อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 190 อยากรวมตัวลาออก
ตอนที่ 190 อยากรวมตัวลาออก
ในหน้าร้อน พอพ้นเวลาตีห้าฟ้าก็เริ่มสว่างแล้ว
เนื่องจากคนตระกูลตี้มาที่เมืองเย่ว์ตูอีกครั้ง บอดี้การ์ดกับไป๋เฮ่าอวี๋ที่ได้หยุด รวมถึงพ่อบ้านจงกับอาคุนที่ก่อนหน้านี้ตามไปอยู่หมู่บ้านเถาหยวนต่างก็กลับมากันแล้ว
หลังจากที่กลับจากเมืองหลวงมาเมื่อคืน มู่เถาเยาก็แจกยากำลังภายในให้ทุกคน นัดรวมวันนี้เช้าตอนหกโมงเพื่อสอนพวกเขากินยา ฝึกลมปราณ ทำให้สรรพคุณยากำลังภายในหมุนเวียนในร่างกาย
ปู่ ย่า หลาน สามคนของตระกูลตี้นั่งอยู่บนเก้าอี้ยาวหน้าประตูใหญ่มองพวกเขาฝึกกำลัง
เจ้าถุงลมน้อยแกว่งแขวนตวัดขาตามมู่เถาเยาอย่างตั้งใจ
หนึ่งชั่วโมงต่อมามู่เถาเยาก็เสร็จสิ้นการสอน
ทุกคนรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในตัวเองอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อกำลังภายในนี้หมุนเวียนอยู่ในร่างกายหนึ่งสัปดาห์ก็จะตกผลึกที่ศูนย์รวมในร่างกาย
ไป๋เฮ่าอวี๋ “คุณหมอเทวดา แค่นี้พวกเราก็สำเร็จแล้วเหรอครับ”
“ค่ะ ต้องฝึกแบบนี้ทุกวันเป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้วค่อยฝึกฝนในแบบของตัวเองค่ะ”
อาคุนถามด้วยความเขินอาย “คุณหมอเทวดามีเคล็ดลับการฝึกต่อสู้อะไรจะถ่ายทอดให้พวกเราไหมครับ”
มู่เถาเยามองทุกคนที่อยู่รอบๆ ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วคลายออก
“แนวทางการฝึกต่อสู้ของพวกคุณไม่เหมือนกัน สิ่งที่เหมาะกับคุณอาจไม่เหมาะกับพวกเขา แต่ฉันก็ไม่มีเวลาสอนพวกคุณทีละคนด้วย”
ตี้อู๋เปียนเดินเข้ามาหามู่เถาเยาที่เริ่มลำบากใจ “ซาลาเปาน้อย ไม่งั้นเธอก็สอนท่าที่คิดว่าเหมาะกับคนไหนก่อน ส่วนที่เหลือวันหลังว่างๆ ค่อยว่ากัน”
มู่เถาเยาพยักหน้า “ได้ ฉันมีวิชาพลังฝ่ามือที่เหมาะกับคุณลุงพ่อบ้านพอดี”
พ่อบ้านจงเบียดอาคุนออกไป ยิ้มหน้าบานยิ่งกว่าดวงอาทิตย์ในตอนนี้
“คุณหมอเทวดา รีบสอนเร็วเข้าครับ รีบสอนเลย”
“พรุ่งนี้แล้วกันค่ะ เดี๋ยวฉันต้องไปเข้าเรียนแล้ว”
พ่อบ้านจงถามชนิดที่แทบทนรอไม่ไหว “งั้นพรุ่งนี้พวกเราเริ่มกี่โมงครับ”
“ต่อไปคุณลุงพ่อบ้านต้องตื่นเร็วกว่าพวกเขาหนึ่งชั่วโมง ฉันสอนคุณลุงเสร็จ คุณลุงก็ฝึกที่เพิ่งเรียนมากับพวกเขา”
“ซาลาเปาน้อย แบบนี้เธอก็ต้องตื่นเร็วขึ้นหนึ่งชั่วโมงสิ…ลำบากเธอแย่” ตี้อู๋เปียนปวดใจ
พ่อบ้านจง “นั่นสิครับคุณหมอเทวดา ไม่งั้นผมตื่นเร็วขึ้นหนึ่งชั่วโมงฝึกที่เรียนวันนี้ก่อน พอพวกเขาฝึกคุณหมอค่อยสอนพลังฝ่ามือให้ผมดีไหมครับ”
มู่เถาเยาส่ายหน้า อธิบาย “พวกคุณไม่มีพื้นฐานวิทยายุทธ์ ฝึกคนเดียวเกิดมีข้อสงสัยก็ถามใครไม่ได้ แบบนั้นจะฝึกได้ไม่ดี ไม่ต้องห่วงค่ะ ตื่นเร็วขึ้นหนึ่งชั่วโมงไม่ได้แตกต่างอะไรมากสำหรับฉัน”
เมื่อชาติก่อนเธอตื่นเร็วกว่านี้อีก!
“คุณหมอเทวดา งั้นฝึกตอนเย็นได้ไหมครับ” พ่อบ้านจงเห็นใจมู่เถาเยา
“ตอนเย็นฉันยิ่งไม่มีเวลาเข้าไปใหญ่ และก็ไม่เหมาะด้วย ตอนนี้เป็นฤดูร้อน เวลาที่ดีที่สุดของการตื่นนอนคือตีห้า เพราะเวลานี้พลังหยางแรงที่สุด และทีเด็ดของพลังฝ่ามือที่ว่านี้ก็คือสามารถเก็บเอาพลังหยางมาไว้ใช้เองได้”
ถ้าเป็นฤดูหนาวไม่เหมาะที่จะตื่นเวลานี้ เพราะความพิเศษในตัวฤดูเอง
บอดี้การ์ดทุกคนมองพ่อบ้านจงด้วยดวงตาแดงก่ำ
อิจฉา
“งั้น…คุณหมอเทวดา พลังฝ่ามือที่ว่านี้ต้องฝึกนานแค่ไหนถึงจะฝึกเองได้ครับ คุณหมอยังเป็นนักศึกษาอยู่ ตื่นเช้านานวันเข้าผมกลัวคุณหมอจะนอนไม่พอ”
พ่อบ้านจงรู้สึกย้อนแย้งในใจ
เขาอยากเรียน แต่อีกใจก็ไม่อยากรบกวนเวลาพักผ่อนของมู่เถาเยา
“งั้นต้องดูที่ศักยภาพส่วนบุคคลแล้วค่ะ คุณลุงพ่อบ้านเคยเป็นหัวหน้าทหาร ต้องมีศักยภาพมากแน่นอน ถึงแม้อายุจะมากกว่าคนปกติที่ฝึกไปหน่อย แต่พลังฝ่ามือที่ว่านี้ก็เหมาะกับคนที่อายุค่อนข้างมากพอดีค่ะ”
นี่เป็นวิชาที่เป่ยจิ้ง ปู่ของฮองเฮาเป่ยหลีของเยี่ยนหังเป็นคนคิดค้นขึ้นมา
เธอ เป่ยหลี เยี่ยนหัง ต่างก็เคยฝึก แต่ยังห่างชั้นกับปู่ของเป่ยหลีอีกไกล ขั้นสูงของอดีตประมุขสำนักบู๊ลิ้ม
ตอนนั้นสุขภาพของเธอไม่ดีก็เป็นเรื่องจริง แต่เป่ยหลีกับเยี่ยนหังแข็งแรงมาก หัวไว แต่ก็ยังฝึกได้ไม่ดีเช่นกัน
พ่อกับอาสองคนของเป่ยหลีกลับฝีมือนำพวกเขาสามคนไปได้สบายๆ
พวกเขาศึกษาค้นคว้าอยู่ครึ่งปีเต็มๆ ถึงพบความลับที่น่าอัศจรรย์
พ่อบ้านจงได้ฟังก็ยิ้มหน้าบาน
ดูซิเจ้าพวกคนหนุ่มยังจะกล้าดูถูกคนแก่อย่างเขาอีกไหม!
หึ!
ไว้เขาฝึกจนเป็นเมื่อไรจะจัดการเจ้าพวกนี้สักยก!
อาคุนเบียดเข้าไปอยู่ตรงหน้ามู่เถาเยา ถามด้วยสีหน้าคาดหวัง “คุณหมอเทวดา พวกเราฝึกวิชาพลังฝ่ามือด้วยไม่ได้เหรอครับ”
“มันก็ได้อยู่หรอกค่ะ แต่กับคนที่ไม่เหมาะจะทำได้ไม่ดี เหมือนงานบางอย่าง ใช้คนไม่ถูกก็จะดึงศักยภาพออกมาได้ไม่เต็มที่ ผลงานไม่โดดเด่น”
อาคุนพูดด้วยความรีบร้อน “ไม่เป็นไรครับ พวกเราเรียนเยอะๆ ย่อมดีกว่า อีกหน่อยมีวิชาไหนเหมาะกับใครก็เรียนด้วยกัน รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหามครับ”
บอดี้การ์ดทุกคนพากันพยักหน้าหงึกๆ
พวกเขาร่างกายแข็งแรง ลำบากนิดหน่อยไม่เห็นเป็นไร!
มู่เถาเยาไม่ว่าอะไรเรื่องนี้ สอนคนเดียวก็คือสอน สอนหลายคนก็คือสอนเช่นกัน
เธอเองก็มีสิ่งที่ถนัด เช่น เธอเป็นหมอรุ่งกว่าทำอาหาร แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการมีความสามารถหลายอย่าง แค่จะทำเป็นมากเป็นน้อยเท่านั้น
“งั้นพวกคุณก็ตื่นมารวมกันตอนตีห้าแล้วกันค่ะ”
“ครับ!”
เหล่าบอดี้การ์ดดีอกดีใจจนขัดต่อภาพลักษณ์อันน่าเกรงขาม
พ่อบ้านจงก็ไม่กลัวที่พวกเขาจะมาฝึกด้วย เพราะคุณหมอเทวดาบอกว่าวิชานี้เหมาะกับเขามากที่สุด งั้นเขาจะต้องเป็นคนที่ฝึกได้ดีที่สุดแน่นอน!
เหลียงจียิ้มถาม “เสี่ยวเยาเยา พี่ฝึกด้วยได้ไหมจ๊ะ”
“ได้ค่ะ พี่มีพื้นฐานวิทยายุทธ์ ยิ่งฝึกได้เร็วกว่าพวกเขา”
“งั้นพี่อาจฝึกได้ดีกว่าพ่อบ้านจงหรือเปล่า”
“เป็นไปไม่ได้ค่ะ วิชาพลังฝ่ามือเหมาะกับผู้ชายวัยกลางคนที่อายุค่อนข้างเยอะ”
“งั้นเสี่ยวเยาเยา ไว้เธอมีเวลาช่วยหาวิชาที่เหมาะกับพี่ให้ได้ไหม”
“ได้ค่ะ พวกพี่ก็ไม่ต้องหมกมุ่นเรื่องฝึกต่อสู้มากเกินไป ประเทศเหยียนหวงของพวกเราสงบสุข ไม่น่าเกิดสงครามหรอกค่ะ เอาเวลาไปฝึกสมองอาจจะเหมาะกว่า”
ต่อให้มีสงครามก็ไม่มีทางถึงขั้นรบประชิดตัว
วิทยายุทธสูงส่งแค่ไหนก็กลัวขีปนาวุธอยู่ดี
ดังนั้นอยู่ยุคปัจจุบันพึ่งสมองย่อมดีกว่า ไม่อย่างนั้นบนโลกคงไม่มีสงครามของพวกอัจฉริยะ
ตี้อู๋เปียน “ซาลาเปาน้อย เรื่องช่วยพวกเขาฝึกสมองไว้เป็นหน้าที่ฉันเอง”
พวกบอดี้การ์ดรวมถึงพ่อบ้านจงต่างแสดงสีหน้าตื่นกลัว
อยู่ๆ ก็เกิดอยากรวมตัวกันลาออก
เหลียงจี “?”
มู่เถาเยาพยักหน้า “ได้ ยังไงซะฉันก็ไม่มีเวลา”
“อืม ซาลาเปาน้อย ระยะนี้เธอจะพักที่นี่หรือเปล่า”
“ฉันกับเหลียงจีพักที่ตำหนักพระจันทร์ดีกว่า เดี๋ยวรบกวนคุณช่วยหาคนไปทำความสะอาดให้หน่อย”
เจ้าถุงลมน้อยจับมือมู่เถาเยาแกว่งไปมา “อันเหยี่ยจะพักกับพี่สาว”
มู่เถาเยาย่อตัวลงพูดกับเด็กน้อย “พี่สาวต้องตื่นแต่เช้ามาฝึกกำลัง ยังต้องไปเรียนอีก ตอนเที่ยงก็ไม่ได้กลับมา”
เจ้าถุงลมน้อยกะพริบตาปริบๆ “อันเหยี่ยก็จะตื่นแต่เช้ามาฝึกด้วย! อันเหยี่ยจะเก่งเหมือนพี่สาว! เก่งกว่าอาเล็ก!”
พ่อของเขาบอกว่าอาเล็กเก่งที่สุด แต่อาเล็กไม่เก่งเท่าพี่สาว
ตี้อู๋เปียน “…”
มู่เถาเยาหยิกแก้มยุ้ยของเจ้าถุงลมน้อย “อันเหยี่ยยังเด็ก ต้องนอนเยอะๆ ถึงจะโตไวๆ นะจ๊ะ”
“แต่อันเหยี่ยก็อยากเก่งเหมือนกัน” เจ้าถุงลมน้อยมีสีหน้าลังเล
ตี้อู๋เปียน “ซาลาเปาน้อย วิทยายุทธไม่ได้ฝึกตั้งแต่เด็กเหรอ อันเหยี่ยไม่เหมาะเหรอ”
“ก็ใช่ว่าจะฝึกด้วยกันไม่ได้ แต่เขาเพิ่งสามขวบ ต้องนอนให้เป็นเวลาถึงจะไม่ส่งผลต่อการเจริญเติบโต”
“ซาลาเปาน้อย งั้นเธอมีศิษย์พี่ที่ว่างอยู่ไหม ช่วยหาสักคนมาสอนอันเหยี่ยหน่อยสิ”
“ทหารตระกูลเยี่ยก็มีคนที่มีวรยุทธไม่ใช่เหรอ อย่างเยี่ยเซียวใครเป็นคนสอนเหรอ”
“พวกเขาไม่เก่งเท่าพวกศิษย์พี่ของเธอ”
มู่เถาเยาพยักหน้าอย่างจริงจัง “ก็จริง”
คำพูดนี้เป็นเรื่องจริงแท้แน่นอน ไม่จำเป็นต้องถ่อมตัว
ถ้าลูกศิษย์ของสำนักอันดับหนึ่งที่เก็บตัวปลีกวิเวกยังสู้คนในโลกปุถุชนไม่ได้ แบบนั้นก็ละทิ้งชื่อตัวเองเถอะ จะได้ไม่อายคนอื่นเขา