อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 213 จะน้อยใจหรือเปล่า
ตอนที่ 213 จะน้อยใจหรือเปล่า
การสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่จัดสอบสามวันปิดฉากลง เจียงเฟิงเหมียนเหมือนนกที่หลุดออกจากกรง รีบมุ่งหน้าไปหามู่เถาเยาที่มหาวิทยาลัยแพทย์เย่ว์ตู
วันนี้หลังจากที่ทุกคนมาส่งเธอ เธอก็บอกให้กลับไปหมด
เดิมทีเมื่อก่อนไปโรงเรียนเธอก็นั่งรถมานั่งกลับบ้านเอง พอสอบเสร็จพวกผู้ปกครองก็ไม่กังวลแล้ว
หลังเลิกเรียนมู่เถาเยาเห็นเจียงเฟิงเหมียนก็แอบประหลาดใจเล็กน้อย
“เสี่ยวเหมียน ทำไมไม่กลับบ้านก่อนล่ะ อาจารย์อาเล็กกับอาจารย์อาสะใภ้เล็กต้องรอเธออยู่ที่บ้านแน่”
“ฉันโทรหาพ่อตอนอยู่บนรถแล้วค่ะ พ่อกับแม่รู้ว่าฉันจะมาหาพี่แล้วกลับบ้านพร้อมกัน”
บ้านที่เจียงเฟิงเหมียนพูดถึงก็คือตำหนักพระจันทร์ในเขตเซิ่งซื่อฉางอัน
ช่วงหลายวันมานี้เธอพักอยู่ที่ตำหนักพระจันทร์ ก่อนหน้านี้สัญญากันไว้ว่าพอสอบเสร็จจะมาเรียนทำอาหารกับเหลียงจี ก็เลยไม่กลับบ้านตัวเองแล้ว
ส่วนอาจารย์อาเล็กกับอาจารย์อาสะใภ้เล็กเพิ่งย้ายกลับไปวันนี้ตอนบ่าย
มู่เถาเยามองเจียงเฟิงเหมียนที่ตาโตเปล่งประกาย แอบรู้สึกไม่ดี “เสี่ยวเหมียน คราวหน้าไม่ว่าเรื่องอะไรต้องกลับบ้านไปเจอพ่อแม่ก่อนนะ”
“พี่เยาเยา พ่อกับแม่วางใจมาก ดีใจที่ฉันมาหาพี่”
“…” เด็กคนนี้อาจไม่เข้าใจหัวอกของพ่อแม่
ดีใจก็ดีใจอยู่หรอก วางใจมันก็แน่นอน แต่ว่าอาจารย์อาเล็กกับอาจารย์อาสะใภ้เล็กจะไม่น้อยใจเหรอ
ช่างเถอะ สาวน้อยมีความสุขขนาดนี้ อย่าหาเหตุผลอะไรให้มากดีกว่า
“พวกเรากลับบ้านกัน กลับถึงบ้านค่อยโทรหาเสี่ยวหว่าน พรุ่งนี้ให้พี่เหลียงจีไปรับมา”
“ได้เลย”
เด็กสาวทั้งสองคนคล้องแขนเดินไปที่ลานจอดรถ เฉิงอันนั่วกับปาอินรอพวกเธออยู่บนรถ
เย็นนี้ปาอินเข้าครัว อยากให้เจียงเฟิงเหมียนกินจนพุงแตก
แน่นอนว่าคำพูดนี้เจียงเฟิงเหมียนเป็นคนพูดเอง
“พี่เสี่ยวอิน ฉันอยากกินซุปแบบเมื่อคราวก่อน”
พอขึ้นรถได้เจียงเฟิงเหมียนก็เริ่มสั่งอาหาร
“ต้มไว้แล้ว กินข้าวกลางวันเสร็จพี่ก็เริ่มทำเลย ก่อนออกมามหา’ลัยก็ให้พี่เหลียงจีช่วยดู ตอนนี้น่าจะได้ที่แล้วแหละ เดี๋ยวถึงบ้านก็กินรองท้องสักชามก่อนนะ”
“ดีเลยๆ !”
มู่เถาเยาก็ยิ้มด้วย
เจียงเฟิงเหมียนเป็นจอมตะกละที่เปิดเผย ส่วนมู่เถาเยาเป็นจอมตะกละแบบไม่เผยตัว
เป็นนักกินตัวยงที่ไม่พลาดของอร่อย!
เฉิงอันนั่วฟังสามสาวเจื้อยแจ้วเรื่องของกินจนเขารู้สึกว่าท้องร้องเป็นเพลงแล้ว
พอกลับถึงบ้าน ทุกคนก็รีบตรงไปยังห้องครัวชนิดที่แทบทนรอไม่ไหว เล่นเอาเหลียงจีที่กำลังซาวข้าวสะดุ้งตกใจใหญ่
“มีอะไรเหรอ”
เจียงเฟิงเหมียน “พี่เหลียงจี ซุปเสร็จยังคะ พวกเราจะกินซุปก่อนค่อยกินข้าวค่ะ”
เหลียงจี “…อยากกินซุปก็กินได้เลยจ้ะ”
“งั้นพวกเรากินไปต้มไปแล้วกัน” เจียงเฟิงเหมียนไปล้างมือหยิบชาม
ครั้งนี้ไม่มีผู้ใหญ่อยู่ด้วย ทุกคนก็เลยตามสบายกันใหญ่
แม้แต่เหลียงจีก็ซดซุปกับทุกคนในห้องครัวด้วย
เจียงเฟิงเหมียนซดไปคนเดียวสองชาม
ถ้าปาอินไม่บอกว่าเดี๋ยวมีกับข้าวอีก เธอยังอยากกินชามที่สาม
“พวกเธอไปเล่นข้างนอกก่อนไป ฉันจะเริ่มทำกับข้าวแล้ว”
เฉิงอันนั่วผู้ชายเพียงคนเดียวย่อมต้องช่วย
เหลียงจีก็อยากช่วยเหมือนกัน
“พี่เหลียงจี พี่ก็ออกไปด้วย พวกเราเพิ่งกินซุปไป ไม่หิวแล้ว ทำช้าหน่อยไม่เป็นไรค่ะ”
“ก็ได้”
ยกห้องครัวให้เชฟใหญ่ปาอินกับผู้ช่วยเฉิงอันนั่ว พวกมู่เถาเยาสามคนไปห้องรับแขก
เจียงเฟิงเหมียนกับเหลียงจีกำลังคุยเรื่องซุปเมื่อครู่ มู่เถาเยาวิดีโอคอลกับมู่หว่าน
“เสี่ยวเยาเยา!”
“เสี่ยวหว่าน กินข้าวหรือยัง คุณลุงผู้ใหญ่บ้านกับป้าสะใภ้อยู่ด้วยไหม”
“แม่ฉันอยู่ ตอนนี้พวกเราอยู่บ้านลุง พ่อฉันไปช่วยลุงทำอาหาร”
“อืม เธอจะมาพรุ่งนี้ใช่ไหม”
“ใช่ๆ พอฉันกลับมาจากเย่ว์ตูก็จองตั๋วเครื่องบินเลย”
มู่เถาเยา “…” รีบเหรอ!
“เสี่ยวเยาเยา พรุ่งนี้พอฉันไปถึงจะโทรหาพี่เหลียงจี ขอให้ออกมารับหน่อย”
“…เดิมทีฉันจะให้พี่เหลียงจีไปรับเธอที่กังตู”
“ไม่ต้องๆ นั่งเครื่องบินไปจากที่นี่สะดวก”
“…แต่เธอต้องตื่นเช้ามากเลยนะ”
“ไม่เป็นไร พ่อกับแม่ไปส่งฉันที่สนามบินก่อนค่อยกลับหมู่บ้านเถาหยวนซาน”
“ได้ ก่อนขึ้นเครื่องส่งข้อความบอกฉันกับพี่เหลียงจีด้วยนะ”
“อื้อๆ”
เสี่ยวเยาเยากับพี่เหลียงจีต้องตื่นแต่เช้ามาฝึกกำลัง ดังนั้นส่งข้อความหาได้ไม่เป็นการรบกวนการพักผ่อน
เจียงเฟิงเหมียนพูดแทรก “พี่เสี่ยวหว่าน พรุ่งนี้ฉันจะไปรับพี่พร้อมพี่เหลียงจี”
มู่เถาเยายื่นโทรศัพท์มือถือให้
“เสี่ยวเหมียน ไม่ต้องมารับที่สนามบินหรอก รอรับที่ทางเข้าเซิ่งซื่อฉางอันก็พอ”
“ต้องสิๆ ยังไงซะพวกเราก็มีเวลา”
“ก็ได้ พี่เอาของฝากจากกังตูไปให้ทุกคนด้วย ลุงกับป้าพี่เตรียมให้”
“ว้าว ฉันชอบกินมากที่สุดเลย! ขอบคุณลุงมู่กับป้ามู่ค่ะ!”
“เสี่ยวเหมียน ไม่ต้องเกรงใจจ้ะ”
มีเสียงผู้หญิงวัยกลางคนพูดแทรกเข้ามา
ตามมาด้วยใบหน้าของผู้หญิงวัยกลางคนอายุสี่สิบกว่าที่ปรากฏบนหน้าจอ
“ป้ามู่”
เจียงเฟิงเหมียนยิ้มดวงตาโค้งมนเรียกด้วยความดีใจ
นับตั้งแต่รู้ว่ามู่เถาเยาเคยกินนมป้ามู่ตอนเด็กๆ เจียงเฟิงเหมียนก็ยิ่งกระตือรือร้นเป็นกันเองกับสตรีวัยกลางคนที่แสนใจดีคนนี้
สำหรับเธอแล้ว มู่หว่านคือเพื่อน ส่วนมู่เถาเยาเป็นพี่สาว พี่สาวที่เริ่มรู้จักตั้งแต่เธอเกิด
อาจารย์ปู่พาพี่เยาเยามาเยี่ยมตั้งแต่เธอเกิด ชื่อนี้ก็พี่เยาเยาตั้งให้
ดังนั้นไม่ถึงกับต้องปฏิบัติด้วยเป็นพิเศษ แต่ก็มีความแตกต่างอยู่
“เสี่ยวเหมียน หนูกับเสี่ยวหว่านสอบเสร็จแล้วเที่ยวให้เต็มที่เลยนะ แต่อย่ารบกวนเสี่ยวเยาเยาล่ะ รายนั้นงานยุ่งมาก”
เจียงเฟิงเหมียนพยักหน้าเชื่อฟัง “ทราบแล้วค่ะ หนูกับพี่เสี่ยวหว่านจะเรียนทำอาหารกับพี่เหลียงจีอยู่ที่บ้านค่ะ”
“จ้ะ ฝากสวัสดีอธิการบดีเจียงกับคุณแม่หนูด้วยนะจ๊ะ”
“ป้ามู่กับลุงผู้ใหญ่บ้านไม่มาเย่ว์ตูด้วยกันเหรอคะ”
“ลุงกับป้าอยู่ที่กังตูกับเสี่ยวหว่านนานแล้ว ต้องกลับหมู่บ้านเถาหยวนซานแล้วจ้ะ”
“ค่ะ งั้นเอาไว้เจอกันที่หมู่บ้านเถาหยวนซานนะคะ”
“จ้ะ คุยกับเสี่ยวหว่านไปนะ ป้าจะไปช่วยเก็บของก่อน”
“ค่ะ ไว้เจอกันค่ะป้ามู่”
“เจอกันจ้ะ”
โทรศัพท์มือถือกลับไปอยู่ที่มือมู่หว่านอีกครั้ง
“เสี่ยวเหมียน พรุ่งนี้เหยาเหยาก็มาไหม”
“ยังไม่รู้เลย ต้องรอน้าเล็กอวิ๋นมาส่ง ไม่รู้ว่าน้าเล็กอวิ๋นวางแผนไว้ยังไง”
มู่เถาเยายิ้มพูด “น้าเล็กอวิ๋นกับเหยาเหยาจะมาพรุ่งนี้บ่าย”
“เยี่ยมเลย!”
เจียงเฟิงเหมียนกับมู่หว่านหัวเราะพร้อมกัน
เหลียงจีฟังสามคนนี้คุยกันก็พลอยยิ้มตามไปด้วย แต่ก็ลอบถอนหายใจ สาวๆ นี่ดีจังเลยน้า!
แต่เมื่อเทียบกับสองคนนี้ เจ้าหญิงน้อยของเธอไม่เหมือนเด็กอายุสิบแปดเลยสักนิด
เธอไม่รู้ว่าควรปวดใจหรือดีใจดี
มู่เถาเยามีประสาทสัมผัสที่ไว รู้สึกได้ถึงสายตาผิดปกติของเหลียงจี
“มีอะไรเหรอพี่เหลียงจี”
“เสี่ยวเยาเยามีความสุขไหม”
เจียงเฟิงเหมียนหันมา “พี่เยาเยาอารมณ์ไม่ดีเหรอคะ”
“ทำไมเสี่ยวเยาเยาถึงอารมณ์ไม่ดีล่ะ”
เสียงของมู่หวานลอดออกมาจากโทรศัพท์มือถือ เสียงสูงขึ้นอย่างชัดเจน
เหลียงจี “…”
มู่เถาเยา “…”
เจียงเฟิงเหมียนกับมู่หว่านไม่สนเรื่องคุยแล้ว หันมาจี้ถามว่าทำไมมู่เถาเยาถึงอารมณ์ไม่ดี
เหลียงจีกุมขมับ
มู่เถาเยา “ฉันไม่ได้อารมณ์ไม่ดี พวกเธอฟังผิดแล้ว”
เจียงเฟิงเหมียนมองเหลียงจี
เหลียงจีพยักหน้าจริงจัง “ใช่ พวกเธอฟังผิดแล้ว”
เจียงเฟิงเหมียนกับมู่หว่านถึงโล่งอก เริ่มคุยกันต่อ
มู่เถาเยากับเหลียงจีมองหน้ากัน ยิ้มมุมปากพร้อมกัน
“เสี่ยวเยาเยา สุดสัปดาห์หมอเทวดาหยวนมาจะพักที่นี่หรือพักที่เรือนอุ่นรักเหรอ”
“คงไปพักที่บ้านศิษย์พี่หญิงห้า อาจารย์ใหญ่มาก็เพื่อเยี่ยมศิษย์พี่หญิงห้า”
“ก็ดีเหมือนกัน พวกเขาจะได้ไม่ต้องเทียวมาเทียวไป ปล่อยสองคนนี้ไว้ตามลำพังพวกเราก็ไม่สบายใจ”
“อืม”
ตอนต่อไป