยแบบนี้? ด้วยหน้าตาที่ซีดเซียวอย่างกับหญิงชราเนี่ยนะ”
อันหน่วนที่ได้ฟังแบบนั้นก็รีบเอ่ยปากพูดแก้ตัวให้ทันที “คุณแม่เป็นผู้หญิงที่สวยที่สุด ไม่ใช่หญิงชราเสียหน่อย แม่แค่จงใจแต่งตัวแบบนี้ไปงั้นแหละ ไม่งั้นละก็ คุณลุงคนอื่น ๆ คงได้ตามจีบแม่พอดี”
หลินจือเซี๋ยวได้ยินก็คลี่ยิ้มออกมาและเอ่ยว่า “แน่นอน แม่ของหนูต้องสวยอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้เธอสวยจนคนตกตะลึงเลย”
“จือเซี๋ยว รีบไปบ้านเธอก่อนเถอะ ฉันมีเรื่องอยากจะถามเธอ” ก่อนที่อันโหรวจะคลี่ยิ้มออกไป ทันใดนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมา
ไม่ว่าเธอจะพูดอะไร หลินจือเซี๋ยวเองก็รู้ทุกอย่างโดยทันที
เฮ้อ เรื่องราวตระกูลอัน ในปีนั้นมีอะไรหลาย ๆ อย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ใครจะรู้ว่าจะเป็นแบบนี้ไปได้?
ไม่รู้เลยว่าโหรวโหรวทำไมถึงรอดมาได้ ถ้าหากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ป่านนี้คงคิดอยากตายไปนานแล้ว
ผ่านถนนเส้นนี้ไปสามวงแหวนก็ถึงบ้านของหลินจือเซี๋ยว
อันโหรวกล่อมอันหน่วนนอนหลับไปแล้ว ส่วนอันหยางก็ตั้งใจศึกษาดูแผนที่ตรงพื้นที่หน้าระเบียงอย่างจริงจัง
หลินจือเซี๋ยวมองไปยังอันหยางหนึ่งครั้ง จากนั้นก็เดินตามอันโหรวไปยังห้องข้าง ๆ
“ลูกของเธออ่านแผนที่เข้าใจด้วยเหรอ? อายุแค่ห้าขวบเองเนี่ยนะ!”
“แค่ดูก็เข้าใจทุกอย่าง เขาเริ่มหัดดูตั้งแต่สามขวบแล้ว”
คำพูดของอันโหรวที่เอ่ยมานั้นทำให้หลินจือเซี๋ยวเกรี้ยวกราดอยู่ในใจว่า “บ้าเอ๊ย นี่มันเจ้าเด็กอัจฉริยะ!”
“จือเซี๋ยว ตระกูลอัน…”
เมื่อเห็นสีหน้าที่พูดอยู่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน หลินจือเซี๋ยวก็พลันรู้สึกเจ็บปวดหัวใจ จึงเอ่ยไปว่า “โหรวโหรว ผ่านไปตั้งห้าปีแล้ว ปล่อยวางมันเถอะนะ ตระกูลอันล้มละลายลงแล้ว ตอนนี้ตระกูลโอวหยางครอบครองกิจการต่าง ๆ ของตระกูลอันไว้หมดแล้ว”
หลินจือเซี๋ยวมองไปที่ดวงตาอันโศกเศร้าของเพื่อนสนิท ก็พลันรู้สึกอึดอัดใจมากขึ้น เธอหยุดพูดชั่วครู่ แต่ก็อดไม่ไหว
สิ่งที่เธอจะพูดต่อจากนี้อาจจะทำให้โหรวโหรวต้องเศร้าใจมากขึ้นกว่าเดิม
“โหรวโหรว พ่อของเธอเสียชีวิตในคุกเมื่อสองปีก่อนหน้านั้น ส่วนแม่ของเธอก็ไม่แน่ใจว่าไปอยู่ที่ไหน ในที่สุดกลุ่มโอวหยางก็แทรกแซงตระกูลอันได้ ควบคุมตระกูลอันไปแล้ว”
“อืม” อันโหรวส่งเสียงเบา ๆ มือของเธอกำหมัดแน่น ดวงตาสองข้างของเธอแข็งกร้าวขึ้นอย่างน่ากลัว ตัวของเธอตอนนี้เผยความเย็นชาออกมาในทันที
หลินจือเซี๋ยวเห็นบรรยากาศที่ดูน่ากลัวก็นึกถึงความหลังของโหรวโหรวที่เคยเป็นคนอ่อนโยนมาโดยตลอด แต่ตอนนี้เปลี่ยนไปจนแทบไม่คุ้นเคย
โหรวโหรวอาศัยอยู่ที่อังกฤษมาเป็นเวลากว่าห้าปี ในช่วงเวลานั้นเธอแทบไม่ได้ติดต่ออะไรกันมากมายนัก ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นทำให้เธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“โหรวโหรว หน่วนหน่วนบอกว่าเธอจงใจแต่งตัวเป็นคนแก่ชรา นี่เธอจงใจแต่งตัวให้ดูแก่อย่างนั้นเหรอ?” หลินจือเซี๋ยวเปลี่ยนเรื่องทันที เธอไม่คุ้นชินกับท่าทีของโหรวโหรวที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นคนเย็นชาขึ้นมา
อันโหรวดึงเชือกที่มัดผมออก เมื่อเส้นผมสีดำถูกปล่อยออกมามันก็ยาวจนถึงเอว แว่นตาขอบทองสมัยเก่าถูกถอดออก จากนั้นเธอก็หยิบขวดเล็ก ๆ ออกมาจากกระเป๋า พร้อมกับเช็ดอะไรบางอย่างไปที่ใบหน้าเพื่อลบเครื่องสำอางออก
ภายในเวลาไม่ถึงนาที อันโหรวก็กลับมาปกติ หลินจือเซี๋ยวถึงกับอ้าปากค้าง มันกว้างเสียจนสามารถเอาไข่เข้าไปวางในปากได้
“คนอื่นเขาเปลี่ยนตัวเองให้สวยขึ้น แต่เธอเรียนรู้วิธีแต่งหน้าเพื่อทำให้ตัวเองกลายเป็นคนอัปลักษณ์ขี้เหร่เนี่ยนะ!” หลินจือเซี๋ยวแทบอดกลั้นขำเอาไว้ไม่ได้ สิ่งที่เธอทำได้ก็แค่โทษโชคชะตาที่ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย
หลังจากผ่านไปห้าปี โหรวโหรวผู้นี้ก็ยังคงดูบริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนเช่นเคย ความสวยงามที่เปรียบดังสุริยันและจันทราลับขอบฟ้า หลายปีที่ผ่านมานี้เธอได้เพิ่มเสน่ห์ให้กับตัวเองมากขึ้น หากมีคนพบเห็นก็คงไม่อาจละสายตาได้
“โหรวโหรว ถ้าหากฉันเป็นผู้ชายละก็ ฉันจะต้องแต่งงานกับเธอแน่ ๆ” หลินจือเซี๋ยวพูดพลางกระโดดไปมา กระโปรงสีแดงก็กวัดแกว่งไปมาตามการเคลื่อนไหว
“เอาเถอะ แนะนำบริษัทที่ทำการค้าระหว่างประเทศให้ฉันทีสิ ฉันจะส่งประวัติตัวเองเข้าไปหน่อย” อันโหรวมองไปที่หลินจือเซี๋ยว ก่อนจะเปิดโน้ตบุ๊กขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
หลินจือเซี๋ยวหยุดการเคลื่อนไหวเพียงชั่วครู่และเอ่ยว่า “เฮ้อ น่าเสียดายนะที่เธอมีลูกซะแล้ว พูดมาเลยนะ หนุ่มหล่อต่างชาติคนที่แต่งงานกับเธอคือใครกันแน่?”