อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 105 คุณพ่อขี้แยคนหนึ่ง
ตอนที่ 105 คุณพ่อขี้แยคนหนึ่ง
สองพ่อลูกกลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลตี้หลังรับประทานอาหารกลางวันที่บ้านชิงหลินแล้ว
คุณพ่อแก่ๆ ร้องไห้ไปด้วยขณะที่เขาขับรถ
มู่เถาเยาสีหน้าดูพูดอะไรไม่ออก
เธอไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไมเขาถึงร้องไห้! ไม่มีอะไรเกิดขึ้นสักหน่อย!
เสียงใสถามอย่างหมดแรงว่า “พ่อเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
“เสี่ยวเยาเยา วันนี้ลูกเรียกพ่อว่าพ่อหลายรอบแล้ว!”
“…”
ก่อนหน้านี้ที่เธอไม่ค่อยเรียกเขาว่าพ่อไม่ใช่เพราะอุปสรรคทางด้านอารมณ์หรืออะไร แต่เพราะคำว่า ‘พ่อ’ มันค่อนข้างแปลกหน้าสำหรับเธอ ไม่เหมือนกับคำเรียกว่า ‘ปู่ย่า’
ในหมู่บ้านเถาหยวนซาน เธอมักจะเรียกใครหลายคนในหมู่บ้านว่าปู่ย่า ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องง่ายมากสำหรับเธอที่จะเรียกผู้เฒ่าทั้งหลายอย่างชินปาก
“เสี่ยวเยาเยา พ่อมีความสุขมาก!”
“…พ่อมีความสุข แต่ก็ยังร้องไห้อย่างนั้นเหรอคะ”
“นี่คือน้ำตาแห่งความสุข”
“…”
“เสี่ยวเยาเยาชีวิตของลูกดีมากจริงๆ นะ แม้แต่ในเผ่าหมาป่าพระจันทร์ก็ยังไม่แน่ว่าจะดีขนาดนี้ แต่ก็ยังปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นเพราะความประมาทเลินเล่อของพ่อและแม่ เลยทำให้ลูกต้องใช้ชีวิตอย่างเด็กกำพร้ามาตลอดสิบแปดปีเต็ม ใช้ชีวิตที่แตกต่างไปจากคนทั่วไปอย่างสิ้นเชิง ลูก…”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ไม่ว่าจะเติบโตมากับใครหรือใช้ชีวิตแบบไหน สวรรค์ได้กำหนดเอาไว้หมดแล้ว” ถ้าไม่ใช่เพราะเผ่าหมาป่าพระจันทร์ทำลูกสาวตัวน้อยของพวกเขาหายไป เธอก็อาจไม่ได้มาที่นี่
บางทีวิญญาณอาจแตกสลายไป บางทีอาจกำลังรับโทษทัณฑ์อยู่ในนรก สรุปคือเธอไม่คิดว่าตัวเองจะได้ขึ้นสวรรค์ ท้ายที่สุด ในชาติที่แล้วเธอก็เข่นฆ่าผู้คนไปเป็นจำนวนมากในระหว่างสงครามและการแย่งชิงอำนาจ
แต่เพราะสงครามกลางเมือง เธอจำเป็นต้องทำ
“เสี่ยวเยาเยา…” เย่ว์หลั่งหลั่งน้ำตาให้กับความใจดีและมีน้ำใจของลูกสาวสุดที่รักของเขา
มู่เถาเยา “…”
คุณพ่อคนนี้ไม่รู้สึกอายบางเลยหรือยังไงที่ร้องไห้เป็นเด็กๆ ต่อหน้าลูกสาวของตัวเอง
ความถี่ในการร้องไห้ของเขา แทบจะเทียบได้กับเด็กที่ขี้แยที่สุดในหมู่บ้านเถาหยวนซานแล้ว! ยังไม่ทันได้ทำอะไรก็น้ำตาไหลหยดแหมะ นี่มัน…ตาแก่ขี้แยคนหนึ่งชัดๆ !
“เล่าเรื่องเกี่ยวกับเผ่าหมาป่าพระจันทร์ให้หนูฟังได้ไหมคะ”
ตอนนี้เธอเข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว แต่เพื่อหยุดน้ำตาของพ่อ เธอจึงต้องรีบเบี่ยงเบนความสนใจของเขา
และไม่มีหัวข้อสนทนาไหนจะเหมาะกับสถานการณ์ได้เท่ากับหัวข้อนี้อีก
การที่เธอเป็นฝ่ายริเริ่มถามขึ้น เท่ากับว่าเธอไม่ได้ขัดข้องที่จะกลับเข้าตระกูล
เย่ว์หลั่งเช็ดน้ำตาและพูดด้วยเสียงที่แหบต่ำเล็กน้อยเหมือนกับเสียงของแม่เหล็ก “ลูกรักของพ่อ เผ่าหมาป่าพระจันทร์ของเราเป็นเผ่าที่มีความสามัคคีมากที่สุดในโลก และก็เป็นเผ่าที่สวยงามที่สุดด้วย!”
มู่เถาเยาพยักหน้า
“เผ่าของเรามีภูเขาและแม่น้ำที่กว้างใหญ่ หุบเขาตระการตากลางป่าลึกและแม่น้ำสายเล็กที่สวยงาม ทุ่งหญ้าเขียวขจี ทุ่งหิมะสีขาวโพลนไกลสุดลูกหูลูกตา หมู่เกาะที่มีมนต์ขลัง และท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวที่สวยงาม…แถมยังมีซากโบราณเก่าแก่นับไม่ถ้วนอีกด้วย…”
ตามที่มู่เถาเยาได้รู้มา เผ่าหมาป่าพระจันทร์เป็นเผ่าหนึ่งที่ได้รับพรจากธรรมชาติอย่างแท้จริง
ดอกไม้และต้นไม้ในเผ่าล้วนแก่งแย่งกันผลิบานเติบใหญ่ ทุ่งหญ้าทั้งผืนเป็นสีเขียว และมนุษย์ก็เต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจและความบริสุทธิ์ บรรยากาศที่อบอุ่นและกลมกลืนไปกับธรรมชาติเช่นนี้ ราวกับว่าธรรมชาติได้รวมสิ่งดีๆ ทั้งหมดในโลกนี้มาไว้ที่นี่แล้ว
เผ่านี้ยังมีชื่อเสียงโด่งดังในระดับสากลว่าเป็น ‘สวรรค์บนดินและดินแดนที่น่าอยู่ที่สุดในโลก’ เป็นดั่งไข่มุกที่แวววาวและเจิดจรัสที่สุดแห่งทวีปนี้
ตั้งแต่หมู่บ้านที่เงียบสงบขนาดเล็กไปจนถึงเมืองที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คน ล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและขนบธรรมเนียมของชาติพันธุ์ที่แข็งแกร่งมาก เป็นสถานที่ที่เปี่ยมไปด้วยสีสันและแปลกตา
เผ่าหมาป่าพระจันทร์เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกอย่างไม่ต้องสงสัย
การเดินทางไปเที่ยวที่เผ่าหมาป่าพระจันทร์สักครั้งหนึ่ง จะทำให้คุณได้เพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์อันยิ่งใหญ่ของธรรมชาติที่จะทำให้คุณมึนเมา ได้สัมผัสกับความเย็นสบายและสดชื่น และได้พักผ่อนท่ามกลางการโอบล้อมของธรรมชาติอย่างเต็มที่
แต่เนื่องจากวีซ่าเข้าเผ่านั้นขอยากเกินไป จึงไม่ค่อยมีใครได้เข้าไปที่นั่น
อย่างไรก็ตามทุกคนที่เคยไปเยือนและได้ไปสัมผัสกับธรรมชาติของเผ่าไม่มีใครที่กลับมาแล้วมีคำบ่น ทุกคนล้วนเต็มไปด้วยคำชมเชย ขนาดที่ว่าเอาแต่คิดถึงสถานที่นั้นและกระทั่งพยายามย้ายสัญชาติเข้าไปลงหลักปักฐานในเผ่าให้ได้
น่าเสียดาย ที่เผ่านี้ไม่ขาดเงิน พวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องยื่นข้อเสนอใดๆ เพื่อดึงดูดการลงทุน!
ดังนั้นหากคนนอกต้องการเข้าไปอยู่ที่นั่นจริงๆ จึงมีเพียงสองวิธีเท่านั้นที่ทำได้คือแต่งงานกับคนในเผ่าหรือเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่ได้รับการแนะนำมา
แต่ถึงแม้จะอยู่ในเงื่อนไขทั้งสองประเภทนี้ พวกเขาก็ยังต้องถูกนำประวัติขึ้นมาตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนถึงจะเข้าเผ่าได้
ถ้ามีร่องรอยที่ไม่น่าไว้วางใจอยู่แม้จะเพียงเล็กน้อย คำขอทั้งหมดก็จะถูกปฏิเสธทันที
ท้ายที่สุดแล้ว ไม่มีประเทศหรือเผ่าไหนที่ไม่กังวลว่าความลับและกำลังของตนจะรั่วไหลไปถึงหูของประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่เอาแต่จ้องดินแดนของผู้อื่นตาเป็นมัน
“ลูกรัก เผ่าหมาป่าพระจันทร์ของเรายังมีถนนที่ให้รถแล่นกว้างที่สุดในโลก…เรามีอาวุธที่ทันสมัยที่สุด…ทุกคนทุกบ้านล้วนมีอาวุธครบมือ แต่พวกเขาไม่ได้หยิ่งผยองหรอกนะ ออกจะเป็นคนสบายๆ ไม่ค่อยสนอะไรด้วยซ้ำ…ลูกจะต้องชอบพวกเขาแน่ๆ …”
มู่เถาเยาพยักหน้า
ไม่มีใครไม่ชอบประเทศและพลเมืองที่เป็นแบบนี้
เหตุผลที่เผ่าหมาป่าพระจันทร์ร่ำรวยและมีอำนาจส่วนใหญ่มาจากความสามัคคีในชาติ และพวกเขาไม่เคยนิ่งนอนใจ และแม้จะมีความสามารถ แต่ก็ไม่เคยหยิ่งยโสจนไม่เห็นหัวผู้ใด
จากข้อเท็จจริงที่ว่าคนตระกูลเย่ว์ในฐานะหัวหน้าเผ่ามีความใกล้ชิดกับผู้คนมาก ทั้งสงบเสงี่ยมและสุภาพ ก็พอมองเห็นได้คร่าวๆ ว่าบรรยากาศในเผ่านั้นย่อมไม่เลวร้าย
ถ้าคานบนตรง คานล่างย่อมไม่คดโดยง่าย
แน่นอนว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะเผ่าหมาป่าพระจันทร์ไม่ใช่ประเทศยักษ์ใหญ่ด้วย มิฉะนั้นถ้าเป็นเหมือนประเทศเหยียนหวงที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล ไม่ว่านโยบายจะดีเพียงใด มันก็ยากที่จะนำไปใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในบางสถานที่และบางบุคคล
พื้นที่ของเผ่าหมาป่าพระจันทร์ มีเพียงหนึ่งในห้าของประเทศเหยียนหวง และดินแดนที่กว้างใหญ่ของพวกเขายังมีประชากรเบาบางมาก
“เสี่ยวเยาเยา คนเผ่าหมาป่าพระจันทร์ของเราเกิดมาพร้อมกับพลังแห่งสายเลือด อยู่เหนือกว่าผู้คนในทุกกลุ่มชาติพันธุ์ในแง่ของความเร็วและประสาทสัมผัสทั้งหก…”
มู่เถาเยาก็รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ
พรสวรรค์ด้านศิลปะการต่อสู้ของเธอในชีวิตนี้ดีกว่าชีวิตที่แล้วมาก สันนิษฐานว่าไม่ใช่แค่เพราะประสบการณ์ของเธอเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะพลังสายเลือดของร่างกายนี้ด้วย
ใช้เวลาขับรถประมาณหนึ่งชั่วโมงจากย่านศิลปะทางทิศใต้ของเมืองไปยังย่านที่มั่งคั่งร่ำรวยทางทิศตะวันตกของเมือง ระหว่างนี้เย่ว์หลั่งได้พรรณนาถึงความสวยงามของเผ่าหมาป่าพระจันทร์ให้มู่เถาเยาฟังอย่างละเอียด จนเธอรู้สึกราวกับได้ย้ายตัวเองไปอยู่ในสภาพแวดล้อมนั้นจริงๆ
“ลูกรัก รอลูกว่างเมื่อไหร่กลับไปที่เผ่าสักครั้งดีไหมลูก พ่อจะเป็นไกด์พาลูกทัวร์เผ่าหมาป่าพระจันทร์ทั้งหมดเอง”
เมื่อมู่เถาเยาได้ยินคำว่า ‘ลูกรัก’ อีกครั้ง ร่างอันบอบบางของเธอก็สั่นสะท้าน ขนลุกไปทั้งตัว
คำเรียกนี้ อย่างกับมองเธอเป็นเด็กน้อย!
เธอไม่คุ้นชินกับมันจริงๆ !
“ช่วงนี้หนูยังไม่มีเวลาค่ะ รอปิดเทอมฤดูร้อนก่อนค่อยว่ากัน”
“ได้ เมื่อไหร่ก็ได้ลูกรัก พ่อส่งคนมาดูแลลูกสักสองสามคนได้ไหม” เขาถามอย่างระมัดระวัง
“…ไม่ต้องค่ะ หนูอยู่แบบนี้ก็ดีแล้ว” เปลี่ยนคำเรียกนั้นได้ไหมล่ะ
“แต่ว่าลูกยุ่งออกขนาดนี้ พ่อแค่อยากช่วย” ปวดใจเหลือเกิน!
“ไม่ว่าจะไปเข้าเรียนหรือไปตรวจโรค ก็ไม่มีใครทำแทนหนูได้ไม่ใช่เหรอคะ”
เย่ว์หลั่ง “…แต่อย่างน้อยข้างตัวลูกก็มีคนให้คอยเรียกใช้”
“ไม่จำเป็นหรอกค่ะ พวกเขาทำสิ่งที่หนูทำไม่ได้หรอก”
พ่อเย่ว์ “…” ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้น
ฉุนจัด!
ลูกสาวสุดที่รักมีความสามารถมากเกินไป คนอื่นเลยกลายเป็นหมดประโยชน์เมื่อมาอยู่ต่อหน้าเธอ
“ลูกรัก พ่อทำอะไรให้ลูกไม่ได้เลยเหรอ ฮึก” เย่ว์หลั่งเริ่มมีหยาดน้ำเอ่อคลอขึ้นที่ดวงตา
มู่เถาเยา “…”
ใครก็ได้ช่วยมาเก็บคุณพ่อขี้แยคนนี้ใส่กระเป๋าที!
“คือว่า…อันที่จริง…ก็มีเรื่องที่สามารถทำได้อยู่” เรื่องอะไรดีล่ะ
รีบคิดเร็วเข้า ก่อนที่จะจมน้ำตายกันทั้งรถ!
“ลูกรัก บอกพ่อมาได้เลยว่าลูกอยากให้พ่อทำอะไร” พายุฝนเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นท้องฟ้าในวันแดดจัดโดยพลัน
“เอ่อ…” ยังไม่ทันได้คิดค่ะ
เย่ว์หลั่งน้ำตารื้นขึ้นมาอีกครั้ง
“คือว่าพ่อช่วยหาหนังสือทางการแพทย์และหนังสือที่เกี่ยวกับพิษเก่าๆ มาให้หนูหน่อยได้ไหม เผ่าหมาป่าพระจันทร์เป็นเผ่าที่เก่าแก่มากเผ่าหนึ่ง น่าจะเคยได้รับพวกมันมาสักสองสามเล่มจากชาวบ้านหรือไม่ก็จากถนนที่ขายของโบราณพวกนั้น”
มู่เถาเยาโพล่งออกมาด้วยความรีบร้อน
หัวใจของเธอกำลังหลั่งเหงื่อเย็นเปียกโชก
เธอคิดไม่ตก ว่าทำไมชายร่างใหญ่ที่สูงกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตรคนหนึ่ง แถมยังมีใบหน้าเคร่งขรึม บุคลิกก็ไม่ได้อ้อนแอ้น จะมีนิสัยไม่ดีอย่างการชอบร้องไห้?
ไม่เห็นเคยได้ยินข่าวลือแบบนี้จากในแวดวงระดับสากลเลย
“ได้สิ ได้เลยลูกรัก ลูกเองก็อย่าหักโหมมากเกินไปนะ การเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปดีไหม”
“ค่ะ” เธอไม่รู้สึกว่าตัวเองหักโหมเกินไป
แต่เธอก็ยุ่งมากจริงๆ
ยุ่งมากจนไม่มีเวลาไปอยู่กับอา ไปคอยกระตุ้นให้ความสัมพันธ์ระหว่างอากับน้าเล็กอวิ๋นพัฒนาไปอีกขั้น ให้พวกเขาลงเอยกันได้เสียที
แต่เรื่องใดๆ ไม่สามารถทำได้เพียงครึ่งๆ กลางๆ ได้
ถ้าเธอรู้ก่อนว่าตัวเองจะได้พบกับอา เธอจะไม่ตกลงเข้ามหาวิทยาลัยเด็ดขาด
อืม พูดแบบนี้ก็ไม่ถูก
ถ้าเธอไม่ออกจากหมู่บ้านเถาหยวนซาน เธอก็คงไม่ได้ไปพบกับพี่รองและเธอกับอาก็คงไม่มีวันจำกันได้
ท่ามกลางความบังเอิญที่สับสนวุ่นวายนั้น เหมือนว่าทุกอย่างได้ถูกจัดวางเอาไว้แล้ว