อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 203 หมกมุ่นขุดสมุนไพร
ตอนที่ 203 หมกมุ่นขุดสมุนไพร
มู่เถาเยากลับขึ้นห้องไปหยิบกระเป๋าผ้าสะพายคาดบ่า จากนั้นถึงไปห้องหนังสือตรวจเช็กของที่อยู่ในกล่องยาใบน้อย
ลงไปห้องยาที่อยู่ข้างๆ เตรียมพวกยาให้ครบ
เสี่ยวเหยี่ยร้องฮี้
เจ้านาย ไปด้วย ไปด้วย!
มู่เถาเยาลูบหัวของมันเบาๆ “เสี่ยวเหยี่ย ฉันจะไปตามหาพ่อนาย อยู่กับแม่ที่บ้านดีๆ นะ”
เสี่ยวเหยี่ยซุกเธอ
จะไปด้วย!
“ตอนนี้นายยังเข้าไปในเขตป่าชั้นในไม่ได้ ที่นั่นอันตรายมาก ต้องอยู่ที่เขตป่าชั้นนอกทำความคุ้นเคยกับป่าก่อน”
เสี่ยวเหยี่ยเกิดในฟาร์ม ตอนสองขวบเคยพามันกลับมาหนึ่งครั้ง มันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขตป่าชั้นในมีอะไร
สัตว์ไม่เหมือนกับคน หากเจออันตรายต่อให้เธอสู้ไม่ได้ก็ยังพาคนหนีได้ แต่เธอพาเสี่ยวเหยี่ยหนีไม่ไหว
มันสูงหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตร หนักตั้งสามพันจิน[1]!
เธอแบกน้ำหนักพันกว่าจินไหว แต่สามพันจิน แค่อุ้มยังอุ้มไม่ขึ้นเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพามันหนี!
ราชาม้าป่าพ่อของเสี่ยวเหยี่ยหนักสี่พันกว่าจิน สูงประมาณสองเมตรครึ่ง
สัตว์ที่อยู่เขตป่าชั้นนอกของป่าเซียนโหยวสูงใหญ่กว่าสัตว์ที่อยู่ที่อื่น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสัตว์ในเขตป่าชั้นใน
แน่นอนว่าราชาม้าป่าหนักถึงขนาดนี้ย่อมไม่ใช่เพราะอ้วน แต่กระดูกของม้ามีมวลกระดูกสูง พอเป็นแบบนี้ลำพังแค่น้ำหนักกระดูกก็ไม่น้อยแล้ว กอปรกับกล้ามเนื้อของมันก็แน่นมาก อัตราไขมันต่ำ น้ำหนักโดยรวมก็เลยค่อนข้างมาก
สัตว์กินพืชอย่างม้าเมื่ออยู่เขตป่าชั้นใน หากวิ่งไม่เร็วก็ต้องเป็นอาหารของสัตว์กินเนื้อตัวอื่น
ต้องวิ่งเร็ว ทั้งยังวิ่งบ่อย ไม่มีทางอ้วนแน่นอน
มู่เถาเยากล่อมเสี่ยวเหยี่ยอยู่ประมาณสิบนาทีถึงหลุดออกมาได้
เอากล่องยาใบน้อยใส่ตะกร้า สะพายไว้บนบ่า กลับเข้าบ้านร่ำลาทุกคน
อาจารย์แม่เล็กเอากล่องใส่ข้าวโพดกับมันเทศใส่ในตะกร้าให้มู่เถาเยา
“เสี่ยวเยาเยา ระวังตัวด้วยนะ”
“ค่ะ ทุกคนไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”
เจ้าถุงลมน้อยปล่อยสุนัข เข้าไปจูงมือมู่เถาเยา
“อันเหยี่ย พี่สาวพาหนูไปด้วยไม่ได้”
เจ้าถุงลมน้อยกะพริบตาปริบๆ เขาไม่เข้าใจ
ย่าตี้เข้าไปจับเขาออกมา
“อันเหยี่ย พี่สาวจะไปเก็บสมุนไพร เราไม่รู้เรื่องพวกนี้เลยตามไปไม่ได้” จะไปเป็นภาระเอา!
“เก็บสมุนไพรให้อาเล็กกิน” อาเล็กยังไม่หายดี ต้องกินยากับฝังเข็มถึงจะหาย ตอนเขาป่วยก็แบบนี้
ตี้อู๋เปียน “…”
อาจารย์ใหญ่ “เสี่ยวเยาเยา รีบไปเถอะ ต้องกลับมาอย่างปลอดภัยก่อนอาหารเย็นนะ ทุกคนจะได้ไม่เป็นห่วง”
“ค่ะ”
ปลายเท้าของมู่เถาเยากระโดดไปแตะหลังคา เหาะไปป่าเซียนโหยวด้วยความเร็วสูงสุด
ป่าเซียนโหยวในฤดูร้อนเย็นสบายมาก แสงแดดสาดส่องเข้ามา ทำให้เขตป่าชั้นในที่แสนน่ากลัวไม่ดูอึมครึมมากนัก
ไม่อยากเก็บสมุนไพรที่พบได้บ่อย สมุนไพรราคาแพงก็มีเยอะแล้ว สมุนไพรที่ขาดก็หายากมาก
แต่ครั้งนี้ที่เธอเข้ามาหลักๆ คือตามหาราชาม้าป่ากับมองหา ‘หญ้าร้อยรส’
จะต้องเจอราชาม้าป่าตรงที่ที่มันออกมาบ่อยๆ แน่นอน
แต่ ‘หญ้าร้อยรส’ คงไม่เจอง่ายๆ อย่างน้อยเธอเข้าออกเขตป่าชั้นในตั้งหลายครั้งก็ยังไม่เคยเจออยู่ตรงไหน
ถึงแม้เมื่อก่อนจะเก็บสมุนไพรอย่างมีจุดหมาย แต่ก็เข้าออกนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ถ้าง่ายก็น่าจะเคยบังเอิญเจอสักครั้งสองครั้งหรือเปล่า
มู่เถาเยาเดินไปตามร่องรอยของราชาม้าป่า ประมาณตอนเที่ยงก็เจอตัวราชาม้าป่ากำลังกินหญ้าอย่างสบายใจ
“เกาหม่า”
อืม เกาหม่าเป็นชื่อที่มู่เถาเยาตั้งให้ราชาม้าป่า ความหมายก็คือม้าสูงใหญ่
คนกับม้ามองหน้ากันสักพักถึงขยับเข้าหากัน
มู่เถาเยายกมือลูบหัวของมัน
ราชาม้าป่าให้ความร่วมมือด้วยการก้มหัว
มู่เถาเยาที่สูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบสองเซนติเมตรดูตัวเล็กไปถนัดตาเมื่อเทียบกับราชาม้าป่าที่สูงใหญ่เกือบสองเมตรครึ่ง
“เกาหม่า ฉันพาลูกเมียของนายมาแล้ว เดี๋ยวตามฉันออกไปเจอพวกเขานะ อยู่กับพวกเขาที่เขตป่าชั้นนอกสักระยะ”
“ฮี้…” ลูกชายผมเป็นยังไงบ้าง
“เสี่ยวเหยี่ยเติบโตมาอย่างดี สูงใหญ่น่าเกรงขามเป็นพิเศษ อีกสองสามปีน่าจะสูงเท่านายแล้ว อืม รูปงามมากด้วย สีผิวเหมือนแม่ ส่วนอย่างอื่นเหมือนนาย”
“ฮี้ๆ…” เมียผมล่ะ
“เสี่ยวเซวี่ยก็สบายดี วางใจเถอะ”
“ฮี้ๆๆ…”
อันที่จริงต่างฝ่ายต่างฟังไม่เข้าใจกัน ก็แค่พูดในสิ่งที่อยากรู้และอยากบอกออกมาเท่านั้น แต่ก็ไม่ส่งผลต่อการสนทนา
คนกับม้าพูดคุยกันแบบเหมือนจะเข้าใจอยู่หนึ่งชั่วโมง ต่างฝ่ายต่างกินอาหารกลางวัน
หลังจากกินอิ่ม มู่เถาเยาก็หาสมุนไพรตรงบริเวณนั้นหนึ่งชั่วโมง จากนั้นก็กลับพร้อมราชาม้าป่าไปตรงที่ที่มันชอบอยู่มากที่สุด
ตรงนั้นมีฝูงม้าป่า มันต้องบอกลาม้าตัวอื่น หวังว่าพอกลับมาอีกครั้งจะไม่มีม้าหายไปสักตัว
มู่เถาเยาก็ไม่รีบร้อน เธอมองหาสมุนไพรขณะที่ราชาม้าป่าบอกลาฝูง
จุดที่ฝูงม้าป่ามาอาศัยอยู่ย่อมไม่ค่อยมีสิ่งมีพิษ สัตว์ดุร้ายน้อย เธอก็ไม่ต้องระวังอะไรมาก ก้มหน้าก้มตาหาสมุนไพรได้
ตอนที่ราชาม้าป่าร้องเรียก เธอยังหมกมุ่นอยู่กับการขุดสมุนไพรชนิดที่ถอนตัวไม่ขึ้น
แม้จะไม่เจอหญ้าร้อยรส แต่วันนี้ก็ได้สมุนไพรเยอะพอควร
แต่ละจุดต่างมีความเหมาะสมเฉพาะที่สมุนไพรจะเจริญเติบโต
ทางนี้แสงแดดเพียงพอมีหญ้าจื่อหยางอยู่ไม่น้อย ก็แค่ไม่เจอร่องรอยของดอกไม้สองชีวิตที่ชอบมัน
มู่เถาเยาสะพายตะกร้าที่ได้สมุนไพรเกินครึ่ง กลับเข้าไปตรงจุดที่ฝูงม้าอยู่
“เกาหม่า ไปกันได้แล้วเหรอ”
“ฮี้…ฮี้…”
“ได้ ตอนนี้ยังไม่เย็น พวกเราไม่รีบ ขอเก็บสมุนไพรเยอะหน่อยแล้วกัน”
“ฮี้ๆ…ฮี้ๆ…”
มู่เถาเยาไม่เข้าใจในสิ่งที่มันพูด ก็เลยทำตามที่ตัวเองต้องการ
“เกาหม่า รู้หรือเปล่าว่าแถวไหนมีของหายากเยอะ”
ราชาม้าป่า “…”
“ก็ได้ นายก็ไม่รู้เหมือนกัน งั้นพวกเราเดินไปทางตะวันออกสักพักค่อยวกกลับทางใต้ อืม เกาหม่า ตามมานะ”
ม้าไม่มีบังเหียน เธอเลยจูงมันเดินไม่ได้ ทำได้เพียงเดินนำอยู่ด้านหน้า
“ฮี้ๆๆ…”
“มีอะไรเหรอเกาหม่า”
“ฮี้…”
ราชาม้าป่าเดินไปขวางทางมู่เถาเยาไว้
“เกาหม่า ทางนี้มีอะไรเหรอ พวกเราไปไม่ได้เหรอ”
“ฮี้ๆ…”
“งั้นทางตะวันตกล่ะ”
มู่เถาเยาเปลี่ยนทิศทาง
ราชาม้าป่าที่วิ่งได้เร็วไม่ให้เธอไป แสดงว่ามีความกังวลแน่นอน
ถ้าเธอตัวคนเดียว เธอไม่กลัวอยู่แล้ว อย่างมากก็แค่เพิ่มความระมัดระวังหน่อย
มู่เถาเยาเดินไปได้สองก้าว ราชาม้าป่าก็ร้องฮี้อีกครั้งแล้ววิ่งไปตรงหน้าเธอ
“มีอะไรเหรอ ทางนี้ก็ไปไม่ได้เหรอ หรือจะเป็น…รังหมาป่า”
ม้าตัวอื่นกลัวสิงโต กลัวเสือ แต่ราชาม้าป่าไม่กลัว เพราะสัตว์เหล่านั้นวิ่งไม่ทันมัน มันวิ่งเร็วกว่าเสือชีตาห์อีก!
สัตว์ที่วิ่งเร็วกว่าราชาม้าป่าแทบไม่มี…
ถ้าเป็นรังหมาป่า งั้นก็เข้าไปไม่ได้จริงๆ
หมาป่าเป็นสัตว์ที่อยู่รวมกันเป็นฝูง อีกทั้งออกล่าพร้อมกัน
มันเป็นสัตว์นักล่าที่แข็งแกร่งที่สุดในธรรมชาติ สติปัญญาก็สูง สัตว์ที่เข้าไปในรังหมาป่าแทบไม่มีโอกาสรอดเลย เว้นเสียแต่จะบินได้!
“เกาหม่า ทางนั้นมีฝูงหมาป่าใช่ไหม”
เธอยังไม่เคยเจอหมาป่าในป่าเซียนโหยว เดิมทียังแปลกใจอยู่ว่าทำไมถึงไม่มีหมาป่า แต่ดูจากตอนนี้ ก็แค่เธอไม่เคยบังเอิญเจอมัน
อืม ไว้วันหลังค่อยเข้าไปดูหน่อย
ต่อให้เป็นฝูงหมาป่าที่เก่งสักแค่ไหนเธอก็ไม่กลัว เพราะไม่ใช่แค่ความเร็วของเธอที่เร็วกว่าพวกมัน เธอยังเหาะได้ด้วย!
ยิ่งไปกว่านั้นเธอมีสายเลือดของเผ่าหมาป่าพระจันทร์
ได้ยินว่าคนเผ่าหมาป่าพระจันทร์สั่งให้หมาป่ามาเป็นพวกได้ งั้นเธอที่มีสายเลือดบริสุทธิ์โดยตรงก็ไม่น่าจะด้อยหรือเปล่า
จิน[1] หนึ่งจินเท่ากับครึ่งกิโลกรัม