อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 164 ลูกสุดที่รักเก่งจริงๆ
ตอนที่ 164 ลูกสุดที่รักเก่งจริงๆ
วันจันทร์
เย่ว์หลั่งไปส่งลูกสาวสุดที่รักที่สนามสอบหัวข้อที่สี่ จากนั้นก็รอเธอสอบเสร็จออกมาที่ลานจอดรถด้านนอกสนามสอบ
อุบัติเหตุในสนามสอบหัวข้อที่สามครั้งก่อนทำเอาเขาตกใจมาก
ตอนนี้เวลาลูกสาวของเขาออกไปไหนเขาก็มักกังวล แทบอยากจะตามประกบ! รู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่ามีคนไม่ดีคอยคิดจะทำร้ายลูกสาวสุดที่รักของเขาอยู่ตลอด!
ความคิดแบบนี้ทำให้เขาเกร็งไปหมดทั้งตัว
จนกระทั่งมู่เถาเยาสอบเสร็จ กรอกที่อยู่สำหรับรับใบขับขี่ กลับมาขึ้นรถอีกครั้ง เขาถึงได้โล่งอก
“เป็นอะไรไปคะพ่อ ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า เอาข้อมือมาให้หนูจับชีพจรหน่อยค่ะ”
“อ๋า ไม่ใช่หรอก พ่อแค่กังวล ไม่ได้ไม่สบาย”
“…สอบครั้งนี้ง่ายมากค่ะ”
“พ่อรู้ แค่กลัวมีคนมาทำร้ายลูก”
มู่เถาเยา “…คราวก่อนเป็นอุบัติเหตุ ไม่ได้มีคนอยากทำร้ายหนูหรอกค่ะ”
“อืม ลูกพ่อ พวกเรากลับมหาวิทยาลัยตอนนี้เลยไหม”
“กลับเลยค่ะ”
“ได้ เดี๋ยวตอนเที่ยงพ่อมารับลูกกับพวกอธิการบดีเจียงออกไปกินข้าวนะ”
“พ่อคะ ไม่ต้องมาหรอกค่ะ อันนั่วมีรถ เดี๋ยวถึงเวลาเขาก็รับหนูกับเสี่ยวอิน รวมถึงอาจารย์อาเล็กออกไปด้วยกัน พ่อกับเหลียงจีไปรอที่ร้านอร่อยรสเลิศเลยก็ได้ค่ะ”
“ได้ งั้นพ่อกับศิษย์พี่ใหญ่ของลูกจะไปรอพวกลูกที่ร้านอาหารเลยนะ”
“ค่ะ”
สองพ่อลูกคุยกันตั้งแต่สนามสอบขับรถไปจนถึงมหาวิทยาลัยแพทย์เย่ว์ตู
บรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่น ราวกับเหมือนไม่เคยพรากกันไปสิบแปดปี
ร่ำลาเสร็จมู่เถาเยาก็หยิบคอมพิวเตอร์กับกล่องยาใบน้อยของตัวเองลงจากรถ
เย่ว์หลั่งไปที่โรงพยาบาลผิงคัง
เนื่องจากลำดับอาวุโสของลูกสาวเทียบเท่าเฉิงหราน เย่ว์หลั่งที่อายุเท่าเขาจึงต้องอาวุโสกว่าเขาหนึ่งรุ่น
เฉิงหรานแอบลำบากใจ
เขาไม่รู้ว่าควรเรียกพ่อของศิษย์น้องว่ายังไงดี
“คุณเย่ว์…”
“ศิษย์พี่ใหญ่ของลูกสาว เรียกชื่อผมตรงๆ เลยก็ได้ครับ”
เฉิงหราน “…”
เรียกชื่อคุณ แต่คุณกลับไม่เรียกชื่อผม นั่นไม่เท่ากับว่าผมไม่คู่ควรมีชื่อหรอกเหรอ
“…ครับ เย่ว์หลั่ง คุณจะอยู่เย่ว์ตูกี่วันเหรอครับ ถ้าไม่รีบ ไว้ผมจะพาไปเดินเที่ยว”
“ขอบคุณสำหรับน้ำใจครับ ผมกินข้าวกับพวกคุณเสร็จก็จะกลับเผ่าแล้วครับ” แม้จะไม่อยากแยกกับลูกสาวก็ตาม
“รีบขนาดนั้นเลยเหรอครับ” ไม่อยู่กับเสี่ยวเยาเยาอีกสักสองสามวันเหรอ
“ครับ ช่วงสองสามปีนี้พวกเราจะค่อยๆ ผลักดันเผ่าของเราสู่สายตาชาวโลก ต่อไปเสี่ยวเยาเยาก็จะสบายขึ้นมาก”
“…หัวหน้าเผ่าหมาป่าพระจันทร์ไม่น่าจะสละตำแหน่งเร็วขนาดนั้นหรือเปล่าครับ”
เฉิงหรานสงสารศิษย์น้อง ที่มากกว่าคือความเสียดาย
ถ้าศิษย์น้องเป็นหัวหน้าเผ่าก็ต้องไปอยู่ที่เผ่า งั้นถ้าพวกเขาอยากเจอหน้าบ่อยๆ ก็ไม่สะดวกแล้ว
“ครับ ไม่เร็วขนาดนั้น หลายปีมานี้ขอบคุณที่ช่วยดูแลเสี่ยวเยาเยานะครับ เธอฉลาดหลักแหลม จิตใจดี อ่อนโยนได้ขนาดนี้ คงหนีไม่พ้นการสั่งสอนจากพวกคุณ”
“เกรงใจเกินไปแล้วครับ ศิษย์พี่อย่างพวกเราไม่ได้ทำอะไรเลยครับ พวกอาจารย์ต่างหากที่สั่งสอนเสี่ยวเยาเยา”
“เสี่ยวเยาเยาเล่าให้พวกเราฟังแล้วครับว่าพวกศิษย์พี่เอ็นดูเธอมาก”
“เสี่ยวเยาเยาเป็นเด็กดีมาตลอด เอาใจใส่ กตัญญู…ใครเห็นก็เอ็นดูเธอครับ”
รอยยิ้มของเย่ว์หลั่งกว้างกว่าเดิม
ใครดีกับลูกสาวสุดที่รักของเขา เขาก็ชอบหมด
“ได้ยินเสี่ยวเยาเยาบอกว่า อันนั่วจะไปท่องเที่ยวเรียนรู้ในหลายประเทศตอนเดือนกันยายนเหรอครับ”
“ใช่ครับ โตแล้วก็ต้องออกไปเรียนรู้โลกกว้างบ้าง”
“งั้นสถานที่แรกมาที่เผ่าของเราได้นะครับ ปาเฝ่ยบอกว่า เขาเคยพูดคุยกับอันนั่ว อยากมีเวลาแลกเปลี่ยนความรู้กันมากอีกหน่อย ในเผ่าของเรามีสมุนไพรอยู่ทั่วทุกที่ เขาเรียนแพทย์แผนโบราณ น่าจะชอบที่นั่นแน่นอนครับ”
เฉิงหรานแสดงสีหน้าดีใจมาก
“เดิมทีเมืองเย่ว์ตูก็เป็นศูนย์กลางแลกเปลี่ยนความรู้ทางการแพทย์ระดับนานาชาติอยู่แล้ว อันนั่วเลยไม่เคยไปไหนไกล จบปริญญาเอกครั้งนี้ออกไปท่องเที่ยวก็เพื่อไปเรียนรู้จากคนที่เก่งกว่า มองเห็นข้อบกพร่องของตัวเอง แบบนี้ถึงจะก้าวหน้าครับ”
เย่ว์หลั่งพยักหน้า “สถานะของสกุลปาในเผ่าหมาป่าพระจันทร์ก็เทียบได้กับสถานะของแพทย์แผนโบราณในประเทศเหยียนหวงของพวกคุณ มีจุดที่ควรค่าแก่การเรียนรู้แน่นอนครับ ต่อไปพวกเราจะสนับสนุนให้นักเรียนออกไปแลกเปลี่ยนความรู้ให้มากขึ้นครับ”
“ถึงแม้เผ่าหมาป่าพระจันทร์จะถ่อมตัว แต่ชื่อเสียงของหมอเทวดาปาถิงก็เป็นที่โจษจันในวงการแพทย์มากครับ” น้ำเสียงของเฉิงหรานเต็มไปด้วยความเคารพ
ทั้งสองคนยิ้มหน้าบานเริ่มยกยอปอปั้นกันเอง
เมื่อคุยกันได้ประมาณหนึ่งก็ออกไปยังสถานที่นัด
คนที่มาถึงพร้อมพวกเขาคือศิษย์พี่หญิงห้าของมู่เถาเยากับสามี และศิษย์พี่หกกับภรรยา รวมถึงเหลียงจี
ประมาณสิบนาทีต่อมาคนจากมหาวิทยาลัยแพทย์เย่ว์ตูก็มาถึงกัน
โต๊ะกลมขนาดใหญ่นั่งกันได้พอดี
มู่เถาเยามีสีหน้ายินดี
เถ้าแก่ร้านกับภรรยามาเสิร์ฟอาหารให้ด้วยตัวเอง
“พี่ไช่ อาการหอบของเสี่ยวเซวียนดีขึ้นหรือยังคะ”
ครั้งก่อนที่เธอมากินอาหารร้านนี้ เกาเซวียนลูกชายวัยห้าขวบของเถ้าแก่มีอาการโรคหอบกำเริบ เธอจึงช่วยฝังเข็มให้
เถ้าแก่เนี้ยยิ้มกว้างตอบ “พวกเราทำตามที่หมอเทวดาน้อยบอก ตอนนี้เสี่ยวเซวียนไม่ต้องพึ่งยาแล้วค่ะ!”
“ค่ะ โรคหอบเป็นโรคที่อาการกำเริบได้ ต้องคอยระวังไม่ให้อาการกลับมาอีก”
“พวกเราจะระวังค่ะ ขอบคุณเสี่ยวเถาเยามาก”
เถ้าแก่เกา “หมอเทวดาน้อย โรคของเสี่ยวเซวียนมีโอกาสหายขาดไหมครับ”
“โรคหอบหืดเป็นหนึ่งในสี่โรคเรื้อรังที่องค์การอนามัยโลกยอมรับ รักษาได้ยากมาก ตอนนี้เสี่ยวเซวียนไม่ต้องใช้ยาแล้วก็ถือว่าได้ผลทางการรักษา ส่วนเรื่องหายขาด ก็มีความเป็นไปได้ในอนาคตค่ะ”
เธอเริ่มศึกษาการฝังเข็มรักษาโรคหอบแล้ว
เมื่อก่อนเธอสนใจแค่โรคร้ายแรงหรือโรคที่รักษายาก แต่ในชีวิตจริงโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ที่คนที่เราห่วงใยมักเป็นกันคือโรคที่พบได้บ่อยทั่วไป
เธอจะข้ามสิ่งเหล่านี้ไปศึกษาสิ่งที่ยากก่อนไม่ได้
การเรียนรู้ไม่มีสิ้นสุด
โรคที่ดูเหมือนเป็นเรื่องง่าย แต่กลับรักษาให้หายขาดได้ยาก แต่โรคที่ดูเหมือนรุนแรง พอผ่าตัดเสร็จกลับฟื้นตัวได้รวดเร็ว
แต่ละทักษะล้วนมีความเฉพาะในตัว
การเรียนรู้ที่ตรงเป้าหมายอาจทำให้เราบรรลุระดับสูงของเพดานในบางขอบเขตได้
แต่สิ่งที่มู่เถาเยาต้องการไม่ใช่เรื่องใดเรื่องหนึ่ง แต่เป็นทุกเรื่อง
เถ้าแก่เนี้ย “หมอเทวดาน้อย ขอบคุณมากจริงๆ พวกเราขอเลี้ยงมื้อนี้เองค่ะ”
“หมอมีหัวใจดุจพ่อแม่ เป็นสิ่งที่ควรทำอยู่แล้วค่ะ แต่ค่าอาหารยังไงก็ต้องคิด ไม่อย่างนั้นคราวหน้าไม่มาแล้วนะคะ”
ทุกคนพยักหน้า
“…งั้นจะลดให้นะคะ”
“ได้ค่ะ ครั้งหน้านัดเวลากัน ฉันจะตรวจร่างกายเสี่ยวเซวียนให้อีกครั้ง”
“ได้ค่ะๆ กินข้าวกันก่อนนะคะ”
“ค่ะ”
หลังจากเถ้าแก่เกากับภรรยาออกไปแล้ว เย่ว์หลั่งก็เอ่ยปากชมลูกสาวทันที “ลูกพ่อเก่งจริงๆ !”
มู่เถาเยา “…”
พ่อไม่อายแต่หนูอายนะ!
ไม่ใช่เด็กน้อยสองสามขวบเสียหน่อย! ต้องขนาดนี้เลยเหรอ
ทุกคนพากันพยักหน้า
“เสี่ยวเยาเยาเก่งจริงๆ !” มันต้องขนาดนี้แหละ!
เฉิงอันนั่วเกือบหลุดหัวเราะ
ก็ผู้อาวุโสนี่นะ!
ถึงแม้อาจารย์อาเล็กของเขาจะเก่งจริง แต่เขาไม่มีทางพูดชมแบบนี้
เขามีแต่จะพูดว่า ‘อาจารย์อาเล็กสุดยอดไปเลย!’
มู่เถาเยา “…กินข้าวเถอะค่ะ”
เย่ว์หลั่งคีบกับข้าวให้ลูกสาว
อาจารย์อาเล็กที่อยู่อีกด้านก็คีบให้
ไม่นานชามเล็กของมู่เถาเยาก็มีกับข้าวอยู่เต็ม
มู่เถาเยาก็คีบกับข้าวที่พวกเขาชอบกินให้
ทั้งสองคนยิ้มหน้าบานประหนึ่งถูกรางวัลที่หนึ่ง
คนอื่นๆ ทั้งอิจฉาทั้งจนปัญญา
ใครใช้ให้พวกเขาไม่ได้นั่งข้างเสี่ยวเยาเยาล่ะ
กินอาหารกลางวันกันไปชั่วโมงกว่าอย่างครึกครื้น มู่เถาเยาให้ทุกคนกลับไปทำงานไปเรียนได้แล้ว
เธอกับอาจารย์อาเล็กและพวกเหลียงจีสามคนไปส่งเย่ว์หลั่งกลับเซิ่งซื่อฉางอัน
จากนั้นเหลียงจีค่อยส่งเย่ว์หลั่งกลับเผ่า