อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 7 : พ่อของเด็กคนนี้เป็นใครกัน [รีไรท์]
ตอนที่ 7 : พ่อของเด็กคนนี้เป็นใครกัน
“ฉันเลี้ยงลูกคนเดียวมาตลอดห้าปี”
“อะไรนะ ห้าปี! เธอตั้งท้องตอนอยู่ในประเทศจีน ก่อนที่ตระกูลอันจะเกิดเรื่องอย่างนั้นเหรอ? อย่าบอกฉันนะว่าเป็นโอวหยางลี่คนนั้น!” เมื่อพูดถึงจุดนี้ หลินจือเซี๋ยวแทบจะไม่เชื่อในสายตา มันเป็นไปไม่ได้ที่คนสารเลวคนนั้นจะให้กำเนิดลูกแบบนี้ อีกทั้งก็เห็นได้ชัดว่าหน่วนหน่วนนั้นเป็นลูกครึ่ง
“โหรวโหรว พ่อของเด็กเป็นใครกันแน่?”
ทันใดนั้นเองอันหยางก็เปิดประตูเข้ามา และค่อย ๆ เดินมาหาหลินจือเซี๋ยว “ไม่มีพ่อ มีแค่ผม หน่วนหน่วน แล้วก็แม่”
เพียงแค่ประโยคเดียว หลินจือเซี๋ยวก็พลันรู้สึกเศร้าใจยิ่งนัก เด็กเพียงห้าขวบ กลับพูดอะไรแบบนี้ออกมา
“หยางหยาง ไปข้างนอกก่อน แม่กับน้าจือเซี๋ยวมีเรื่องต้องคุยกัน” อันโหรวผลักอันหยางเบา ๆ ด้วยมือของเธอ
ระหว่างที่อันหยางกำลังจะเดินออกไปนั้น เขาก็ได้เหลือบมองไปที่จือเซี๋ยวและพูดขึ้น “คุณน้าจือเซี๋ยว อย่ารังแกแม่ของผมนะ”
หลินจือเซี๋ยวพยักหน้ารับ อันหยางเมื่อเห็นดังนั้นก็โล่งใจและเดินออกไปทันที
“ลูกของเธอเข้มแข็งมากเลยนะ ทำเอาฉันกลัวแทบตายเลย” หลินจือเซี๋ยวถอนหายใจหนึ่งเฮือก ก่อนจะเอามือทาบไปที่อกของตัวเอง
อันหยางเชยคางขึ้นมาด้วยความภาคภูมิใจ “เธอเป็นถึงเลขาของประธาน หวาดกลัวอะไรง่ายขนาดนี้เชียว หยางหยางเดินเข้ามาพูดด้วยไม่กี่คำเองนะ”
คำว่าเลขาของประธานช่วยเตือนสติแก่หลินจือเซี๋ยว “เธออยู่อังกฤษมาหลายปี วางแผนอะไรไว้บ้าง จริงอยู่ที่บริษัทของฉันกำลังหาคน ด้วยคุณสมบัติของเธอแล้วก็ไม่น่ามีปัญหาในการรับเข้าแน่ ๆ”
“ชื่อบริษัท ที่อยู่ อีเมล” อันโหรวพยักหน้า ก่อนจะคิดว่าข้อเสนอนี้ไม่เลวนัก
“บริษัทยักษ์ใหญ่ตระกูลจิ่ง เหนือกว่าพวกโอวหยางหลายร้อยเท่า! เรื่องพวกนี้ไม่อาจชักช้า เธอแค่ส่งอีเมลมาให้ฉันก็พอ พรุ่งนี้ฉันจะแนบไฟล์และส่งไปให้แผนกบุคคลโดยตรง”
ดวงตาของหลินจือเซี๋ยวเป็นประกาย เธอรู้ดีว่าอันโหรวนั้นจะสามารถเข้าบริษัทของตระกูลจิ่งได้แน่ ด้วยบุคลิกและฝีมือของท่านประธานที่มีสาวสวยรายล้อมเช่นนี้ เพียงไม่กี่คนต่างก็ต้องเสร็จเขาแน่ ๆ
แต่ทว่าเม้าส์ที่อันโหรวจับอยู่นั้นก็นิ่งไปทันที ตระกูลจิ่ง กลุ่มจิ่งเทียน จิ่งเป่ยเฉิน เขา…
“โหรวโหรว นี่เธอทำอะไรอยู่!” หลินจือเซี๋ยวเมื่อพูดจบก็คว้าเม้าส์ที่อยู่ในมือเธอ และรีบส่งประวัติเธอเข้าอีเมลของตนทันที
“เรียบร้อย! พรุ่งนี้ฉันจะไปที่บริษัทและแนะนำเธอกับฝ่ายบุคคลเอง”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ หลินจือเซี๋ยวก็ยิ้มออกมา ดวงตาที่เป็นประกายกลับเจิดจ้าขึ้น “ประธานของฉัน จิ่งเป่ยเฉิน ไม่กี่ปีมานี้ความนิยมพุ่งสูงมาก หลายบริษัทหลายสื่อต่างพากันแย่งชิงทำข่าวเกี่ยวกับเขาทั้งนั้นเลยนะ ไอ้หยา พรุ่งนี้เธอไปก็จะรู้เอง”
อันโหรวไม่ได้ตอบกลับ ความคิดนับพันล้วนอยู่ในสมอง จิ่งเป่ยเฉิน ศัตรูคู่อาฆาตของเธอ นี่มันจะบังเอิญเกินไปแล้ว…
อย่างไรก็ตาม ถ้าหากต้องการตรวจสอบเรื่องราวเกี่ยวกับตระกูลอัน ยังไงก็ต้องไปที่กลุ่มที่ใหญ่กว่าพวกโอวหยาง นี่อาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว
“จือเซี๋ยว ฉันจะส่งเรซูเม่ใหม่ให้เธอนะ” เมื่อพูดจบ อันโหรวก็ได้ทำการแก้ไขเรซูเม่ขึ้นมาใหม่ในทันที
“หือ? โหรวโหรว ทำไมเธอต้องเปลี่ยนชื่อด้วย?”
เธอได้เปลี่ยนชื่อเป็นอันอีหาน…
“ก็มีเหตุผลอยู่นิดหน่อย เอาเป็นว่าตามนั้นแหละ”
หลินจือเซี๋ยวรู้ดีว่าถามไปก็ไร้ประโยชน์จึงตอบไป “ได้! เธอเป็นคนแก่ ฉันต้องฟังเธอ”
…..
บริษัทจิ่ง
อันโหรวสวมใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้า เกล้าผมรวบขึ้น แต่ยังคงเป็นทรงมวยผมเหมือนผู้หญิงสมัยก่อน ใบหน้าสวมใส่แว่นตาขอบทองอีกครั้ง
ยังไม่ทันได้เข้าไป เธอก็ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยขวางไว้ทันที “คุณผู้หญิง คุณไม่ใช่พนักงานของบริษัทจิ่งนี่”
“ฉันมาที่นี่เพื่อสัมภาษณ์งาน” อันโหรวยิ้มและตอบกลับอย่างสุภาพ
“บริษัทจิ่งไม่น่าจะมีรสนิยมแบบนี้มั้ง คุณผู้หญิงกลับบ้านไปแต่งตัวให้ดี ๆ เถอะ”
“อะไรกัน นี่คุณกล้าถามรสนิยมของเลขาท่านประธานอย่างหลินจือเซี๋ยวไหม?” อันโหรวพูดข่มขู่ แต่ภายในใจกลับยิ้มเยาะ