อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 221 ซาลาเปาเดินได้
ตอนที่ 221 ซาลาเปาเดินได้
ขณะที่กำลังครึกครื้นกันอยู่นั้น เฉิงอันนั่ว เหลียงจี และปาอินก็จ่ายตลาดเสร็จกลับมากันแล้ว พ่อบ้านจงก็พาคนเอาวัตถุดิบมาส่งพอดี
เมื่อเอาวัตถุดิบมารวมกัน ปริมาณขนาดนี้คาดว่ากินได้ถึงพรุ่งนี้
ปาอินกับเหลียงจีเป็นเชฟหลัก เชฟจากบ้านตระกูลตี้เป็นผู้ช่วย หลายคนช่วยกันทำกับข้าวอยู่ในครัวไม่เบียดเสียด
มู่หว่าน เจียงเฟิงเหมียน และอวิ๋นสุ่ยเหยาเดินวนอยู่ในห้องครัวสุดท้ายก็โดนไล่ออกไป
โดยให้เหตุผลว่าห้องครัวเป็นสถานที่ทำงาน ผู้ไม่เกี่ยวข้องห้ามเข้า
มู่เถาเยาเรียกพวกเธอมานั่งคุยเป็นเพื่อนทุกคน
สามสาวเป็นเด็กช่างพูด เจื้อยแจ้วได้ไม่หยุด สูสีกับหยวนเหยี่ยเลยทีเดียว
ไม่นานราชาตี้ คุณนายอวิ๋นเหอ รวมถึงตี้อู๋เปียนก็ถูกตัดออกจากวงสนทนา
สองสามีภรรยาถึงกับงง
ตี้อู๋เปียนปวดหัว
มู่เถาเยาอดขำไม่ได้
“คุณลุงคะ…”
เพิ่งเอ่ยปากเรียกก็มีเสียงเรียกเข้าของวิดีโอคอลเข้ามา
มู่เถาเยามองหน้าจอ ดวงตากลมโตของเธอโค้งมนเหมือนจันทร์เสี้ยวที่สว่างไสวขึ้นมาทันที
“เสี่ยวอันเหยี่ย”
“พี่สาวๆๆ…” เสียงของเด็กน้อยดังออกมา
“อันเหยี่ยอยู่หมู่บ้านเถาหยวนซานสนุกไหมจ๊ะ”
“สนุกมากฮะ! ปู่ทวดย่าทวดก็สนุก!”
“สนุกก็ดีจ้ะ คุณปู่คุณย่ากับอาเล็กของหนูอยู่ที่นี่กันหมด อันเหยี่ยอยากคุยด้วยไหมจ๊ะ”
“ได้ฮะ”
มู่เถาเยายื่นโทรศัพท์มือถือให้คุณนายอวิ๋นเหอ
“อันเหยี่ย”
“คุณย่า คุณปู่ อาเล็ก”
คุณนายอวิ๋นเหอมองเด็กตัวน้อยที่อยู่ในจอ “อันเหยี่ยอยู่บ้านพี่สาวเป็นเด็กดีหรือเปล่าจ๊ะ”
“อันเหยี่ยเป็นเด็กดี! คุณย่าฮะ อันเหยี่ยฝึกต่อสู้กับอาจารย์หลินด้วย”
“จริงเหรอ อันเหยี่ยของพวกเราเก่งจังเลย!”
“ใช่ฮะ อันเหยี่ยเก่งกว่าอาเล็กอีก!” เด็กน้อยหัวเราะเสียงดัง
ตี้อู๋เปียน “…”
เกี่ยวอะไรกับเขาด้วยล่ะเนี่ย!
พวกคุณนายอวิ๋นเหอคุยกับหลานชายอยู่สักพักก็คุยกับปู่ตี้ย่าตี้อีกเล็กน้อย จากนั้นถึงคืนโทรศัพท์ให้มู่เถาเยา
“ขอบใจจ้ะเสี่ยวเยาเยา”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณป้า”
มู่เถาเยาคุยกับเจ้าถุงลมน้อยอีกนิดหน่อยก็วางสาย เพราะเขาต้องไปเรียนแล้ว
เป่ยซีสอนวิชาวัฒนธรรมให้เขา
ตี้อู๋เปียนเหลือบมองห้องรับแขกที่ครึกครื้นเป็นพิเศษแล้วพูดกับมู่เถาเยา “ซาลาเปาน้อย ตามออกมาหน่อย ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”
มู่เถาเยารู้ว่าตี้อู๋เปียนจะคุยเรื่องอะไรกับเธอ จึงพูดขอตัวกับทุกคนแล้วตามเขาออกไป
นั่งลงบนม้านั่งหินข้างห้อง มู่เถาเยาถาม “ตี้อู๋เปียน เรื่องผลเทียบกับคลังข้อมูลเหรอ”
“อืม อาจารย์อาเล็กของเธอเป็นพี่น้องกับหมอลู่จริงๆ สัญชาตญาณเธอแม่นมาก!”
มู่เถาเยายิ้ม สดใสเจิดจ้ายิ่งกว่าดวงอาทิตย์ในยามบ่าย
ในที่สุดเธอก็ช่วยอาจารย์ตามหาพี่ชายจนเจอแล้ว!
ตี้อู๋เปียนเคลิ้มไปกับรอยยิ้มของเธอ
“ขอบใจนะตี้อู๋เปียน”
“ไม่เป็นไร ยังมีอีกเรื่อง อาเล็กของหมอลู่อาจเสียชีวิตไปแล้ว แม้เขาจะจัดการส่งพวกค้ามนุษย์เข้าคุกไปแล้ว แต่กลับถูกหักขาหนึ่งข้าง ถูกตัดมือหนึ่งข้าง…”
ตี้อู๋เปียนเอาเรื่องราวที่เยี่ยอิ่งให้คนของหน่วยร้อยแปดพันเก้าที่ถนัดสะกดรอยตามมากที่สุดไปสืบข่าว เล่าให้มู่เถาเยาฟังอย่างละเอียด
“เข้าใจแล้ว”
จะว่าไปอาเล็กของหมอลู่ก็บริสุทธิ์
เธอเห็นใจอาจารย์ของตัวเองเลยพาลโกรธเขาที่คบคนไม่ระวังทำให้เกิดเรื่องน่าเศร้าแบบนี้
ตอนนี้ถูกล้างแค้นแล้ว ต่อให้เธอโกรธแค้นแค่ไหนก็ต้องหาย
“อืม ซาลาเปาน้อย หมอลู่เดินกลับแล้วนะ”
“แน่ใจเหรอ”
“แน่ใจ เพราะเส้นทางที่หมอลู่เดินไปมีหนองน้ำอยู่ข้างหน้า”
“หนองน้ำเหรอ หมอลู่มีวิชาตัวเบา จะกลัวหนองน้ำได้ยังไง”
ตี้อู๋เปียน “…”
งั้นเขาก็ไม่รู้แล้วจริงๆ ว่าทำไมหมอลู่ถึงเดินกลับ
“ยังไม่ต้องสนใจสาเหตุ คืนนี้หรือไม่ก็พรุ่งนี้ฉันจะหาโอกาสคุยเรื่องนี้กับอาจารย์อาเล็ก อาศัยจังหวะตอนที่อาจารย์ใหญ่ก็อยู่ที่นี่ด้วย”
“ได้ พรุ่งนี้บ่ายฉันจะกลับหมู่บ้านเถาหยวนซานพร้อมปู่หยวน”
“อืม ด้วยความเร็วของหมอลู่ อีกหนึ่งสัปดาห์ก็น่าจะออกมาแล้ว ถ้าไม่เสียเวลาเก็บสมุนไพรนะ”
“ได้ ฉันจะคอยดูไว้”
“ถ้าหมอลู่ออกมาแล้วจริง สุดสัปดาห์ฉันจะกลับไป”
ตี้อู๋เปียนพยักหน้า
“ซาลาเปาน้อย เธอรู้จักหมอลู่ดีเหรอ”
“อืม เคยเจอตอนเด็กๆ”
ตี้อู๋เปียน “…”
เขาไม่เห็นสืบเจอว่าหมอลู่เคยมาหมู่บ้านเถาหยวนซาน
หรืออาจเจอกันตอนซาลาเปาน้อยออกไปก็ได้มั้ง แต่ไม่สำคัญหรอก
“ตี้อู๋เปียน คุณเคยเห็นโถดอกท้อไหม”
มู่เถาเยาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดรูปที่ลู่หันซูส่งมาให้ตี้อู๋เปียนดู
“โถดอกท้อเหรอ ของโบราณที่ลวดลายแบบนี้ไม่ค่อยพบเจอนะ”
“ใช่ ต่อให้ไม่ใช่ลายดอกไม้ที่ใช้บ่อยก็ไม่มีทางมีคนสลักลวดลายดอกท้อบนโถยาหรอก”
“ซาลาเปาน้อย โถใบนี้มันทำไมเหรอ เธอตามหามันเหรอ เดี๋ยวฉันช่วยนะ!”
“เปล่า ฉันรู้ว่ามันอยู่ที่ไหน ฉันแค่อยากถามคุณว่าเคยเจอในหนังสือเล่มไหนไหม”
เธออยากรู้ว่าโลกนี้ใช่ยุคปัจจุบันของแผ่นดินจงโจวหรือเปล่า
จากเบาะแสที่เธอได้มา มันคล้าย แต่ก็เหมือนไม่คล้าย
ตี้อู๋เปียนตั้งใจนึกอยู่สักพักแล้วส่ายหน้า “ไม่เคยเห็นเลยนะ”
“อ่อ”
ก็ไม่ได้ผิดหวังมาก
ต่อให้ใช่ เธอก็กลับไปไม่ได้แล้ว
มาโลกอนาคตได้ก็ถือว่าผิดธรรมชาติมากแล้ว มีเหรอที่เธอจะทำตามอำเภอใจได้
แต่ความบังเอิญที่นับวันจะมากยิ่งขึ้นมักทำให้เธออดนึกถึงไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเธอปล่อยวางไม่ได้
อาพูดถูก ไม่ว่าเรื่องไหนก็ปล่อยไปตามธรรมชาติ ถ้าเยี่ยนหังมาแล้ว เขาต้องมาตามหาพวกเธอแน่
“ซาลาเปาน้อย ตัวเธอดูมีปริศนานะ”
มู่เถาเยาเหลือบตาขึ้น “แล้วคุณไม่มีหรือไง”
อย่าคิดว่าเธอไม่สังเกตเห็น เธอก็แค่ไม่ถาม
ตี้อู๋เปียนหัวเราะ “อืม ฉันก็มี”
สักวันหนึ่งเขาจะบอกเธอ
ตอนนี้ไม่ใช่ไม่ไว้ใจ แต่กังวลเยอะเกินไป แม้แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจว่ามันเรื่องอะไรกันแน่
มู่เถาเยามองตี้อู๋เปียนที่หัวเราะอยู่แล้วพูดอย่างจริงจัง “ตี้อู๋เปียน คนที่มีความลับมีอยู่เยอะแยะบนโลกนี้”
“อย่างเช่น…หมอลู่เหรอ”
ซาลาเปาน้อยดูแคร์เรื่องหมอลู่มาก เขาถึงได้สืบอย่างละเอียด
ปรากฏว่าหมอลู่เป็นเพียงคนธรรมดา ไม่ได้มีความสามารถเข้าเขตป่าชั้นในได้
เขารู้ความเก่งกาจของหน่วยร้อยแปดพันเก้าดีว่ามีมากขนาดไหน แล้วนับประสาอะไรกับที่เขายังคุมหน่วยข้อมูลของประเทศด้วย รวมถึง…สปาย
ดังนั้นจะมีอะไรเล็ดลอดสายตาของเขาไปได้
เพียงแต่เขามีความลับ ก็เลยยอมรับได้ที่คนอื่นก็มีความลับเหมือนกัน
มู่เถาเยาพยักหน้า “อืม อย่าถามเลย ฉันเองก็ไม่บอกเหมือนกัน”
“ฉันไม่ถามหรอก”
สักวันหนึ่งเธอคงบอกฉันเอง
มู่เถาเยาหัวเราะ หรี่ตามองดวงอาทิตย์ที่คล้อยไปทางตะวันตกแล้ว “ตี้อู๋เปียน คุณว่าโลกนี้มีผีไหม”
“ถ้าเชื่อก็มี ไม่เชื่อก็ไม่มี”
แต่เขาเชื่อ
ขนาดพืชยังคุยกับเขาได้ ยังจะมีอะไรเป็นไปไม่ได้อีก
ก็แค่จะเทพ ผี หรือมนุษย์ ต่างคนก็ต่างอยู่ไม่ยุ่งกัน
ที่ไม่วุ่นวายเพราะมีกฎแห่งกรรมควบคุมอยู่
มู่เถาเยาหันมองตี้อู๋เปียน
“แปลกใจเหรอ”
มู่เถาเยาพยักหน้า “ด้วยระดับสติปัญญาของคุณ ไม่เหมือนคนที่จะพูดแบบนี้เลยนะ”
“เธอก็ไม่เหมือนคนที่จะพูดแบบนี้เหมือนกัน”
คนที่เรียนแพทย์ เรียนกฎหมาย ชอบพวกวิทยาศาสตร์ มีเหรอจะถามคำถามแบบที่ว่า ‘มีผีหรือเปล่า’
“มีผีหรือเปล่าไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือคนที่อยู่ข้างเราเป็นคนหรือผี”
“เป็นคนหรือผีแยกง่าย ซาลาเปาน้อย เธอไม่ต้องกลุ้มเรื่องนี้หรอก”
“อืม ตี้อู๋เปียน ทำไมคุณถึงเรียกฉันว่าซาลาเปาน้อย ฉันเหมือนซาลาเปาเดินได้เหรอ”
“…”
ตี้อู๋เปียนเริ่มหน้าแดง
ตอนต่อไป